พบผลลัพธ์ทั้งหมด 74 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีทรัพย์สินร่วม: เจ้าหนี้มีสิทธิยึดขายทอดตลาดทั้งหมดได้ แม้มีเจ้าของร่วม
เมื่อจำเลยกับผู้ร้องเป็นเจ้าของที่งอกร่วมกันโดยยังมิได้แบ่งส่วนเช่นนี้ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดและขายทอดตลาดที่งอกได้ทั้งแปลง เรื่องเช่นนี้ แม้แต่ในกรณีระหว่างจำเลยกับผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของร่วมกันอยู่ ถ้าไม่ตกลงกันว่าจะแบ่งทรัพย์กันอย่างไรแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 ก็ต้องขายไปทั้งแปลงเช่นเดียวกัน
เจ้าของรวมย่อมมีทางที่จะเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของรวมในทางการบังคับคดีได้
เจ้าของรวมย่อมมีทางที่จะเรียกขอให้แบ่งส่วนของตนตามสิทธิของเจ้าของรวมในทางการบังคับคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในรถของกลาง ผู้ซื้อโดยสุจริตได้รับกรรมสิทธิ์ แม้รถยังถูกยึดเป็นของกลางอยู่
รถยนต์ของกลางของจำเลยในคดีความผิดฐานรับของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร และใช้รถยนต์วิ่งบนทางหลวงที่ยังมิได้เปิดเป็นถนนสาธารณโดยไม่รับอนุญาตซึ่งพนักงานสอบสวนได้ยึดไว้และได้มอบให้บุคคลอื่นรักษาไว้ในระหว่างคดี หากจำเลยได้เอารถคันนั้นไปโอนขายให้บุคคลภายนอก และบุคคลภายนอกได้รับซื้อไว้โดยสุจริตโดยไม่รู้ว่าเป็นรถที่ถูกยึดไว้เป็นของกลางในคดีบุคคลภายนอกผู้นั้นย่อมได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนั้นต่อมาภายหลังเมื่อคดีถึงศาล และศาลได้พิพากษาให้ริบรถยนต์ของกลาง บุคคลภายนอกผู้นั้นย่อมร้องขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์ของกลางที่ศาลพิพากษาให้ริบนั้นได้รูปคดีเช่นนี้จะปรับด้วยบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ.2469 มาตรา 24 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2497 มาตรา 3 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์สินจากการกระทำผิดศุลกากร หากเจ้าของไม่ร้องขอคืนภายในกำหนด จะตกเป็นของแผ่นดิน
การขอคืนทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดศุลกากรนั้น ตามพระราชบัญญัติศุลกากร มาตรา 24 ซึ่งแก้ไขโดยพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ต้องแปลว่า เมื่อเจ้าของไม่มาติดตามและร้องขอคืนภายในกำหนดก็หมดสิทธิเพราะกฎหมายให้ถือว่าพ้นกำหนดแล้วเท่ากับเป็นของไม่มีเจ้าของ ให้ตกเป็นของแผ่นดินไป
เรือยนต์ที่ให้เช่าไปแล้วผู้เช่าเอาไปใช้หลบหนีภาษีจนศาลสั่งริบ แม้เจ้าของผู้ให้เช่าจะไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด ก็ต้องมายื่นคำร้องขอคืนภายในกำหนด 60 วัน นับแต่วันที่ยึด
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2504
เรือยนต์ที่ให้เช่าไปแล้วผู้เช่าเอาไปใช้หลบหนีภาษีจนศาลสั่งริบ แม้เจ้าของผู้ให้เช่าจะไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด ก็ต้องมายื่นคำร้องขอคืนภายในกำหนด 60 วัน นับแต่วันที่ยึด
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2504
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเหนือเงินประกันการเลือกตั้ง: โจทก์ไม่มีสิทธิยึดเงินประกันการเลือกตั้งที่ผู้ว่าฯ ยึดไว้ได้ เพียงอายัดได้
โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้ศาลบังคับคดียึดเงินที่จำเลยวางเป็นประกันไว้ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 โดยผู้ว่าราชการจังหวัดมีสิทธิชนิดหนึ่งอันเข้าสิทธิอื่นๆ ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 287 นั้น โจทก์จะยึดอันเป็นการบังคับเหนือเงินนี้ทีเดียวไม่ได้ ได้ก็แต่เพียงจะอายัดไว้เท่านั้น
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 36/2503
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 36/2503
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1528/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์ที่ถูกยึด: ยังคงเป็นความผิดตามมาตรา 142 แม้กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 290 ถูกยกเลิก
ความผิดฐานลักทรัพย์ที่ถูกยึดหรืออายัดไปตามกฎหมายลักษณะอาญาร.ศ.127 มาตรา 290 นั้น หาได้ถูกประมวลกฎหมายอาญายกเลิกไปโดยสิ้นเชิงไม่ แม้ความผิดฐานลักทรัพย์ที่เจ้าพนักงานยึดหรืออายัดจะไม่มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา แต่การเอาทรัพย์ที่เจ้าพนักงานยึดรักษาไว้ไปโดยทุจริต ก็คงยังเป็นความผิดตามมาตรา 142 ประมวลกฎหมายอาญาอยู่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 28/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบกันเพื่อป้องกันทรัพย์สินจากการถูกยึดตามคำพิพากษา และการเปลี่ยนแปลงบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
จำเลยถูกฟ้องว่าสมคบกันทำผิด กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 308,309 แต่ปรากฎว่าขณะรับฟ้องแล้ว กฎหมายลักษณะอาญาถูกยกเลิกไป ตาม พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 แต่ถ้าหากการกระทำที่จำเลยถูกฟ้องอาจเป็นผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา (ม.350) แล้ว ศาลก็ชอบที่จะดำเนินการพิจารณาไป แล้วสั่งหรือพิพากษาไปตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1750/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีที่ดินร่วม: สิทธิยึด vs. สิทธิเรียกร้องแบ่งทรัพย์สิน
ในการบังคับคดีนั้น โจทก์มีสิทธินำยึดที่ดินซึ่งจำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้อื่นได้ แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ร้องขัดทรัพย์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย ในการที่จะขอให้แบ่งทรัพย์สินอันเป็นส่วนของผู้ร้องขัดทรัพย์ต่อไปอีกส่วนหนึ่ง ก่อนที่เจ้าพนักงานจะนำที่ดินนั้นๆ ออกขายทอดตลาดเพื่อบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์ส่วนที่เป็นของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะขายที่ดินยังไม่สมบูรณ์ เจ้าหนี้จำเลยมีสิทธิยึดได้ แม้ผู้จะซื้อครอบครองแล้ว
ทำสัญญาจะขายที่ดินมือเปล่ากัน แม้จะได้รับชำระราคาบางส่วน และส่งมอบที่ดินให้ผู้จะซื้อครอบครองแล้วก็ตาม ถ้าตามพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่า ผู้จะขายมีเจตนาเพียงมอบที่ให้ผู้จะซื้อครอบครองแทนเท่านั้นแล้วสิทธิแห่งการเป็นเจ้าของที่ก็ยังหาเปลี่ยนจากผู้จะขายไปเป็นของผู้จะซื้อไม่ ฉะนั้นในระหว่างนั้น เจ้าหนี้ของผู้จะขายตามคำพิพากษา ย่อมมีสิทธิยึดที่ดินนั้น เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการร้องคัดค้านการยึดและการเพิกถอนสัญญายอมความต้องดำเนินการโดยการฟ้อง ไม่ใช่คำร้อง
โจทก์นำยึดนามีโฉนดของจำเลย ขอให้ศาลประกาศขายทอดตลาด เพื่อชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาท้ายยอม ปรากฎว่านารายนี้จำเลยได้ทำสัญญาขายให้ผู้ร้องไปครอบครองปีกว่าแล้ว แต่ยังติดขัดโอนโฉนดกันยังไม่ได้ เมื่อเกิดมีคดีระหว่างโจทก์จำเลยขึ้น ผู้ร้องจึงยื่นฟ้องจำเลยบ้างขอให้นาพิพาทแก่ผู้ร้อง และเมื่อนาพิพาทถูกโจทก์ยึดดังกล่าว ผู้ร้องจึงร้องสอดเข้ามาในคดีนี้ ขอให้ศาลเพิกถอนสัญญายอมความระหว่างโจทก์จำเลยตามคำพิพากษาท้ายยอม และให้ถอนการยึด ดังนี้ วินิจฉัยว่า ผู้ร้องยังไม่มีสิทธิจะมาร้องขอให้ถอนการยึดได้ และการขอให้จำเลยทำลายสัญญายอมความและคำพิพากษาท้ายยอม ก็ต้องทำเป็นฟ้องไม่ใช่ทำเป็นคำร้อง แม้ในคดีที่ผู้ร้องฟ้องจำเลยให้โอนนาพิพาทให้แก่ผู้ร้องศาลจะได้พิพากษาในภายหลังให้จำเลยโอนนาพิพาทให้ผู้ร้องตามสัญญาซื้อขายก็ดี ก็เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะต้องดำเนินการบังคับคดีนั้นต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1924/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำนอง vs. สิทธิยึด: การยึดทรัพย์ก่อนกรรมสิทธิจำนองตกเป็นของผู้รับจำนอง
เจ้าหนี้ฟ้องเรียกเงินกู้และดอกเบี้ยจากจำเลยผู้เป็นลูกหนี้จำเลยทำยอมชำระหนี้โดยดี ในระหว่างนั้นผู้รับจำนองได้ฟ้องบังคับจำนองเอากับจำเลยบ้าง จำเลยทำยอมต่อศาลว่ายอมชำระหนี้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยให้ภายในกำหนด ถ้าไม่ชำระภายในกำหนดยอมให้ที่นา 2 แปลงที่จำนองไว้หลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับจำนอง ดังนี้ ตามสัญญาประนีประนอมดังกล่าว ยังหามีผลให้นา 2 แปลงหลุดเป็นกรรมสิทธิแก่ผู้รับจำนองทันทีไม่หากแต่มีเงื่อนไขยอมให้หลุดเป็นสิทธิเมื่อไม่ใช้หนี้ภายในกำหนดฉะนั้น ถ้าเจ้าหนี้เงินกู้นำยึดมา 2 แปลงนี้ เพื่อ ขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ของตน ก่อนกำหนดในสัญญาประนีประนอมยอมความ ระหว่างผู้รับจำนองและจำเลยแล้ว ผู้รับจำนองก็มาร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่นา 2 แปลงนั้นไม่ได้ เพราะขณะนำยึดนา 2 แปลงนั้นยังเป็นของจำเลยอยู่