พบผลลัพธ์ทั้งหมด 88 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดต้องคำนึงถึงราคาประเมินทางราชการและราคาตลาด หากไม่ปฏิบัติตาม เจ้าของทรัพย์มีสิทธิขอเพิกถอนได้
เดิมที่ดินของจำเลยตั้งอยู่ในเขตตำบลอรัญญิก อำเภอเมืองต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่มีผลให้ที่ดินของจำเลยดังกล่าวเปลี่ยนแปลงเป็นตำบลในเมือง อำเภอเมือง ซึ่งทางราชการประเมินราคาที่ดินตำบลในเมืองเพื่อเรียกค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตารางวาละ 2,000 บาท และที่ดินของจำเลยตั้งอยู่ห่างจากสถานีขนส่งจังหวัดอันเป็นย่าน ชุมนุมชนเพียง 300 เมตร ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีตีราคาที่ดินของจำเลยโดยถือเกณฑ์ราคาประเมินที่ดินของตำบลอรัญญิกในราคาตารางวาละ 100 บาท แล้วทำการขายทอดตลาดไป แม้ได้ราคาที่สูงกว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีตีราคาไว้ก็ตาม แต่หากเปรียบเทียบกับราคาประเมินของทางราชการแล้วจะเห็นว่าราคายังต่ำอยู่มาก ระเบียบในการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดมานั้นต้องคำนึงถึงราคาประเมินของทางราชการราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินและราคาซื้อขายในท้องตลาดประกอบกันแต่ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทรัพย์ในคดีนี้ไม่ปรากฏว่าได้ดำเนินการตามระเบียบดังกล่าว ทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย จำเลยจึงชอบที่จะร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดรายนี้ได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 296 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดต้องคำนึงถึงราคาประเมินทางราชการและราคาตลาด หากต่ำกว่าเกณฑ์ จำเลยมีสิทธิขอเพิกถอนได้
ในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลนั้นต้องคำนึงถึงราคาประเมินของทางราชการราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมิน และราคาซื้อขายในท้องตลาดประกอบกัน ดังนั้น แม้จะปรากฏว่าราคาสูงสุดที่มีผู้ประเมินได้สูงกว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้ แต่ยังต่ำกว่าราคาประเมินของทางราชการอยู่มาก ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายจำเลยจึงร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินราคาอะไหล่ยานยนต์ตามบัญชีราคาสินค้า และการใช้คำสั่งกรมศุลกากรในการประเมินราคา
สินค้าที่โจทก์นำเข้าเป็นอะไหล่ยานยนต์ ราคาสินค้าที่โจทก์นำเข้าจึงควรเท่ากับหรือใกล้เคียงกับราคาตามบัญชีราคาสินค้าที่ตัวแทนจำหน่ายยานยนต์นั้นเสนอให้เจ้าหน้าที่ประเมินอากรตรวจสอบและรับรองราคาไว้ แต่ปรากฏว่าราคาที่โจทก์สำแดงนั้นต่ำกว่าราคาตามบัญชีราคาสินค้ามาก โดยโจทก์พิสูจน์ไม่ได้ว่าสินค้าที่โจทก์นำเข้าแตกต่างกับสินค้าตามบัญชีราคาสินค้าที่ตัวสินค้า หรือภาชนะบรรจุอย่างไร อันจะเป็นเหตุให้ราคาต่างกันมากเช่นนั้น ดังนั้นราคาที่โจทก์สำแดงจึงไม่ใช่ราคาขายส่งเงินสดทั่วไป ที่ไม่มีการลดหย่อนราคาแก่กัน ถือไม่ได้ว่าเป็นราคาอันแท้จริง ในท้องตลาดฉะนั้น การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยประเมิน ราคาสินค้าที่โจทก์นำเข้าตามคำสั่งทั่วไปกรมศุลกากรที่ 28/2527 โดยเปรียบเทียบกับราคาตามบัญชีราคาสินค้าและอะไหล่แท้ และถือเกณฑ์ ให้ต่างกันไม่เกินร้อยละ 5 ในกรณีที่อะไหล่ดังกล่าวใช้ได้กับยานยนต์ หลายยี่ห้อให้ใช้ราคาของอะไหล่แท้ที่สูงกว่าเป็นเกณฑ์ และต่างกัน ไม่เกินร้อยละ 20 ในกรณีที่ใช้ทดแทนได้กับอะไหล่แท้โดยทั่วไป จึงเป็นการเปรียบเทียบราคาที่มีเหตุผล ถือได้ว่าเป็นราคา อันแท้จริงในท้องตลาดตามกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4809/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเวนคืนที่ดินต้องเป็นราคาตลาด ไม่ใช่ราคาประเมินของกรมที่ดิน
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 290 ฯ ข้อ 23 วรรคสุดท้าย กำหนดให้นำบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยทางหลวงในส่วนที่ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างหรือขยายทางหลวงมาใช้บังคับโดยอนุโลมกับเงินค่าทดแทนในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางพิเศษด้วยและ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ฯ ซึ่งเป็นกฎหมายว่าด้วยทางหลวงมีบทบัญญัติเกี่ยวกับเงินค่าทดแทนในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างหรือ ขยายทางหลวงไว้ในข้อ 76 ว่า เงินค่าทดแทนนั้นถ้าไม่มีบทบัญญัติเป็นพิเศษในพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ซึ่งออกตามข้อ 63 แล้ว ให้กำหนดเท่าราคาของทรัพย์สินตามราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน บริเวณที่ที่จะเวนคืนใช้บังคับ ดังนั้น การที่จำเลยกำหนดค่าทดแทนที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นทางพิเศษตามราคาประเมินในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมของกรมที่ดิน พ.ศ. 2524 มิใช่ราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษก ตอนแขวงสามเสนนอก พ.ศ. 2524 ใช้บังคับการกำหนดราคาดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4809/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนที่ดิน: ราคาประเมินไม่ใช่ราคาตลาด การกำหนดค่าทดแทนต้องเป็นราคาซื้อขายจริงในท้องตลาด
จำเลยทั้งสองได้กำหนดค่าทดแทนที่ดินของโจทก์โดยใช้ราคาประเมินในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม พ.ศ. 2524 ของกรมที่ดินมาบังคับซึ่งราคาดังกล่าวมิใช่ราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาด ในวันที่พ.ร.ฎ. กำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษก ฯพ.ศ. 2524 ใช้บังคับ เมื่อราคาที่จำเลยทั้งสองกำหนดค่าทดแทนนั้นต่ำกว่าราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่ พ.ร.ฎ. ดังกล่าวใช้บังคับ จึงไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3840/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนที่ดิน: สิทธิเสนออนุญาโตตุลาการไม่บังคับ, ราคาประเมินทางราชการใช้ไม่ได้, ราคาซื้อขายจริงใช้ได้
พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2497 มาตรา 24 วรรคแรก เป็นบทบัญญัติให้สิทธิแก่คู่กรณีที่จะเสนอตั้งอนุญาโตตุลาการขึ้นชี้ขาดเรื่องจำนวนเงินค่าทดแทน ไม่ใช่บทบังคับว่าจะต้องเสนอตั้งเสมอไป และในวรรคดังกล่าวก็ไม่ได้ระบุว่าถ้าไม่ได้เสนอตั้งอนุญาโตตุลาการแล้วจะฟ้องคดีต่อศาลไม่ได้ ส่วนมาตรา 84 วรรคสอง ก็มีความหมายเพียงว่า หากผู้มีสิทธิได้รับค่าทดแทนไม่เสนอตั้งอนุญาโตตุลาการภายในกำหนด 6 เดือน ทั้งไม่ยื่นฟ้องคดีต่อศาลด้วย จึงให้ถือว่าราคาเด็ดขาดที่เจ้าหน้าที่เสนอเป็นเงินค่าทดแทน ไม่ใช่ห้ามฟ้องคดีโดยไม่ได้เสนอตั้งอนุญาโตตุลาการก่อน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ราคาที่ดินตามบัญชีกำหนดราคาตลาดเพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์สำหรับเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมไม่ใช่ราคาแท้จริงที่ซื้อขายกันในท้องตลาดในวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 169 มีผลใช้บังคับ ไม่อาจนำมาใช้กำหนดค่าทดแทนในการเวนคืนที่ดิน แต่จะต้องถือตามราคาซื้อขายที่ดินที่อยู่ใกล้เคียงกับที่ดินพิพาทในเวลาใกล้ชิดกับวันที่ที่ดินพิพาทถูกเวนคืนเป็นราคาที่ซื้อขายกันจริงในท้องตลาดมาใช้กำหนดค่าทดแทนในการเวนคืนที่ดินพิพาท
ที่ดินพิพาทที่ถูกเวนคืนมีเนื้อที่เพียง 4 ไร่ 2 งาน 79 ตารางวาไม่มากเกินไปจนถึงกับจะต้องกำหนดราคาเป็นหน่วย ๆ ลดหลั่นลงไปตามส่วนเช่นที่ทางราชการกำหนดไว้ในแผนผังที่ดินที่ถูกเวนคืน จึงสมควรกำหนดค่าทดแทนราคาที่ดินพิพาทเป็นราคาเดียวกันตลอดทั้งแปลง
ราคาที่ดินตามบัญชีกำหนดราคาตลาดเพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์สำหรับเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมไม่ใช่ราคาแท้จริงที่ซื้อขายกันในท้องตลาดในวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 169 มีผลใช้บังคับ ไม่อาจนำมาใช้กำหนดค่าทดแทนในการเวนคืนที่ดิน แต่จะต้องถือตามราคาซื้อขายที่ดินที่อยู่ใกล้เคียงกับที่ดินพิพาทในเวลาใกล้ชิดกับวันที่ที่ดินพิพาทถูกเวนคืนเป็นราคาที่ซื้อขายกันจริงในท้องตลาดมาใช้กำหนดค่าทดแทนในการเวนคืนที่ดินพิพาท
ที่ดินพิพาทที่ถูกเวนคืนมีเนื้อที่เพียง 4 ไร่ 2 งาน 79 ตารางวาไม่มากเกินไปจนถึงกับจะต้องกำหนดราคาเป็นหน่วย ๆ ลดหลั่นลงไปตามส่วนเช่นที่ทางราชการกำหนดไว้ในแผนผังที่ดินที่ถูกเวนคืน จึงสมควรกำหนดค่าทดแทนราคาที่ดินพิพาทเป็นราคาเดียวกันตลอดทั้งแปลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3775/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีขายทอดตลาดที่ราคาต่ำกว่าราคาประเมินกรมที่ดิน ทำให้ลูกหนี้เสียหาย ถือเป็นการบังคับคดีไม่ชอบ
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินมีโฉนดเนื้อที่ 1 งาน 50 7/10 ตารางวา พร้อมตึกแถว 5 ชั้น รวม 20 คูหา เพื่อขายทอดตลาด ขณะทำการยึดเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาที่ดินไว้ตารางวาละ 6,000 บาท เท่ากับราคาที่กรมที่ดินได้ประเมินไว้เพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์สำหรับคำนวณเรียกค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม แต่ขณะทำการขายทอดตลาดที่ดินรายนี้ กรมที่ดินประเมินราคาใหม่เป็นตารางวาละ 40,000 บาท เฉพาะที่ดินอย่างเดียวก็จะมีราคาถึง 6,000,000 บาทเศษ มากกว่าราคาที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้ถึง 5,000,000 บาทเศษ เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินพร้อมตึกแถวไปในราคา 4,000,000 บาทเศษ ต่ำกว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินไว้ถึง 1,000,000 บาทเศษ และเพิ่งมีการขายทอดตลาดทรัพย์รายนี้เป็นครั้งแรก่ มีผู้เข้าประมูลสู้ราคาเพียง 2 คน แม้โจทก์จะไม่คัดค้าน ก็คือได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ใช้ดุลพินิจและความละเอียดรอบคอบเท่าที่ควรมนการขายทอดตลาดทรัพย์รายนี้ให้ได้ราคาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยขายให้แก่ผู้ร้องคัดค้านทั้งสองต่ำกว่าราคาประเมินของกรมที่ดินเป็นอันมาก ทำให้จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้รับความเสียหาย การดำเนินการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่ชอบ จำเลยย่อมขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาด และขอให้ขายทอดตลาดใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2311/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าทดแทนเวนคืนต้องเป็นราคาตลาด ณ วันที่ พ.ร.ฎ.ใช้บังคับ การใช้ราคาประเมินกรมที่ดินที่ไม่คำนึงถึงสภาพที่ดินถือไม่ถูกต้อง
จำเลยกำหนดค่าทดแทนให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืน โดยถือราคาประเมินของกรมที่ดินอันเป็นบัญชีราคาที่ดินตามราคาตลาดเพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์สำหรับเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมของสำนักงานที่ดิน ซึ่งกำหนดราคาปานกลางของที่ดินที่ถูกเวนคืนไว้ก่อนวันที่ พ.ร.ฎ. กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนใช้บังคับถึง 2 ปีเศษ และไม่ปรากฏว่าจำเลยได้คำนึงถึงสภาพที่ดินของโจทก์ว่าเป็นที่ดินซึ่งมีความเจริญถึงขนาดที่มีสาธารณูปโภคครบถ้วนเพียงใดหรือไม่ ดังนี้ ค่าทดแทนที่จำเลยกำหนดขึ้นโดยอาศัยราคาประเมินของกรมที่ดินเป็นหลักจึงมิใช่ค่าทดแทนเท่าราคาทรัพย์สินตามราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่ พ.ร.ฎ. กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนใช้บังคับตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 76.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2262/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมาย แม้ราคาต่ำกว่าราคาประเมิน หากเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย
ในการขายทอดตลาดทรัพย์ เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่ามีผู้สู้ราคาสูงกว่าราคาที่ประมาณไว้ จึงรายงานต่อศาลว่าสมควรขายแก่ ผู้ให้ราคาสูงสุดคือผู้คัดค้าน ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขายได้แสดงว่าราคาเหมาะสมแล้วและไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาดโดยไม่สุจริต หรือมิได้ปฏิบัติตาม บทบัญญัติของกฎหมายและข้อบังคับที่กำหนดไว้ว่าด้วยวิธีการขายทอดตลาดดังนี้ การขายทอดตลาดที่ดินพิพาทจึงชอบด้วยกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1631/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมายเมื่อราคาเหมาะสมและไม่มีพฤติการณ์ทุจริต แม้ราคาต่ำกว่าราคาประเมิน
การที่จะอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินโดยไม่ชอบนั้น จะต้องปรากฏว่าการขายทอดตลาดนั้นขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎกระทรวงที่ว่าด้วยเรื่องการขายทอดตลาดทรัพย์สินเมื่อผู้แทนโจทก์ค้านเฉพาะราคาทรัพย์สินพิพาทว่าผู้เข้าประมูลสู้ราคาประมูลราคาต่ำไป และโจทก์นำสืบแต่เพียงว่าราคาประมูลต่ำกว่าราคาที่สำนักงานวางทรัพย์กลางประเมินไว้โดยไม่มีหลักฐานอื่นประกอบให้เห็นว่าราคาทรัพย์สินพิพาทที่แท้จริงควรจะเป็นจำนวนเท่าใด และในการขายทอดตลาดดังกล่าวไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าการประมูลซึ่งทรัพย์สินพิพาทที่ขายทอดตลาดเป็นการสมรู้กันกดราคาซื้อหรือไม่สุจริต การขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทจึงชอบด้วยกฎหมาย