พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,473 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 928/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษคดียาเสพติดจากข้อมูลที่เป็นประโยชน์และฐานะทางการเงินของผู้กระทำผิด
หลังจากเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้พร้อมด้วย 3, 4-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน จำนวน 10 เม็ด และคีตามีน 1 ขวด เป็นของกลางที่บริเวณหน้าห้อง 237/36 อาคารศรีวรา และนำจำเลยไปที่สถานีตำรวจ เจ้าพนักงานตำรวจตรวจพบกุญแจห้องพัก 1 ดอก ที่ตัวจำเลย จำเลยแจ้งว่าเป็นกุญแจห้องพักที่ห้อง 403 เจริญอพาร์ทเมนท์ และที่ห้องดังกล่าวยังมี 3, 4-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนและคีตามีนอีกจำนวนหนึ่ง เจ้าพนักงานตำรวจจึงนำจำเลยไปที่ห้องพักนั้น และตรวจพบ 3, 4-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนอีกจำนวน 210 เม็ด และคีตามีนอีกจำนวน 15 ขวด จากข้อเท็จจริงดังกล่าวนับว่าจำเลยได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจ สมควรลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 100/2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 904/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำคุกซ้ำซ้อนในคดียาเสพติด: ศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษตามมาตรา 97 ได้ แม้ศาลชั้นต้นจะยังมิได้เพิ่มโทษ
ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น แม้จะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 97 ด้วยก็ตาม แต่ในขั้นตอนการลงโทษจำคุกแก่จำเลยนั้น ศาลชั้นต้นได้เรียงกระทงลงโทษโดยลงโทษจำคุกฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 6 ปี และฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 6 ปี ทั้งนี้ ไม่ปรากฏข้อความในคำพิพกาษาของศาลชั้นต้นให้ตีความได้ว่าศาลชั้นต้นได้เพิ่มโทษจำคุกแก่จำเลยกึ่งหนึ่งแล้วแต่อย่างใด ประกอบพฤติการณ์แห่งคดีที่รับฟังยุติว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางมีจำนวนถึง 50 เม็ด และจำเลยก็เคยกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาก่อน แสดงว่าศาลชั้นต้นได้กำหนดโทษจำเลยในคดีนี้โดยยังมิได้เพิ่มโทษแก่จำเลยอีกกึ่งหนึ่งตามมาตรา 97 คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่กำหนดโทษแก่จำเลยโดยเพิ่มโทษอีกกึ่งหนึ่งจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 888/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด การพิสูจน์ความผิด และการแก้ไขคำสั่งศาลที่ไม่ถูกต้อง
เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ติดยาเสพติดให้โทษ จึงไม่อาจนำวิธีการเพื่อความปลอดภัยตาม ป.อ. มาตรา 49 มาใช้บังคับแก่จำเลยทั้งสองได้ ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งห้ามจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกชนิดภายใน 2 ปี นับแต่วันพ้นโทษตามบทกฎหมายดังกล่าว จึงเป็นการไม่ถูกต้อง ปัญหาดังกล่าว เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นแก้ไขให้ถูกต้องได้ แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8593/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสันนิษฐานทรัพย์สินเกี่ยวข้องยาเสพติด เมื่อผู้ถูกลงโทษเคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ผู้ถูกตรวจสอบต้องพิสูจน์หักล้าง
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งริบทรัพย์ของจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้คัดค้าน ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปรามปราบผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 29 วรรคสอง เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกผู้คัดค้านในความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ย่อมถือได้ว่าผู้คัดค้านเป็นผู้เกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อนตามบทบัญญติดังกล่าว ดังนั้น เงินหรือทรัพย์ของผู้คัดค้านที่มีอยู่หรือได้มาเกินฐานะหรือความสามารถในการประกอบอาชีพหรือกิจกรรมอย่างอื่นโดยสุจริต จึงถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ผู้คัดค้านมีหน้าที่นำสืบเพื่อพิสูจน์หักล้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาข้อเท็จจริงที่ขัดกับการรับสารภาพ และการพิจารณาฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดหลังฟ้องคดี
จำเลยได้รับอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่าไม่มีเจตนาต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการจับกุมจำเลยตามหน้าที่ รวมทั้งมิได้มีเจตนาใช้กำลังประทุษร้ายกัดมือซ้ายสิบตำรวจโท ข. นั้น ปรากฏว่าคดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพว่ากระทำความผิดตามฟ้อง จำเลยจะกลับเถียงข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นมิได้ เพราะมิใช่ข้อเท็จจริงที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 แม้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าว ศาลฎีกาก็ไม่อาจรับวินิจฉัยให้ได้เพราะกรณีที่จะอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 221 ต้องเป็นกรณีที่ต้องห้ามฎีกาตามมาตรา 218 มาตรา 219 และมาตรา 220 แห่ง ป.วิ.อ. เท่านั้น
พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดฯ มีเจตนารมณ์ในการฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานเสพยาเสพติดในขั้นที่ถูกกล่าวหา ตามความในมาตรา 19 วรรคหนึ่ง เพื่อเยียวยาแก้ไขเสียก่อนเข้าสู่กระบวนพิจารณาในชั้นศาล เมื่อจำเลยถูกฟ้องต่อศาลแล้ว มิใช่ผู้มีสถานภาพเป็นเพียงผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเสพยาเสพติด จึงล่วงพ้นเวลาและไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ตามกฎหมายที่อาจได้รับการพิจารณาเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด
พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดฯ มีเจตนารมณ์ในการฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานเสพยาเสพติดในขั้นที่ถูกกล่าวหา ตามความในมาตรา 19 วรรคหนึ่ง เพื่อเยียวยาแก้ไขเสียก่อนเข้าสู่กระบวนพิจารณาในชั้นศาล เมื่อจำเลยถูกฟ้องต่อศาลแล้ว มิใช่ผู้มีสถานภาพเป็นเพียงผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเสพยาเสพติด จึงล่วงพ้นเวลาและไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ตามกฎหมายที่อาจได้รับการพิจารณาเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองยาเสพติดเกิน 20 กรัม สันนิษฐานว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย และการริบโทรศัพท์มือถือที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด
จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลาง 11,000 เม็ด ไว้ในครอบครอง ซึ่งเมื่อคำนวณน้ำหนักเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 233.633 กรัม ซึ่งเกินกว่า 20 กรัม จึงเข้าข้อสันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 วรรคสอง นอกจากนี้ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ซึ่งตามบันทึกการจับกุมและบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาไม่ส่อพฤติการณ์ให้เห็นว่า จำเลยทั้งสองถูกเจ้าพนักงานตำรวจหลอกลวงให้รับสารภาพ โดยเฉพาะในชั้นสอบสวน พันตำรวจโท ส. พนักงานสอบสวนได้ยืนยันการรับสารภาพและได้มีการแจ้งสิทธิตามกฎหมายของผู้ต้องหาให้จำเลยทั้งสองทราบก่อนลงมือสอบปากคำจำเลยทั้งสองอันเป็นการสอบสวนโดยชอบแล้ว ส่วนในชั้นจับกุมขณะนั้นยังไม่มีกฎหมายบังคับให้เจ้าพนักงานตำรวจต้องแจ้งสิทธิก่อนทำการจับกุม จึงหาจำต้องแจ้งสิทธิดังกล่าวไม่ พยานหลักฐานของโจทก์จึงรับฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้อง
ทางนำสืบของโจทก์ ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้นำโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางมาใช้สำหรับติดต่อซื้อขายยาเสพติดให้โทษในคดีนี้อย่างไร โทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางจึงไม่ใช่เครื่องมือ เครื่องใช้ หรือวัตถุอื่น ซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 102 และไม่ใช่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติว่า ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยกระทำความผิด ซึ่งหมายถึงเฉพาะความผิดที่กระทำในคดีนี้ตาม ป.อ. มาตรา 32 และ 33 (2) จึงไม่อาจริบได้ตามขอ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคูความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็หยิบยกว่ากล่าวและสั่งคืนแก่เจ้าของได้
ทางนำสืบของโจทก์ ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้นำโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางมาใช้สำหรับติดต่อซื้อขายยาเสพติดให้โทษในคดีนี้อย่างไร โทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางจึงไม่ใช่เครื่องมือ เครื่องใช้ หรือวัตถุอื่น ซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 102 และไม่ใช่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติว่า ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยกระทำความผิด ซึ่งหมายถึงเฉพาะความผิดที่กระทำในคดีนี้ตาม ป.อ. มาตรา 32 และ 33 (2) จึงไม่อาจริบได้ตามขอ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคูความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็หยิบยกว่ากล่าวและสั่งคืนแก่เจ้าของได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7714/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการค้ายาเสพติด: ความผิดฐานตัวการร่วม vs. ผู้สนับสนุน และการลงโทษที่เหมาะสม
วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เป็นผู้ไปแจ้งดาบตำรวจ ส. ผู้ล่อซื้อให้เปลี่ยนแปลงสถานที่ส่งมอบเมทแอมเฟตามีน และจำเลยที่ 3 ได้แนะนำว่าจำเลยที่ 1 เป็นหุ้นส่วนค้ายาเสพติดด้วย แต่ก่อนเกิดเหตุไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เข้ามามีส่วนร่วมในการเจรจาตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนกับสายลับและดาบตำรวจ ส. แต่อย่างใด กลับได้ความจากคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ว่า วันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 กับพวก ได้มาหาจำเลยที่ 1 เพื่อว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 คอยดูต้นทางบริเวณที่เกิดเหตุว่ามีตำรวจมาหรือไม่ โดยจำเลยที่ 1 ได้ค่าจ้าง 100 บาท การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นเพียงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อันเป็นความผิดฐานผู้สนับสนุนเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7554/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กฎหมายยาเสพติดและอาวุธปืนที่แก้ไขใหม่ การลดโทษ และการริบของกลาง
ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย บทความผิดกฎหมายเดิมและกฎหมายที่แก้ไขใหม่คงใช้ข้อความทำนองเดียวกัน จึงต้องใช้กฎหมายเดิมที่ใช้ในขณะกระทำความผิดบังคับ ส่วนบทกำหนดโทษกฎหมายที่แก้ไขใหม่เป็นคุณมากกว่ากฎหมายเดิม เพราะมีโทษหลายสถานที่จะลงได้ จึงต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่บังคับ ซึ่งเป็นการใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณบังคับแก่จำเลยไม่ว่าในทางใด ตาม ป.อ. มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงมีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับบทกฎหมายให้ถูกต้อง รวมทั้งแก้ไขโทษเสียใหม่ให้เหมาะสมสอดคล้องกับบทกฎหมายที่แก้ไขใหม่ได้ด้วย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และคำรับในชั้นจับกุมของจำเลยเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา คดีมีเหตุบรรเทาโทษ แต่ศาลล่างทั้งสองลดโทษ ตาม ป.อ. มาตรา 78 ให้แก่จำเลยเพียงหนึ่งในสี่นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา เห็นสมควรแก้ไขเสียใหม่ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดี โดยให้ลดโทษแก่จำเลยหนึ่งในสาม และให้มีผลถึงความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต แม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาในความผิดฐานนี้ แต่เมื่อมีเหตุบรรเทาโทษแก่จำเลย ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและลดโทษให้แก่จำเลยในความผิดดังกล่าวได้ สำหรับสมุดบัญชีรายชื่อ รายรับและรายจ่าย ใบรับฝากเงินของธนาคารต่าง ๆ ของกลาง เมื่อฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่า ของกลางดังกล่าวเป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ หรือวัตถุอื่นหรือทรัพย์สินซึ่งจำเลยได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต กรณีจึงไม่อาจริบของกลางดังกล่าวได้ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 102 และ ป.อ. มาตรา 33 ปัญหานี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา แต่เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียใหม่ให้ถูกต้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6894/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สนับสนุนการจำหน่ายยาเสพติด: ศาลฎีกาแก้โทษจากตัวการเป็นผู้สนับสนุน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลาง การที่จำเลยที่ 3 ซึ่งรู้ว่าจะมีผู้ซื้อเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นของผิดกฎหมายมาแต่ต้นแล้ว จำเลยที่ 3 ยังบอกกล่าวแนะนำทำให้จำเลยที่ 2 ตกลงใจโทรศัพท์ติดต่อและร่วมดำเนินการกับผู้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจนมีการนำเมทแอมเฟตามีนมาส่งมอบให้แก่ ส. ยังที่เกิดเหตุ ซึ่งนับได้ว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกก่อนหรือขณะที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันกระทำความผิดดังกล่าว อันเป็นการสนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 2 แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ในฐานเป็นตัวการ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 กระทำความผิดในฐานเป็นผู้สนับสนุน ศาลฎีกาก็ลงโทษจำเลยที่ 3 ในความผิดฐานนี้ได้
แม้ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาจะได้มี พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 มาตรา 8 และมาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 15 และมาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และให้ใช้ข้อความใหม่แทน แต่กฎหมายที่แก้ไขใหม่ไม่เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสาม จึงต้องใช้กฎหมายเดิมที่ใช้ในขณะกระทำความผิดบังคับแก่จำเลยทั้งสาม
แม้ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาจะได้มี พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 มาตรา 8 และมาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 15 และมาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และให้ใช้ข้อความใหม่แทน แต่กฎหมายที่แก้ไขใหม่ไม่เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสาม จึงต้องใช้กฎหมายเดิมที่ใช้ในขณะกระทำความผิดบังคับแก่จำเลยทั้งสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6651/2548
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องคดียาเสพติดและการลงโทษตามปริมาณสารบริสุทธิ์ ศาลต้องยึดตามที่ฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 2,000 เม็ด น้ำหนัก 177.9 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจำนวน 1,000 เม็ด น้ำหนัก 88.95 กรัม โดยการขายให้แก่สายลับ ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 เป็นการบรรยายฟ้องตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม) แม้โจทก์จะนำสืบว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 45.327 กรัม ซึ่งถ้ายาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไปให้ถือว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามมาตรา 15 วรรคสอง (เดิม) ต้องระวางโทษตามมาตรา 66 วรรคสาม (ที่แก้ไขใหม่) อันมีระวางโทษหนักกว่ามาตรา 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) ก็ตาม แต่โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เท่าใด จึงไม่อาจลงโทษตามมาตรา 66 วรรคสาม (ที่แก้ไขใหม่) ซึ่งมีระวางโทษหนักกว่ามาตรา 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) และเกินไปกว่าที่โจทก์บรรยายในคำฟ้องได้ เพราะต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง
ความผิดหลายกระทง การลดโทษต้องลดเป็นรายกระทงก่อนแล้วจึงรวมโทษไม่ใช่รวมโทษทุกกระทงก่อนแล้วจึงลด
ความผิดหลายกระทง การลดโทษต้องลดเป็นรายกระทงก่อนแล้วจึงรวมโทษไม่ใช่รวมโทษทุกกระทงก่อนแล้วจึงลด