พบผลลัพธ์ทั้งหมด 229 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3911/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานทำร้ายร่างกายร่วมกัน: ฟ้องระบุรายละเอียดพอสมควรแล้วไม่เคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กับพวกฝ่ายหนึ่ง และจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกอีกฝ่ายหนึ่ง ได้สมัครใจทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน โดยจำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันใช้มีดปลายแหลมและท่อนไม้เป็นอาวุธแทง ฟันและตีกับใช้กำลังกายชกต่อยเตะทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกหลายครั้งส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 กับพวกร่วมกันใช้เก้าอี้นั่งและเหล็กแป๊บเป็นอาวุธตี และใช้กำลังกายชกต่อยเตะทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 1 กับพวกหลายครั้งเช่นกัน ย่อมแสดงว่าจำเลยสองฝ่ายต่างสมัครใจทำร้ายซึ่งกันและกัน ซึ่งแต่ละฝ่ายมีพวกตั้งแต่สองคนขึ้นไป ได้ร่วมกันเป็นตัวการกระทำความผิดในการทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นการบรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ที่เกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยแต่ละฝ่ายเข้าใจข้อหาได้ดี ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 158 (5) แล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าร่วมกัน: กลุ่มบุคคลทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธจนถึงแก่ความตาย
ผู้ตายกับพวกนั่งคุยกันอยู่ในบริเวณโรงเรียน จำเลยกับพวกอีก 5 คน เดินเข้าไปหาแล้วจำเลยถาม ป. พวกของผู้ตายว่าไปท้าทายเพื่อนจำเลยจริงหรือไม่ ป. ตอบว่าเพียงแต่พูดล้อเล่นเท่านั้น และพูดขอโทษจำเลย ระหว่างนั้นผู้ตายซึ่งมีอาการเมาสุราได้พูดกับจำเลยว่าให้จำเลยชกต่อยกับ ป. ตัวต่อตัว แต่มีอาจารย์เข้ามาห้ามเสียก่อน ต่อมาเมื่อผู้ตายกับพวกออกไปที่หน้าโรงเรียนจำเลยกับพวกประมาณ 10 คน พากันขับและนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์3 คันมาที่โรงเรียนแล้วจำเลยกับพวกประมาณ 3-4 คน ลงจากรถจักรยานยนต์เดินเข้าไปหาผู้ตายกับพวกจำเลยถาม ป.ว่า ใครพูดว่าให้จำเลยชกกันตัวต่อตัว แต่ ป. ไม่ยอมบอก จำเลยจึงกระโดดเข้าชกผู้ตาย 1 ที ผู้ตายวิ่งหนีไป จำเลยพูดขึ้นว่า เอาเลยพวกไอ้ตัวนี้แหละแล้วจำเลยกับพวกประมาณ 10 คนก็วิ่งไล่ตามผู้ตายไปโดยพวกของจำเลยคนหนึ่งถือมีดปาดตาลยาวทั้งด้ามประมาณ 30 เซนติเมตรไปด้วย 1 เล่ม เมื่อจำเลยกับพวกวิ่งไล่ทันจำเลยกระโดดเตะผู้ตาย1 ที พวกของจำเลยก็เข้ารุมชกต่อยและใช้มีดปาดตาลแทงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย เมื่อคำนึงถึงว่าจำเลยกับพวกซึ่งมีจำนวนมากและมีมีดปาดตาลเป็นอาวุธเข้ารุมทำร้ายผู้ตายซึ่งวิ่งไปเพียงคนเดียวและบาดแผลที่ผู้ตายถูกทำร้ายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ที่บริเวณอวัยวะสำคัญแสดงว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาร่วมกันฆ่าผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1071/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย จำเลยต้องมีส่วนร่วมโดยตรง แม้ให้การรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้หากไม่มีหลักฐาน
บ้านจำเลยที่ 2 อยู่ห่างบ้านจำเลยที่ 1 ประมาณ 50 เมตรหลังจากจำเลยที่ 2 พา ว.และพลตำรวจฉ. ไปซื้อเฮโรอีนที่บ้านจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ออกจากบ้านจำเลยที่ 1 พร้อม ว.และพลตำรวจ ฉ. ไปได้ประมาณ 20 เมตรก็ถูกจับ ต่อมาจำเลยที่ 1ถูกจับที่บ้านพร้อมเฮโรอีนที่เหลือจากการจำหน่าย เห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 มิได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ครอบครองเฮโรอีนส่วนที่เหลือจากการจำหน่าย กรณีมิใช่เป็นการที่จำเลยที่ 2 แบ่งหน้าที่กันกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 2 จะให้การรับสารภาพข้อหาความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันปล้นทรัพย์: พฤติการณ์เป็นตัวการร่วม แม้จะอ้างเหตุผลอื่น
จำเลยที่ 3 และที่ 4 ตบศรีษะ ผู้เสียหาย แล้วจำเลยที่ 4ใช้อาวุธปืนขู่ผู้เสียหายให้นั่งกับพื้น เมื่อเก็บอาวุธปืนแล้วได้นำ ผู้เสียหายไปขึ้นรถยนต์ จำเลยที่ 3 เป็นคนขับ จำเลยที่ 4 นั่งหน้า จำเลยที่ 1 และที่ 2 นั่งประกบผู้เสียหายซึ่งนั่งกลางที่เบาะหลัง แล้วขับรถไปด้วยกันเมื่อทำร้ายผู้เสียหายจนได้เงินและปล่อย ผู้เสียหายแล้ว จำเลยทั้งสี่ก็หลบหนีไปด้วยกัน ถือได้ว่าจำเลย ทั้งสี่เป็นตัวการร่วมในการปล้นทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1586/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่วมกับผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
จำเลยกับพวกปรึกษากันก่อนที่จะเข้าไปทำร้ายผู้ตายกับผู้เสียหาย เมื่อพวกของจำเลยใช้สุราสาดหน้าผู้ตาย จำเลยก็เข้าทำร้ายผู้ตายทันที เมื่อผู้ตายวิ่งหนี พวกของจำเลยก็ไล่ติดตามไปรุมทำร้ายต่อเนื่องกันไป ขณะเดียวกันพวกของจำเลยก็แบ่งแยกกันทำร้ายผู้เสียหายพร้อมกันไปด้วย มีลักษณะเป็นการนัดแนะกันไว้ก่อน หลังจากทำร้ายแล้วจำเลยกับพวกก็หลบหนีไปด้วยกันถือได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาร่วมกันทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหาย
เหตุวิวาทเกิดขึ้นโดยบังเอิญ จำเลยไม่อาจคาดคิดได้ว่าพวกของจำเลยคนใดพกอาวุธติดตัวมาด้วย ทั้งไม่ปรากฎว่าพวกของจำเลยคนใดได้ถือมีดอยู่ในมือแสดงอาการว่าจะเข้าไปแทงผู้ตาย ประกอบทั้งมูลเหตุที่วิวาทก็เพียงแต่เพราะถูกผู้ตายขว้างแก้วใส่ ไม่ใช่สาเหตุร้ายแรงถึงขนาดที่จำเลยกับพวกจะต้องฆ่าผู้ตาย ทั้งจำเลยเพียงชกหน้าผู้ตาย 1 ที มิได้ติดตามไปรุมทำร้ายผู้ตายด้วยอาวุธซ้ำอีก พฤติการณ์ดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับพวกฆ่าผู้ตาย คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับพวกทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหายเท่านั้น เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตาย และผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย เพราะถูกพวกของจำเลยใช้มีดแทงและทำร้าย จำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้ตายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย และฐานร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษจำเลยตาม ป.อ.มาตรา 290 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด
เหตุวิวาทเกิดขึ้นโดยบังเอิญ จำเลยไม่อาจคาดคิดได้ว่าพวกของจำเลยคนใดพกอาวุธติดตัวมาด้วย ทั้งไม่ปรากฎว่าพวกของจำเลยคนใดได้ถือมีดอยู่ในมือแสดงอาการว่าจะเข้าไปแทงผู้ตาย ประกอบทั้งมูลเหตุที่วิวาทก็เพียงแต่เพราะถูกผู้ตายขว้างแก้วใส่ ไม่ใช่สาเหตุร้ายแรงถึงขนาดที่จำเลยกับพวกจะต้องฆ่าผู้ตาย ทั้งจำเลยเพียงชกหน้าผู้ตาย 1 ที มิได้ติดตามไปรุมทำร้ายผู้ตายด้วยอาวุธซ้ำอีก พฤติการณ์ดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับพวกฆ่าผู้ตาย คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับพวกทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหายเท่านั้น เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตาย และผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย เพราะถูกพวกของจำเลยใช้มีดแทงและทำร้าย จำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้ตายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย และฐานร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษจำเลยตาม ป.อ.มาตรา 290 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1586/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: เจตนาและความรับผิดทางอาญา
พฤติการณ์ที่จำเลยกับพวกลงรถที่ปากซอยแล้วถูกผู้ตายขว้างแก้วมาทางจำเลยกับพวก ย่อมก่อความไม่พอใจแก่จำเลยกับพวก การที่จำเลยกับพวกปรึกษากันก่อนที่จะเข้าไปทำร้ายผู้ตายกับผู้เสียหายทั้งสองจึงเห็นได้ว่า เป็นการตกลงร่วมกันที่จะเข้าไปทำร้ายผู้ตายกับผู้เสียหายทั้งสองนั่นเอง เมื่อพวกของจำเลยเข้าไปสอบถามสาเหตุจากผู้ตายและได้ใช้สุราที่ผู้ตายส่งให้ดื่มสาด หน้าผู้ตาย จำเลยก็เข้าทำร้ายผู้ตายทันที เมื่อผู้ตายวิ่งหนี พวกของจำเลยก็ไล่ติดตามไปรุมทำร้ายผู้ตายต่อเนื่องกันไป ขณะเดียวกันพวกของจำเลยอีกหลายคนก็แบ่งแยกกันทำร้าย ส. และ ม. ผู้เสียหายทั้งสองพร้อมกันไปด้วย มีลักษณะเป็นการนัดแนะกันไว้ก่อน หลังจากทำร้ายแล้วจำเลยกับพวกก็พากันหลบหนีไปด้วยกัน ย่อมเป็นกรณีที่ถือได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาร่วมกันทำร้ายผู้ตาย และผู้เสียหายทั้งสองแต่เนื่องจากมูลเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นโดยบังเอิญ จำเลยไม่อาจคาดคิดได้ว่า พวกของจำเลยซึ่งมาด้วยกันกว่าสิบคนนั้นคนใดได้พกอาวุธติดตัวมาด้วย ขณะจำเลยกับพวกเดินเข้าไปสอบถามสาเหตุจากผู้ตายนั้น ก็ไม่ปรากฏว่าพวกของจำเลยคนใดได้ถือมีดอยู่ในมือแสดงอาการว่าจะเข้าไปแทงผู้ตาย ประกอบทั้งมูลเหตุที่จำเลยกับพวกไม่พอใจผู้ตายนั้น ก็ไม่ใช่สาเหตุร้ายแรงถึงขนาดที่จำเลยกับพวกจะต้องฆ่าผู้ตาย ทั้งจำเลยเพียงแต่ชกหน้าผู้ตาย 1 ที ไม่ได้ติดตามไปรุมทำร้ายผู้ตายด้วยอาวุธซ้ำอีก พฤติการณ์ดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับพวกฆ่าผู้ตาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1586/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่วมกัน และความรับผิดในความตายจากอาวุธของพวก, การกระทำเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
จำเลยกับพวกปรึกษากันก่อนที่จะเข้าไปทำร้ายผู้ตายกับผู้เสียหายเมื่อพวกของจำเลยใช้สุราสาดหน้าผู้ตาย จำเลยก็เข้าทำร้ายผู้ตายทันที เมื่อผู้ตายวิ่งหนี พวกของจำเลยก็ไล่ติดตามไปรุมทำร้ายต่อเนื่องกันไป ขณะเดียวกันพวกของจำเลยก็แบ่งแยกกันทำร้ายผู้เสียหายพร้อมกันไปด้วย มีลักษณะเป็นการนัดแนะกันไว้ก่อนหลังจากทำร้ายแล้วจำเลยกับพวกก็หลบหนีไปด้วยกันถือได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาร่วมกันทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหาย เหตุวิวาทเกิดขึ้นโดยบังเอิญ จำเลยไม่อาจคาดคิดได้ว่าพวกของจำเลยคนใดพกอาวุธติดตัวมาด้วย ทั้งไม่ปรากฏว่าพวกของจำเลยคนใดได้ถือมีดอยู่ในมือแสดงอาการว่าจะเข้าไปแทงผู้ตาย ประกอบทั้งมูลเหตุที่วิวาทก็เพียงแต่เพราะถูกผู้ตายขว้างแก้วใส่ ไม่ใช่สาเหตุร้ายแรงถึงขนาดที่จำเลยกับพวกจะต้องฆ่าผู้ตาย ทั้งจำเลยเพียงชกหน้าผู้ตาย 1 ที มิได้ติดตามไปรุมทำร้ายผู้ตายด้วยอาวุธซ้ำอีก พฤติการณ์ดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับพวกฆ่าผู้ตาย คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับพวกทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหายเท่านั้น เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตาย และผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย เพราะถูกพวกของจำเลยใช้มีดแทงและทำร้ายจำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้ตายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย และฐานร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าร่วมกัน, ครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย, ความผิดฐานพาอาวุธปืน, การรับฟังคำให้การที่ขัดแย้ง
เมื่อพิจารณาพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองกับพวก ทั้งก่อนยิงผู้ตายและหลังยิงผู้ตาย ประกอบกับข้อนำสืบของโจทก์ที่ว่าก่อนเกิดเหตุจำเลยทั้งสองกับพวกได้เรียกค่าคุ้มครองการทำไม้จากผู้ตายแต่ผู้ตายไม่ยอมให้ เชื่อ ว่าจำเลยทั้งสองกับพวกได้มีการสมคบกันที่จะฆ่าผู้ตาย และอีกประการหนึ่งถ้า หากจำเลยทั้งสองไม่มีส่วนร่วมรู้เห็นเป็นใจในการที่พวกของจำเลยยิงผู้ตายจริงแล้ว เมื่อจำเลยทั้งสองเห็นพวกของตนใช้อาวุธปืนของกลางซึ่งทางราชการมอบให้จำเลยที่ 1 ไว้ใช้ยิงผู้ตายเช่นนั้น จำเลยทั้งสองก็น่าจะรีบแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเฉพาะจำเลยที่ 1 เป็นสมาชิกอาสาสมัครรักษาดินแดน และเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่ในการสืบสวนและจับกุมผู้กระทำความผิด ก็ยิ่ง จะต้องแจ้งเหตุต่อพนักงานสอบสวนโดยเร็วแต่จำเลยที่ 1 ก็มิได้แจ้งเหตุแต่กลับนำอาวุธปืนที่ใช้ยิงผู้ตายไปทำความสะอาดลำกล้องเพื่อทำลายพยานหลักฐานเช่นนี้จึงเชื่อ ว่า จำเลยทั้งสองมีเจตนาร่วมกับพวกของจำเลยฆ่าผู้ตายจริงตามโจทก์ฟ้อง แม้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางจะเป็นของทางราชการที่มอบให้จำเลยที่ 1 ไว้ใช้ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ซึ่งเป็นผลให้จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไว้ในความครอบครองก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 2 ได้สมคบกับจำเลยที่ 1 และพวกของจำเลยนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไปฆ่าผู้ตาย ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 2ได้ร่วมครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวด้วยอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนที่ นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ เมื่อจำเลยที่ 2 มีไว้ในความครอบครองโดยไม่มีสิทธิที่จะครอบครองได้ตามกฎหมาย จำเลยที่ 2 ก็ย่อมมีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครอง จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 มิได้ร่วมกับพวกและจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตาย การที่จำเลยที่ 2 ร่วมเดินทางไปกับจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้ครอบครองอาวุธปืนดังกล่าวและเป็นผู้มีสิทธิที่จะพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะได้เช่นนี้จำเลยที่ 2 ย่อมไม่มีความผิดฐานพาอาวุธปืนในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะนั้น ความผิดฐานนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปีโดยศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 1และพวกที่จะนำอาวุธดังกล่าวไปฆ่าผู้ตาย จึงถือว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกันพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นฎีกาโต้เถียง ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับฟังมา จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าร่วมกัน: การดื่มสุรา, สมคบกัน, และการร่วมกันลงมือกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมดื่มสุรากันที่ร้านค้าแล้วพากันนั่งรถจักรยานยนต์ไปยังที่เกิดเหตุ พบผู้ตายกำลังนั่งจดบัญชีรายการไม้อยู่ จำเลยที่ 1 หยุดรถ พวกของจำเลยลงจากรถใช้อาวุธปืนของกลางยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย แล้วทุกคนพากันนั่งรถจักรยานยนต์กลับไปที่ฐานปฏิบัติการอาสาสมัครรักษาดินแดนที่จำเลยที่ 1เป็นสมาชิกอยู่ หลังจากนั้นพากันไปดื่มสุรากันอีก และได้นอนค้างคืนที่บ้านพักของจำเลยที่ 1 ซึ่งอยู่ติดกับฐานปฏิบัติการดังกล่าว เช้าวันรุ่งขึ้นจำเลยที่ 2 กับพวกได้แยกย้ายกันกลับไปพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่า จำเลยทั้งสองมีเจตนาร่วมกับพวกฆ่าผู้ตาย อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางเป็นของทางราชการที่มอบให้จำเลยที่ 1 ไว้ใช้ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ แม้จำเลยที่ 1จะไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองก็ตามเมื่อจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และพวกครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางซึ่งเป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้นำไปใช้ฆ่าผู้ตาย จำเลยที่ 2 ย่อมมีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไว้ในครอบครอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4682/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองร่วมกัน การรับสารภาพและเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 จ้างวานให้ อ. ค้นหาบุหรี่ซึ่งภายในมีเฮโรอีน 1 หลอดสอดอยู่ เมื่อ อ.พบแล้ว จำเลยที่ 1 ที่ 2ใช้ให้จำเลยที่ 3 ไปรับจาก อ.แทนเป็นการมอบหมายให้ยึดถือแทนจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นกิจการร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งเฮโรอีนดังกล่าว จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองแต่แรกเพียงแต่ปฏิเสธว่ามิได้มีไว้เพื่อจำหน่ายเท่านั้นเพราะมิได้กระทำผิดในส่วนนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ตรงตามคำรับสารภาพของจำเลยที่ 3 ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 รู้สึกความผิดลุแก่โทษ และให้ความรู้แก่ศาลตรงตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้วเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา สมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78.