คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ร้องสอด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 147 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 108/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการร้องสอดในคดีขับไล่: ต้องเกี่ยวข้องกับประเด็นข้อพิพาทโดยตรง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินเฉพาะส่วน 100 ตารางวาที่จำเลยเข้าไปปลูกสร้างโรงเลี้ยงสุกร ซึ่งไม่เกี่ยวกับที่ดินที่ผู้ร้องสอดอ้างว่ามีสิทธิครอบครองแต่อย่างใด ผู้ร้องสอดจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องสอดเข้ามาในคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57(1).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการร้องสอดเพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้จากการสมคบกันแสดงเจตนาลวงของลูกหนี้และโจทก์
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57(1)โดยอ้างว่าโจทก์และจำเลยทั้งสองสมคบกันแสดงเจตนาลวงทำสัญญากู้ยืมเงินตามฟ้องเพื่อมิให้ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1บังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 กรณีเช่นนี้มีความจำเป็นเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิซึ่งผู้ร้องมีอยู่ เพื่อให้ได้ชำระหนี้ ไม่ให้จำเลยทั้งสองโอนทรัพย์ไปเสียอันจะทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย คำร้องของผู้ร้องมีเหตุผลต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 57(1) โดยไม่ต้องไปดำเนินการตามขั้นตอนอื่น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการร้องสอดเพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้จากการหลอกลวงและปกป้องทรัพย์สินจากหนี้สินที่ถูกสร้างขึ้น
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้เงินที่กู้ยืมไปแก่โจทก์ สหกรณ์ผู้ร้องร้องสอดว่า ในขณะที่จำเลยที่ 1ดำรงตำแหน่งผู้จัดการสหกรณ์ของผู้ร้องได้ทุจริตเบียดบังเอาเงินของผู้ร้องไป ผู้ร้องได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 เพื่อเรียกเงินคืนคดีอยู่ระหว่างพิจารณา จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยากันได้สมคบกับโจทก์แสดงเจตนาลวงทำสัญญากู้ยืมเงินแกล้งเป็นหนี้เงินกู้โจทก์ตามฟ้อง เพื่อมิให้ผู้ร้องบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ได้ ขอให้พิพากษาว่าสัญญากู้ยืมเงินตามฟ้องเป็นโมฆะ เป็นเรื่องที่ผู้ร้องมีความจำเป็นเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่เพื่อให้ได้รับชำระหนี้ไม่ให้จำเลยทั้งสองโอนทรัพย์ไปเสียอันจะทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย จึงร้องสอดได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของบุคคลที่สามในการร้องสอดเพื่อคุ้มครองสิทธิจากการสมคบกันแสดงเจตนาลวงเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ ผู้ร้องร้องสอดว่าจำเลยที่ 1 ทุจริตเบียดบังเงินของผู้ร้อง และผู้ร้องได้ฟ้องเรียกคืนไว้แล้ว โจทก์กับจำเลยทั้งสองสมคบกันแกล้งเป็นหนี้ตามฟ้องเพื่อมิให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ขอให้พิพากษาว่าสัญญากู้เป็นโมฆะ กรณีเป็นเรื่องผู้ร้องมีความจำเป็นเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองหรือบังคับให้ได้รับชำระหนี้ไม่ให้จำเลยโอนทรัพย์ไปเสียอันจะทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายผู้ร้องจึงร้องสอดได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องสอดคดี: ศาลมีอำนาจพิจารณาอนุญาตหรือไม่ตามความเหมาะสมของคดี
การร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57(1)ศาลไม่จำต้องอนุญาตทุกกรณี คดีนี้ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามเมื่อศาลชั้นต้นได้พิจารณาคดีไปจนกระทั่งสืบพยานจำเลยจะเสร็จสิ้นแล้ว และหากผู้ร้องสอดมีสิทธิดังที่อ้างในคำร้อง ก็ย่อมยกสิทธิเช่นว่านั้นขึ้นอ้างยันผู้อื่นหรือมีสิทธิที่จะดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องได้เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก กรณีของผู้ร้องสอดยังไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามคำร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องสอดเป็นคู่ความ: ศาลมีอำนาจพิจารณาอนุญาตหรือไม่ตามความเหมาะสมของคดี
การร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) ศาลไม่จำต้องอนุญาตทุกกรณีไป ต้องแล้วแต่ว่ามีเหตุสมควรที่จะอนุญาตหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องสอดเป็นคู่ความ: ศาลมีอำนาจพิจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละกรณี โดยคำนึงถึงระยะเวลาการพิจารณาคดี
การร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) นั้น ศาลไม่จำต้องอนุญาตทุกกรณีไป ต้องแล้วแต่เหตุสมควร ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามเมื่อศาลชั้นต้นได้พิจารณาคดีไปจนกระทั่งสืบพยานจำเลยจะเสร็จสิ้นแล้ว หากผู้ร้องสอดมีสิทธิดังที่อ้างในคำร้อง ก็ย่อมยกสิทธิเช่นว่านั้นขึ้นอ้างยันผู้อื่นหรือมีสิทธิที่จะดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องได้เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก กรณีของผู้ร้องสอดยังไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5463/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องสอดขอให้บุคคลซึ่งเป็นคู่ความในคดีอยู่แล้วเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57(3) ไม่เป็นไปตามเงื่อนไข
กรณีที่จะมีการเข้ามาเป็นคู่ความโดยการร้องสอดตามป.วิ.พ. มาตรา 57 ได้นั้น ไม่ว่าจะเป็นการขอเข้ามาเองหรือถูกหมายเรียกเข้ามาก็ดี ผู้ที่จะเข้ามานั้นต้องเป็นบุคคลนอกคดีจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 2 ขอให้เรียกเข้ามานั้นเป็นคู่ความอยู่ในคดีนี้แล้ว การที่จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา แต่โจทก์ก็ยังดำเนินคดีกับจำเลยที่ 1 ต่อไป จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นบุคคลภายนอกที่จำเลยที่ 2 จะเรียกเข้ามาโดยการร้องสอดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 57(3) ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3776/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการร้องสอดชั้นบังคับคดี: ผู้มีส่วนได้เสียจากการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างมีสิทธิร้องคัดค้านได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาและออกคำบังคับให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท และศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้จำเลยทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ จำเลยจะต้องรื้อถอนบ้านและสิ่งปลูกสร้างออกไปตามคำบังคับ ซึ่งจะเป็นผลเสียหายแก่ผู้ร้องหากผู้ร้องเป็นเจ้าของบ้านและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ดังนี้ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีนี้ และถูกโต้แย้งสิทธิจึงชอบที่จะร้องเข้ามาในชั้นบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57(1)ได้ โดยไม่ต้องรอให้มีการบังคับคดีเสียก่อน เนื่องจากโจทก์ย่อมขอให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีรื้อถอนบ้านและสิ่งปลูกสร้างได้ทันทีตามมาตรา 296 ทวิ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3480/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องมรดกสืบแทนและการร้องสอดคดีแบ่งมรดกของผู้มีสิทธิรับมรดก
เมื่อโจทก์ฟ้องคดีขอให้จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกและ ครอบครองทรัพย์มรดกแบ่งทรัพย์ในกองมรดกให้ และคดีอยู่ในระหว่าง การพิจารณาของศาลชั้นต้น ผู้ร้องผู้มีสิทธิรับมรดกที่มีอยู่ ในกองมรดกก็ มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยแบ่งทรัพย์มรดกให้ได้ ผู้ร้อง ย่อมมีสิทธิร้องสอดเข้ามาในคดีเพื่อบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ได้ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 57(1) และ ป.พ.พ. มาตรา 1749 ศาลชั้นต้น จะยก คำร้องสอดอ้างว่าทำให้คดีล่าช้าไม่สะดวกแก่การพิจารณา พิพากษาหาได้ไม่ แม้ว่าผู้ร้องจะชำระค่าขึ้นศาลไม่ครบถ้วน ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจที่จะสั่งให้ชำระเพิ่มเติมให้ครบถ้วนได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 18 เมื่อผู้ร้องมิได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดในระยะเวลาหรือเงื่อนไข ที่กำหนดศาลชั้นต้นจึงจะมีอำนาจสั่งไม่รับคำร้องสอดได้.
of 15