คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รวมพิจารณา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 57 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79-80/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาจำกัดตามทุนทรัพย์พิพาท แม้รวมพิจารณาคดี ก็ไม่ถือเป็นคดีเดียวกัน
โจทก์จำเลยต่างกล่าวหาฟ้องร้องกันคนละสำนวน แม้ศาลจะรวมการพิจารณา ก็ไม่ทำให้คดีทั้ง 2 เรื่องนั้น เป็นคดีเรื่องเดียวและมีทุนทรัพย์ที่พิพาทเท่ากันไปได้ สิทธิที่จะฎีกาจะมีเพียงใด จึงต้องพิจารณาตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ตั้งพิพาทในคดีที่จะฎีกานั้นเองโดยเฉพาะ แม้สำนวนหนึ่งมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาท อันจะฎีกาในข้อเท็จจริงได้ แต่คู่ความไม่ฎีกาในสำนวนนี้ คงติดใจฎีกาเฉพาะแต่สำนวนที่มีนั้น ดังนี้ เมื่อปรากฎว่าในคดีที่ฎีกานี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ในข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2483

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องคดีอาญาของผู้เสียหาย แม้คดีเดียวกันอัยยการฟ้องไปก่อน ศาลยังไม่รวมพิจารณา สิทธิฟ้องไม่ระงับ
คดีที่ผู้เสียหายและพนักงานอัยยการต่างเป็นโจทก์ฟ้อง จำเลยในข้อหาและกรณีเดียวกันและศาลได้พิพากษาคดีที่พนักงานอัยยการเป็นโจทก์ไปก่อนแล้วยกฟ้องเสียนั้น ถ้าผู้เสียหายได้ฟ้องคดีก่อนศาลพิพากษาในคดีที่อัยยการเป็นโจทก์และศาลมิได้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน ไม่ทำให้สิทธิในการฟ้องคดีของผู้เสียหายระงับไปโดยผลแห่งคำพิพากษาในคดีก่อนนั้น คดีอาญาเรื่องเดียวกันซึ่งทั้งพนักงานอัยยการและผู้เสียหายต่างได้ยื่นฟ้องในศาลชั้นต้นศาลเดียวกัน การที่ศาลจะสั่งให้รวมการพิจารณาไปด้วยกันหรือไม่นั้นยอมอยู่ในดุลยพินิจของศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 145/2483

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รวมพิจารณาคดีทำร้ายร่างกาย – พยานร่วมกันเพียงพอต่อการพิจารณาคดี
คดีที่โจทก์ต่างผ่ายต่างฟ้องจำเลยคนเดียวกันในกรณีอันเดียวกันขอให้ลงโทษในความผิดฐานเดียวกัน ศาลได้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันนั้นเมื่อพะยานของโจทก์ทั้งสองคดีนั้นเป็นคนเดียวกัน โดยมากแล้วพะยานโจทก์ในคดีที่ได้สืบไปนั้น ยอมเป็นพะยานของ โจทก์อีคดีหนึ่งด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2474

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รวมฟ้อง-รวมพิจารณาความผิดหลายกระทง: ศาลมีอำนาจลงโทษเรียงกระทงโดยไม่ต้องแยกฟ้อง
จำเลยทำผิดหลายกะทง ศาลจะสั่งให้รวมฟ้องแลรวมการพิจารณาหรือไม่อยู่ในดุลยพินิจของศาล
การที่จะลงโทษจำเลยเรียงกะทงนั้นไม่จำเป็นต้องแยกฟ้องแยกพิจารณาก็ได้
แก้มาก ศาลเดิมลงโทษจำเลยตาม ม.268 กะทงเดียว ศาลอุทธรณ์แก้ลงโทษจำเลยเป็น 4 กะทงตามบทเดิมดังนี้ จำเลยฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2472

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าจากฟ้องที่ไม่ระบุเจตนา การรวมพิจารณาจากเนื้อหาทั้งหมดของฟ้อง
พยายามฆ่าคน ฟ้องโจทก์ไม่กล่าว " คำเจตนาจะฆ่า" ต้องอ่านฟ้องทั้งหมดรวมเข้าวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6972-6973/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิโจทก์ร่วมจำกัดเฉพาะคดีที่ยื่นคำร้องเข้าร่วม แม้ศาลรวมพิจารณาคดี
ศาลชั้นต้นรวมพิจารณาพิพากษาคดีทั้งสองสำนวนเข้าด้วยกัน โดยโจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์เฉพาะสำนวนคดีแรกที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เป็นจำเลยเท่านั้น มิได้ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ในคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 4 เป็นจำเลยด้วย แม้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาคดีทั้งสองรวมกันก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิในการเป็นโจทก์ร่วมในคดีที่จำเลยที่ 4 เป็นจำเลย อันมีผลเท่ากับว่าโจทก์ร่วมมิได้เป็นคู่ความในคดีที่จำเลยที่ 4 เป็นจำเลย โจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์และฎีกาคดีในส่วนของจำเลยที่ 4 คดีในส่วนของจำเลยที่ 4 ต้องฟังยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมในส่วนของจำเลยที่ 4 ด้วย ก็เป็นการไม่ชอบ ไม่ก่อให้เกิดสิทธิในการฎีกาแก่โจทก์ร่วม ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2031/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องขับไล่ vs. สิทธิในที่ดิน: การรวมพิจารณาฟ้องแย้งเรื่องกรรมสิทธิ์และละเมิด
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสามออกจากที่ดินและบ้านพิพาทโดยอ้างว่า จำเลยทั้งสามขายที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสามให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยทั้งสามโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่โจทก์โดยไม่มีการซื้อขายกันจริงเพื่อที่โจทก์จะไปดำเนินการกู้ยืมเงินจากธนาคาร อ. และนำที่ดินและบ้านพิพาทจำนองเป็นประกันหนี้แทนจำเลยทั้งสอง ประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านพิพาทหรือไม่ หากฟังข้อเท็จจริงได้ตามที่จำเลยทั้งสามให้การไว้ดังกล่าว โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสามและต้องดำเนินการคืนที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่จำเลยทั้งสาม ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามในส่วนที่ขอให้โจทก์รับเงินเพื่อไปไถ่ถอนและจดทะเบียนโอนที่ดินและบ้านพิพาทคืนให้แก่จำเลยทั้งสามตามคำขอท้ายฟ้อง จึงเป็นเรื่องเดียวกันกับฟ้องเดิมชอบที่จำเลยทั้งสามจะฟ้องแย้งมาในคำให้การได้ ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามที่อ้างว่า จำเลยทั้งสามมอบหมายให้โจทก์ไปดำเนินการกู้ยืมเงินและจำนองที่ดินและบ้านพิพาทแทนจำเลยทั้งสาม แต่โจทก์กลับเบียดบังที่ดินและบ้านพิพาทของจำเลยทั้งสามเป็นของตนเองแล้วนำคดีมาฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสามเป็นการจงใจกระทำละเมิดต่อจำเลยทั้งสามให้ได้รับความเสียหาย จึงขอให้โจทก์ชดใช้ค่าทดแทนเดือนละ 50,000 บาท ฟ้องแย้งในส่วนนี้เป็นเงื่อนไขที่ศาลจะต้องพิจารณาให้ได้ข้อเท็จจริงก่อนว่าโจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านพิพาทโดยจำเลยทั้งสามเป็นเจ้าของที่แท้จริง แล้วจึงจะพิจารณาได้ว่าโจทก์จงใจที่จะกระทำละเมิดจำเลยทั้งสามโดยแกล้งฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสามให้ออกไปจากที่ดินและบ้านพิพาท รวมทั้งพิจารณากำหนดค่าทดแทนตามที่จำเลยทั้งสามขอในคำขอท้ายฟ้อง ฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสามในส่วนนี้จึงเป็นการอ้างว่าโจทก์จงใจทำละเมิดจำเลยทั้งสามซึ่งเป็นคนละเรื่องกับฟ้องเดิมและเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม ประกอบมาตรา 179 วรรคท้าย
of 6