พบผลลัพธ์ทั้งหมด 70 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ประโยชน์ที่สาธารณะและการรอนสิทธิของเจ้าของที่ดินริมน้ำ การปลูกสร้างกีดขวางเป็นเหตุให้เจ้าของที่ดินมีสิทธิฟ้องร้อง
ที่ดินที่จำเลยปลูกเรือนแพอยู่อาศัยเป็นที่สาธารณประโยชน์เรือนแพของจำเลยอยู่ตรงหน้าที่ดินของโจทก์และใกล้ที่ดินของโจทก์ เห็นได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรงจากการที่จำเลยใช้ที่สาธารณประโยชน์ตรงหน้าที่ดินของโจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิปลูกสร้างกีดขวางการใช้ที่สาธารณประโยชน์หน้าที่ดินของโจทก์ โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยได้
โจทก์จำเลยจะทำสัญญาเช่าสาธารณสมบัติของแผ่นดินมิได้ แต่โจทก์อาจจะยินยอมให้จำเลยทำการกีดขวางหน้าที่ดินของโจทก์ได้ และจะตกลงให้สินจ้างแลกเปลี่ยนในการที่โจทก์ยอมสละความสะดวกของตนก็ได้ แต่มิใช่เป็นการเช่า แม้จำเลยจะเคยเช่าที่ดินตรงที่ปลูกเรือนพิพาท เมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่าและไม่ยินยอมให้เรือนพิพาทกีดขวางหน้าที่ดินต่อไปจำเลยจะอ้างความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ ไม่ได้ จำเลยต้องรื้อเรือนพิพาทออกไป
โจทก์จำเลยจะทำสัญญาเช่าสาธารณสมบัติของแผ่นดินมิได้ แต่โจทก์อาจจะยินยอมให้จำเลยทำการกีดขวางหน้าที่ดินของโจทก์ได้ และจะตกลงให้สินจ้างแลกเปลี่ยนในการที่โจทก์ยอมสละความสะดวกของตนก็ได้ แต่มิใช่เป็นการเช่า แม้จำเลยจะเคยเช่าที่ดินตรงที่ปลูกเรือนพิพาท เมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่าและไม่ยินยอมให้เรือนพิพาทกีดขวางหน้าที่ดินต่อไปจำเลยจะอ้างความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ ไม่ได้ จำเลยต้องรื้อเรือนพิพาทออกไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินชายตลิ่งสาธารณสมบัติ vs. การรอนสิทธิการใช้ประโยชน์ที่ดิน
โจทก์ซื้อที่ดิน(ที่มือเปล่า)จากผู้อื่น ด้านยาวทิศใต้จดถนนหลวงด้านกว้างทิศตะวันออกจดคลอง แล้วให้จำเลยเช่าโดยระบุว่า เช่าเพื่อปลูกอาศัย จำเลยใช้ที่ของโจทก์ทำคอกเป็ดและเลี้ยงเป็ด แต่ปลูกโรงเรือนอยู่ในที่ดินต่อกับเขตที่ของโจทก์ออกไปทางทิศตะวันออก เป็นที่ซึ่งน้ำในลำคลองท่วมถึงเป็นปกติเกือบตลอดปี ที่ซึ่งจำเลยปลูกโรงเรือนนี้ย่อมเป็นที่ชายตลิ่งสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามมาตรา 1304 ไม่ใช่ที่งอกริมตลิ่งตามมาตรา 1308 แม้โจทก์จะได้ครอบครองที่รายนี้มา 10 ปีเศษแล้ว แต่เมื่อตรงที่จำเลยปลูกโรงเรือนเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินโจทก์ก็จะอ้างสิทธิครอบครองว่าเป็นของตนหาได้ไม่
แม้โรงเรือนของจำเลยจะไม่บังที่ดินของโจทก์ด้านถนนหลวง แต่ก็ปลูกอยู่ในที่ชายตลิ่งด้านที่ที่ดินโจทก์ติดริมคลอง เป็นที่กีดขวางระหว่างที่ดินของโจทก์กับคลองทำให้ที่ดินของโจทก์ด้านนั้นถูกริดรอนความสะดวกไปบ้างโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยให้รื้อถอนโรงเรือนไปเสียได้ตามมาตรา 1337
โจทก์มุ่งหมายเรียกค่าเสียหายเฉพาะที่ขาดประโยชน์ที่ควรได้จากการเช่า เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อโรงเรือนอย่าให้ปิดบังกีดขวางหน้าที่ดินของโจทก์ โดยมิใช่เหตุเพราะผิดสัญญาเช่า ศาลก็ไม่บังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายด้วย
แม้โรงเรือนของจำเลยจะไม่บังที่ดินของโจทก์ด้านถนนหลวง แต่ก็ปลูกอยู่ในที่ชายตลิ่งด้านที่ที่ดินโจทก์ติดริมคลอง เป็นที่กีดขวางระหว่างที่ดินของโจทก์กับคลองทำให้ที่ดินของโจทก์ด้านนั้นถูกริดรอนความสะดวกไปบ้างโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยให้รื้อถอนโรงเรือนไปเสียได้ตามมาตรา 1337
โจทก์มุ่งหมายเรียกค่าเสียหายเฉพาะที่ขาดประโยชน์ที่ควรได้จากการเช่า เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อโรงเรือนอย่าให้ปิดบังกีดขวางหน้าที่ดินของโจทก์ โดยมิใช่เหตุเพราะผิดสัญญาเช่า ศาลก็ไม่บังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1882/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินเช่า: การละเมิดต่อผู้เช่าเดิม vs. ผู้เช่าใหม่ และหลักการรอนสิทธิ
เรือนที่จำเลยปลูกสร้างให้ชายคารุกล้ำเข้าไปในที่เช่าของโจทก์ แม้จำเลยจะสร้างขึ้นหลังจากที่โจทก์ได้เช่าที่ดินแล้วก็ตาม เมื่อแนวชายคานั้นไม่เกินระดับแนวรั้วที่รุกล้ำอยู่ก่อนที่โจทก์จะมาเช่าที่แปลงนั้นแล้ว ก็ต้องถือว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รื้อถอนชายคานั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 40/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอนสิทธิเจ้าของที่ดินจากทางสาธารณะ การสร้างสะพานกีดขวางหน้าที่ดิน แม้จะอุทิศให้สาธารณะแล้วก็ต้องรับผิด
บทบัญญัติมาตรานี้ใช้บังคับรวมทั้งนิติบุคคลเช่นเทศบาลและจังหวัดด้วย
การที่สร้างทางเดินเท้าผ่านหน้าที่ดินของบุคคลอื่นอันเป็นเหตุให้เจ้าของที่เดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควรแล้ว แม้ทางเดินเท้านั้นจะอยู่ในที่สาธารณะและเมื่อผู้สร้างสร้างแล้วอุทิศให้เป็นทางสาธารณะด้วย เจ้าของอสังหาริมทรัพย์นั้นก็ยังคงได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 1337 นี้อยู่
การที่สร้างทางเดินเท้าผ่านหน้าที่ดินของบุคคลอื่นอันเป็นเหตุให้เจ้าของที่เดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควรแล้ว แม้ทางเดินเท้านั้นจะอยู่ในที่สาธารณะและเมื่อผู้สร้างสร้างแล้วอุทิศให้เป็นทางสาธารณะด้วย เจ้าของอสังหาริมทรัพย์นั้นก็ยังคงได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 1337 นี้อยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าและการรอนสิทธิในทรัพย์สินของผู้เช่าหลังบอกเลิกสัญญา
เมื่อตึกพิพาทมิได้เป็นเคหะจำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯแล้ว ก็ไม่มีทางที่จำเลยจะมาคัดค้านว่าโจทก์ทำผิด พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ประการใดได้ เมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลยโดยชอบแล้ว จำเลยยังขืนอยู่ในตึกของโจทก์โดยไม่มีสิทธิ์อย่างใด จึงเป็นการจงใจกระทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์ต้องเสียหายในสิทธิแห่งทรัพย์สินของโจทก์ จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อกม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดติดภาระจำนอง แม้ซื้อสุจริตมีสินจ้างก็ไม่ทำให้ภาระจำนองหลุดพ้น
กรณีที่ผู้ซื้อรู้ถึงการรอนสิทธิอยู่แล้วในเวลาซื้อขาย
รับซื้อที่ดินติดภาระจำนองในการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาล ถึงแม้จะซื้อโดยสุจริตและเสียสินจ้างก็ไม่ทำให้ภาระจำนองหลุดพ้น เพราะเป็นการขายเฉพาะสิทธิเท่าที่มีอยู่ของเจ้าของที่ดิน
รับซื้อที่ดินติดภาระจำนองในการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาล ถึงแม้จะซื้อโดยสุจริตและเสียสินจ้างก็ไม่ทำให้ภาระจำนองหลุดพ้น เพราะเป็นการขายเฉพาะสิทธิเท่าที่มีอยู่ของเจ้าของที่ดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2108/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมโดยอายุความ: การฟ้องรอนสิทธิ & ประเด็นสุจริตของผู้ซื้อ
เมื่อโจทก์ใช้สิทธิทางเดินผ่านที่ดินของจำเลยมากว่า 10 ปีโจทก์ย่อมได้ทรัพย์สินอย่างหนึ่งเรียกว่า "ภาระจำยอม" บนที่ดินของจำเลยโดยทางอายุความ เมื่อยังไม่จดทะเบียนจึงเข้าข่ายบังคับของ ม.1294 วรรค 2 เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ทรงทรัพย์สิทธิภาระจำยอมและถูกจำเลยรอบสิทธิเพียงเท่านี้ก็เป็นฟ้องที่ครบบริบูรณ์ตาม ป. วิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 แล้ว ข้อจำเลยได้รับโอนมาโดยสุจริตหรือไม่ ๆ จำเป็นต้องกล่าวเพราะเป็นประเด็นอีกข้อหนึ่งเพิ่มเติมจากข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าว ต่อเมื่อจำเลยกล่าวอ้างขึ้นก็เป็นประเด็นที่จะต้องนำสืบกันต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2108/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความ: การฟ้องรอนสิทธิและการพิสูจน์ความสุจริตของผู้รับโอน
เมื่อโจทก์ใช้สิทธิทางเดินผ่านที่ดินของจำเลยมากว่า30 ปี โจทก์ย่อมได้ทรัพยสิทธิอย่างหนึ่งเรียกว่า"ภาระจำยอม" บนที่ดินของจำเลยโดยทางอายุความ เมื่อยังไม่จดทะเบียนจึงเข้าข่ายบังคับของ มาตรา 1299 วรรคสองเมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ทรงทรัพยสิทธิภาระจำยอมและถูกจำเลยรอนสิทธิ เพียงเท่านี้ก็เป็นฟ้องที่ครบบริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172แล้ว ข้อจำเลยได้รับโอนมาโดยสุจริตหรือไม่ไม่จำเป็นต้องกล่าวเพราะเป็นประเด็นอีกข้อหนึ่งเพิ่มเติมจากข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าว ต่อเมื่อจำเลยกล่าวอ้างขึ้นก็เป็นประเด็นที่จะต้องนำสืบกันต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดิน: การกรีดยางหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุด ถือเป็นการรอนสิทธิเจ้าของ
โจทก์จำเลยต่างเถียงกรรมสิทธิ์ในสวนยางกันจนคดีถึงศาล
ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามไม่ให้โจทก์ (ซึ่งเป็นจำเลยในคดีเดิม) เกี่ยวข้องกับสวนพิพาทจำเลยจึงเข้ากรีดยางแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้โจทก์ชนะ ศาลฎีกาพิพากษายืนที่สวนยางนี้เป็นของโจทก์เพราะศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วเมื่อปรากฏว่าจำเลยได้กรีดยางในสวนยางนี้ตั้งแต่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชนะจนถึงศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ดังนี้จำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ ในการที่จำเลยกรีดน้ำยางในสวนยางของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามไม่ให้โจทก์ (ซึ่งเป็นจำเลยในคดีเดิม) เกี่ยวข้องกับสวนพิพาทจำเลยจึงเข้ากรีดยางแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้โจทก์ชนะ ศาลฎีกาพิพากษายืนที่สวนยางนี้เป็นของโจทก์เพราะศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วเมื่อปรากฏว่าจำเลยได้กรีดยางในสวนยางนี้ตั้งแต่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชนะจนถึงศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ดังนี้จำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ ในการที่จำเลยกรีดน้ำยางในสวนยางของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 230/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายรื้อถอนทรัพย์สิน - การรอนสิทธิผู้ซื้อจากบุคคลภายนอก ผู้ขายต้องรับผิด
ทรัพย์ที่ผู้ขายทำสัญญาขายให้ผู้ซื้อรื้อเอาไป หากมีบุคคลภายนอกมาอายัดว่าไม่ใช่ของผู้ขายผู้ซื้อรื้อเอาไปไม่ได้ ดังนี้ ถือว่าผู้ซื้อถูกรอนสิทธิ ผู้ขายต้องรับผิด
การที่บุคคลภายนอกมาห้ามหรืออายัดไม่ให้ผู้ซื้อรื้อสิ่งปลูกสร้างที่ซื้อไป ผู้ซื้อก็ไม่กล้ารื้อถอนต่อไปฝ่ายผู้ขายก็ได้จัดการร้องเรียนขอให้ถอนอายัดแต่ไม่เป็นผล ดังนี้ การที่โจทก์ไม่รื้อถอนไปจะถือว่าโจทก์ยินยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 481 ไม่ได้
การที่บุคคลภายนอกมาห้ามหรืออายัดไม่ให้ผู้ซื้อรื้อสิ่งปลูกสร้างที่ซื้อไป ผู้ซื้อก็ไม่กล้ารื้อถอนต่อไปฝ่ายผู้ขายก็ได้จัดการร้องเรียนขอให้ถอนอายัดแต่ไม่เป็นผล ดังนี้ การที่โจทก์ไม่รื้อถอนไปจะถือว่าโจทก์ยินยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 481 ไม่ได้