พบผลลัพธ์ทั้งหมด 89 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1792/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำร้องทุกข์หลังฟ้องคดี การระงับคดีอาญาเฉพาะการร้องทุกข์ ไม่กระทบต่อคดีที่ฟ้องต่อศาล
การถอนคำร้องทุกข์ที่จะทำให้คดีระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) นั้นต้องเป็นการถอนโดยเจตนาที่จะไม่เอาความแก่จำเลยอีกต่อไป แต่การที่โจทก์ขอถอนคำร้องทุกข์โดยเหตุที่โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแล้ว ไม่ประสงค์จะให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนพยานหลักฐานของโจทก์อีก จึงคงระงับไปแต่เฉพาะเรื่องการร้องทุกข์ ส่วนคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลไว้แล้วนั้นหาระงับไปไม่ ศาลย่อมดำเนินคดีต่อไปได้ เสมือนว่าไม่มีการร้องทุกข์มาก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีอาญาที่มีเงื่อนไข เมื่อจำเลยผิดเงื่อนไข โจทก์ไม่มีสิทธิรื้อฟื้นคดีที่ระงับไปแล้ว
ในคดีความผิดอันยอมความได้ ปรากฏจากคำให้การชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจที่จำเลยอ้างเป็นพยานว่า เจ้าพนักงานตำรวจได้นำโจทก์ไปพบจำเลยและต่างได้พูดจากกันจนเป็นที่พอใจแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ติดใจเอาความต่อกัน ในชั้นพิจารณาโจทก์แถลงต่อศาลว่า ตามข้อตกลงที่จะเลิกคดีมีเงื่อนไขว่าจำเลยที่ 1 ที่ 4 จะต้องไม่คุกคามพระในวัดต่อไป แต่หลังจากนั้นได้มีการรุกรานอีกเป็นการผิดข้อตกลง ดังนี้ แสดงว่าโจทก์และจำเลยต่างตกลงยอมความกันโดยตรงเลิกคดีกันแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) ตั้งแต่วันที่ยอมความกัน
ในการยอมความที่มีเงื่อนไข หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข โจทก์จะต้องดำเนินคดีกับจำเลยเป็นคดีใหม่ แต่หามีสิทธิรื้อฟื้นคดีที่ยุติแล้วมาฟ้องจำเลยอีกไม่ เพราะสิทธิการฟ้องคดีของโจทก์ระงับไปแล้ว
ในการยอมความที่มีเงื่อนไข หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข โจทก์จะต้องดำเนินคดีกับจำเลยเป็นคดีใหม่ แต่หามีสิทธิรื้อฟื้นคดีที่ยุติแล้วมาฟ้องจำเลยอีกไม่ เพราะสิทธิการฟ้องคดีของโจทก์ระงับไปแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 748/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับคดีอาญาเนื่องจากจำเลยเสียชีวิต และการยกเว้นโทษตามกฎหมายเฉพาะ
จำเลยที่ 2 ตายในระหว่างอายุความอุทธรณ์ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องสำหรับจำเลยนั้นย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 ดังนั้น เมื่อคดีมาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกาย่อมจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ตาย
ในระหว่างอายุความฎีกาได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 ออกใช้บังคับซึ่งมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวให้โอกาสแก่ผู้มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนหรือวัตถุระเบิดสำหรับใช้เฉพาะในการสงครามนำมามอบให้นายทะเบียนท้องที่ภายใน 90 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติใช้บังคับผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ ดังนั้น แม้จำเลยที่ 4 จะมีอาวุธปืนสำหรับใช้เฉพาะการสงครามไว้ในครอบครอง จำเลยที่ 4 ก็ได้ยกเว้นโทษตามกฎหมาย และเป็นเหตุในลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 1 จะไม่อุทธรณ์ฎีกาต่อมาก็ได้รับประโยชน์จากบทกฎหมายดังกล่าวด้วย ศาลฎีกาจึงพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 4
ในระหว่างอายุความฎีกาได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 ออกใช้บังคับซึ่งมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวให้โอกาสแก่ผู้มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนหรือวัตถุระเบิดสำหรับใช้เฉพาะในการสงครามนำมามอบให้นายทะเบียนท้องที่ภายใน 90 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติใช้บังคับผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ ดังนั้น แม้จำเลยที่ 4 จะมีอาวุธปืนสำหรับใช้เฉพาะการสงครามไว้ในครอบครอง จำเลยที่ 4 ก็ได้ยกเว้นโทษตามกฎหมาย และเป็นเหตุในลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 1 จะไม่อุทธรณ์ฎีกาต่อมาก็ได้รับประโยชน์จากบทกฎหมายดังกล่าวด้วย ศาลฎีกาจึงพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 710/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับคดีอาญาเนื่องจากกฎหมายที่ใช้ลงโทษถูกยกเลิกภายหลังการกระทำผิด
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2511 มาตรา 75 ต่อมาเมื่อคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2511 อันเป็นบทบัญญัติการกระทำอันเป็นความผิดได้ถูกยกเลิกโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินกรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (5) สิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาชดใช้ค่าเสียหายเพื่อระงับคดีอาญาแผ่นดินเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113
จำเลยทำสัญญายอมชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์โดยมีเจตนาที่จะไม่ให้โจทก์แจ้งความดำเนินคดีอาญากับบุตรจำเลยในการที่ทำให้บุตรโจทก์ตาย โจทก์ตกลงด้วยวัตถุประสงค์ของสัญญาเป็นการตกลงให้ระงับคดีอาญาแผ่นดิน ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 สัญญาจึงตกเป็นโมฆะกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาชดใช้ค่าเสียหายเพื่อระงับคดีอาญาแผ่นดินเป็นโมฆะ
จำเลยทำสัญญายอมชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์โดยมีเจตนาที่จะไม่ให้โจทก์แจ้งความดำเนินคดีอาญากับบุตรจำเลยในการที่ทำให้บุตรโจทก์ตาย โจทก์ตกลงด้วยวัตถุประสงค์ของสัญญาเป็นการตกลงให้ระงับคดีอาญาแผ่นดิน ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 113 สัญญาจึงตกเป็นโมฆะกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1860/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาหยุดระงับเมื่อจำเลยถึงแก่กรรม โจทก์ไม่ต้องถอนฎีกา ศาลจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 โจทก์ฎีกา ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยที่ 2 ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรม ศาลชั้นต้นส่งสำนวนให้ศาลฎีกาพิจารณา ดังนี้ คดีสำหรับจำเลยที่ 2 ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(1) โดยโจทก์ไม่จำต้องขอถอนฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจาก สารบบความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1857/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีถึงที่สุดแล้ว การถอนคำร้องทุกข์ไม่ทำให้คดีระงับ การคืนค่าปรับเป็นไปไม่ได้
คดีอาญาที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แม้จำเลยจะยื่นฎีกาไว้ แต่ในที่สุดศาลฎีกามีคำสั่งไม่รับฎีกา ต้องถือว่าคดีถึงที่สุดเมื่อระยะเวลายื่นฎีกาได้สิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 147 วรรคสอง
ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์หลังจากคดีถึงที่สุดไปแล้ว ย่อมไม่เป็นผลให้คดีระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยังใช้บังคับอยู่เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษปรับจำเลย จำเลยมายื่นคำร้องขอคืนค่าปรับโดยอ้างเหตุว่าผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะสั่งคืนค่าปรับให้จำเลยได้
ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์หลังจากคดีถึงที่สุดไปแล้ว ย่อมไม่เป็นผลให้คดีระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยังใช้บังคับอยู่เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษปรับจำเลย จำเลยมายื่นคำร้องขอคืนค่าปรับโดยอ้างเหตุว่าผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะสั่งคืนค่าปรับให้จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1499/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญายอมความ ยักยอกทรัพย์ ฟ้องแย้งค่านายหน้า: การระงับคดีอาญาด้วยสัญญายอมความ และการฟ้องแย้งที่ไม่ชัดเจน
จำเลยเป็นผู้แทนจำหน่ายรถแทรกเตอร์ของโจทก์ เก็บเงินค่าเช่าซื้อรถแทรกเตอร์จากผู้เช่าซื้อลูกค้าของโจทก์ได้แล้วเบียดบังยักยอกไม่นำส่งให้โจทก์ขาดบัญชีไป แล้วต่อมาจำเลยได้ทำบันทึกข้อตกลงให้ไว้กับพนักงานและทนายความของบริษัทโจทก์ยอมรับค้างชำระเงินที่ไม่นำส่ง และยอมขอผ่อนชำระให้อันมีลักษณะครบถ้วนเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 ภายหลังจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องกล่าวหาจำเลยกระทำผิดฐานยักยอกเช่นนี้หาได้ไม่ เพราะสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
ฟ้องแย้งเรียกค่าบำเหน็จนายหน้าในการเป็นผู้แทนจำหน่ายรถแทรกเตอร์จากจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้องให้จำเลย ชำระค่าเช่าซื้อที่จำเลยเก็บได้จากผู้เช่าซื้อแล้วไม่นำส่งให้โจทก์หลายราย โดยคำฟ้องแย้งไม่มีรายละเอียดว่าจะได้จากเงินค่าเช่าซื้อที่เรียกเก็บจากผู้เช่าซื้อคนใด เป็นจำนวนเท่าใดและคิดเป็นบำเหน็จอย่างไรเป็นแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นเท่านั้นเป็นคำฟ้องแย้งที่เคลือบคลุมเพราะโจทก์ไม่มีทางจะทราบและแก้ฟ้องแย้งของจำเลยได้
ฟ้องแย้งเรียกค่าบำเหน็จนายหน้าในการเป็นผู้แทนจำหน่ายรถแทรกเตอร์จากจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้องให้จำเลย ชำระค่าเช่าซื้อที่จำเลยเก็บได้จากผู้เช่าซื้อแล้วไม่นำส่งให้โจทก์หลายราย โดยคำฟ้องแย้งไม่มีรายละเอียดว่าจะได้จากเงินค่าเช่าซื้อที่เรียกเก็บจากผู้เช่าซื้อคนใด เป็นจำนวนเท่าใดและคิดเป็นบำเหน็จอย่างไรเป็นแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นเท่านั้นเป็นคำฟ้องแย้งที่เคลือบคลุมเพราะโจทก์ไม่มีทางจะทราบและแก้ฟ้องแย้งของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาระงับเนื่องจากจำเลยถึงแก่ความตายระหว่างการพิจารณาคดี
จำเลยถึงแก่ความตายในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(1)