คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ร้ายแรง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 100 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3806/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างฐานฝ่าฝืนระเบียบการเงินอย่างร้ายแรง กรณีไม่นำเงินฝากตามกำหนด
จำเลยได้กำหนดระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดหาวัสดุอุปกรณ์การเกษตรเป็นเงินสดว่า ให้หัวหน้าหน่วยอำเภอเป็นผู้เก็บรักษาเงินสดที่ได้จากการจัดหาวัสดุอุปกรณ์และเป็นผู้รับผิดชอบส่งเงินสดที่มีจำนวนตั้งแต่ 1,000 บาท ขึ้นไปฝากธนาคารหรือส่งให้สาขา โจทก์เป็นหัวหน้าหน่วยสินเชื่ออำเภอสุไหงปาดีมีหน้าที่รับผิดชอบด้านการเงิน จึงต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับดังกล่าวอย่างเคร่งรัด มิฉะนั้นแล้วจะส่งผลกระทบกระเทือนไปถึงความเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อกิจการธนาคารของจำเลย จนอาจทำให้ไม่สามารถดำรงอยู่ต่อไปได้ การที่โจทก์รับเงินจากลุกค้าการเกษตรไว้จำนวน 1,074 บาท แม้จะเกินจำนวนที่โจทก์สามารถเก็บรักษาไว้ได้โดยไม่ต้องส่งฝากเข้าบัญชีเงินฝากของสาขาเพียง 74 บาท แต่เมื่อโจทก์ส่งฝากเข้าบัญชีสาขาล่าช้าถึง 5 วัน ทั้งที่โจทก์สามารถนำเงินไปฝากได้ทันทีตามกำหนดนั้น ถือได้ว่าโจทก์จงใจฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยอย่างขัดแจ้งอันเป็นกรณีร้ายแรงตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47 (3) จำเลยสามารถเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3260/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพรากผู้เยาว์และข่มขืนกระทำชำเรา การกระทำโดยเจตนาเข้าถือโอกาสจากผู้เยาว์และร้ายแรงไม่สมควรรอการลงโทษ
จำเลยอายุ 22 ปี จบการศึกษาชั้น ม.ศ. 3 มีภรรยาและมีบุตรด้วยกัน 1 คน จำเลยรับจ้างซ่อมตู้เย็น จำเลยรู้สึกผิดชอบดีแล้วการที่ผู้เสียหายขอให้จำเลยช่วยพาไปอยู่ที่อื่นเพราะทะเลาะวิวาทกับบิดา จำเลยน่าจะแนะนำตักเตือนผู้เสียหายในทางที่ดีจำเลยกลับช่วยพาผู้เสียหายหนีบิดามารดาไปค้างคืนที่อื่น และร่วมประเวณีกับผู้เสียหายเช่นนี้ จำเลยมีเจตนาเข้าถือโอกาสจากผู้เสียหายซึ่งยังมีอายุน้อยเบาปัญญาและยังไม่รู้สึกผิดและชอบชั่วดี พาไปเพื่อการอนาจาร นับว่าการกระทำผิดของจำเลยร้ายแรงไม่สมควรที่จะรอการลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 319/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างที่ทำร้ายคู่สมรสในที่ทำงาน ไม่ถึงขั้นร้ายแรงพอที่จะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
ลูกจ้างมีเรื่องด่าและทำร้ายภริยาของตนในสถานที่ทำการของนายจ้าง การที่ลูกจ้างไม่ยอมเชื่อฟังและแสดงกิริยาไม่เคารพผู้บังคับบัญชาก็เนื่องจากการทะเลาะกับภริยาอันเป็นเรื่องส่วนตัวยังไม่ถึงกับเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และไม่เป็นการขัดคำสั่งของนายจ้างเป็นกรณีร้ายแรงที่นายจ้างจะเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ส่วนการที่ผู้บังคับบัญชาห้ามปรามลูกจ้างนั้น ก็ไม่เป็นคำสั่งที่มีกิจจะลักษณะแต่อย่างใด คงมีความประสงค์เพียงให้ลูกจ้างกับภริยาเลิกทะเลาะวิวาทกันเท่านั้น การที่ลูกจ้างไม่เชื่อฟังจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการจงใจขัดคำสั่งของนายจ้างอันจะเป็นเหตุให้เลิกจ้างได้โดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 319/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้าง: การทะเลาะวิวาทส่วนตัวไม่ถึงขั้นร้ายแรง
ลูกจ้างมีเรื่องด่าและทำร้ายภริยาของลูกจ้างในสถานที่ทำการของนายจ้าง การที่ลูกจ้างไม่ยอมเชื่อฟังและแสดงกิริยาไม่เคารพผู้บังคับบัญชาก็เนื่องจากการทะเลาะกับภริยาอันเป็นเรื่องส่วนตัวที่เกิดจากความหึงหวงเพราะภริยาไม่กลับบ้านและลูกจ้างไม่พอใจที่มีผู้อื่นมาห้ามปราม การกระทำดังนี้ยังไม่ถึงกับเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และไม่เป็นการจงใจขัดคำสั่งของนายจ้างเป็นกรณีร้ายแรงที่นายจ้างจะเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ส่วนการที่ผู้บังคับบัญชาห้ามปรามลูกจ้างนั้นก็ไม่ใช่เป็นคำสั่งที่มีกิจจะลักษณะแต่อย่างใด คงมีความประสงค์เพียงให้ลูกจ้างกับภริยาเลิกทะเลาะวิวาทกันเท่านั้นการที่ลูกจ้างไม่เชื่อฟังจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการจงใจขัดคำสั่งของนายจ้างอันจะเป็นเหตุให้เลิกจ้างได้โดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 27/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพกพาวัตถุระเบิดในเมือง แม้ไม่มีเจตนาทำร้าย แต่พฤติการณ์ร้ายแรง ศาลไม่รอการลงโทษ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490มาตรา 78 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 แต่เพียงกระทงเดียวไม่ได้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 อีกกระทงหนึ่งแม้จะไม่ถูกต้อง ก็นับว่าเป็นการลงโทษสถานเบาและเป็นคุณแก่จำเลย
การที่จำเลยพาลูกระเบิดที่มีอำนาจทำลายในรัศมี 10 เมตร เข้าในเขตกรุงเทพซึ่งมีประชาชนหนาแน่น หากเกิดระเบิดขึ้นย่อมเกิดความเสียหายมากกว่าปกติ แม้จำเลยไม่มีเจตนานำลูกระเบิดไปก่อเหตุร้าย แต่เหตุร้ายจากลูกระเบิดอาจเกิดได้ตลอดเวลาโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงเป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรงควรแก่การปราบปรามการที่จำเลยมีความประพฤติไม่เคยเสียหาย ไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อนหรือเคยเป็นอาสาสมัครทหารพราน ถือได้ว่ามีคุณความดีมาก่อน และมีภาระต้องเลี้ยงดูบิดามารดา แต่เมื่อเทียบกับพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ยังไม่มีเหตุเพียงพอที่ควรรอการลงโทษ.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1102/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแลกเปลี่ยนเวรยามและการลงเวลาทำงาน: การกระทำไม่ถึงขั้นเป็นการทุจริตและร้ายแรง
โจทก์เป็นยามรักษาความปลอดภัยของจำเลยมิได้เข้าเวรตามวันเวลาที่กำหนด แต่โจทก์ได้ตกลงแลกเปลี่ยนเวรกับผู้อื่นแล้ว และโจทก์ลงเวลาทำงานเป็นหลักฐานเพื่อเบิกค่าจ้างก็โดยเข้าใจว่าตนมีสิทธิจะได้รับค่าจ้างดังนี้ การกระทำของโจทก์ยังไม่ถึงกับเป็นการละทิ้งหน้าที่และลงเวลาทำงานอันเป็นเท็จโดยทุจริต ไม่เป็นการกระทำผิดร้ายแรง ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(3).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2405/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างเนื่องจากฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับร้ายแรง (เสพสุราขณะทำงาน) ไม่ถือเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
จำเลยประกอบกิจการผลิตเหล็กโดยใช้เครื่องจักรในการผลิตและมีพนักงานเป็นผู้ควบคุมดูแลเครื่องจักร เป็นกิจการที่อาจเกิดอันตรายแก่พนักงานหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยได้ง่าย ที่จำเลยออกระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานห้ามเสพสุราในขณะปฏิบัติงานโดยถือเป็นความผิดร้ายแรง ก็เพื่อป้องกันภยันตรายที่จะเกิดแก่พนักงานหรือจำเลยไว้ล่วงหน้าดังนั้น เมื่อโจทก์ทั้งสองเสพสุรามึนเมาในขณะปฏิบัติงานย่อมเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับดังกล่าวเป็นกรณีร้ายแรงจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องรอให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยก่อน ไม่เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมและไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยหรือสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความหึงหวงและแผนการกำจัดคู่แข่ง ชี้พฤติการณ์ร้ายแรง ยืนโทษประหาร
จำเลยและผู้ตายต่างเป็นภริยาของส. วันเกิดเหตุจำเลยนำปืนติดตัวตั้งใจไปพบผู้ตายที่บ้านของผู้ตายเมื่อพบผู้ตายจำเลยยื่นหนังสือที่ส. เขียนให้จำเลยซึ่งมีข้อความว่าส. จะหย่าร้างกับผู้ตายให้ผู้ตายอ่านแล้วจำเลยหยิบปืนที่ตระเตรียมมาจ้องยิงผู้ตายทันที2นัดติดๆกันพฤติการณ์ดังกล่าวย่อมแสดงชัดว่าจำเลยโกรธผู้ตายด้วยอารมณ์หึงหวงแล้วจำเลยดำเนินการตามแผนการณ์เป็นลำดับมาด้วยความมุ่งหมายที่จะได้ส. มาเป็นสามีแต่ผู้เดียวการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4251/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้าง: การกระทำที่ไม่ถึงขั้นร้ายแรงตามระเบียบข้อบังคับของบริษัท และต้องจ่ายค่าชดเชย
โจทก์เป็นผู้นำเรียกร้องให้จำเลยชี้แจงกรณี ด.ลูกจ้างคนหนึ่งของจำเลยถูกตำรวจจับกุมในข้อหาลักทรัพย์ของจำเลย กับนัดแนะให้ลูกจ้างรวมตัวกันเพื่อกระทำการอย่างหนึ่ง เมื่อจำเลยให้ตำรวจชี้แจงในเรื่องดังกล่าวแล้ว โจทก์ยังไม่พอใจได้นัดแนะให้ลูกจ้างคอยฟังรายละเอียดในตอนเย็นวันนั้น เมื่อการกระทำของโจทก์ดังกล่าวศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยยังไม่ได้รับความเสียหาย กรณีจึงยังไม่เข้าเหตุตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยที่ว่าลูกจ้างได้ทำให้ทรัพย์สินของบริษัทเสียหาย ซึ่งจำเลยถือเป็นเหตุที่ร้ายแรง ถือไม่ได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยกรณีร้ายแรงตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47 และยังไม่เป็นความผิดอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุดังกล่าว จึงต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3630/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างกรณีร้ายแรง: พฤติการณ์หลีกเลี่ยงหน้าที่, รายงานเท็จ, และใช้เวลางานผิดประเภท
ระเบียบข้อบังคับของผู้ร้องไม่ได้ระบุไว้โดยตรงว่าการกระทำผิดวินัยกรณีใดถือว่าเป็นกรณีร้ายแรงจึงต้องพิเคราะห์พฤติการณ์เป็นรายกรณีไปกรณีของผู้คัดค้านซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างและกรรมการสหภาพแรงงานองค์การค้าของผู้ร้องขอลาป่วยต่อผู้ร้องทั้งๆที่ไม่ได้ป่วยจำนวน3วันแล้วไปดำเนินคดีที่ศาลแรงงานกลางให้แก่ว.ซึ่งไม่ใช่ลูกจ้างของผู้ร้องหรือเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานองค์การค้าของผู้ร้องการกระทำดังกล่าวจึงเป็นการรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาและเป็นการไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายและหลีกเลี่ยงหน้าที่การงานนอกจากนี้ผู้คัดค้านยังถือโอกาสที่ได้รับอนุญาตให้ไปข้างนอกเพื่อกระทำกิจกรรมให้แก่สมาชิกสหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภาที่ศาลแรงงานกลางแล้วไปดำเนินคดีให้แก่ว.หลายครั้งหลายหนโดยใช้วิธีนัดวันให้ตรงกันแต่ต่างเวลากันหากวันนัดไม่ตรงกันผู้คัดค้านก็จะใช้วิธีขอลากิจหรือลาป่วยแทนเพื่อไปดำเนินคดีให้แก่ว.และยังปรากฏว่าผู้คัดค้านขอใช้สิทธิออกไปข้างนอกเพื่อกระทำกิจกรรมของสหภาพแรงงานองค์การค้าของผู้ร้องและกระทำกิจกรรมส่วนตัวในปี2526-2527มีจำนวน68ครั้งเป็นเวลา310ชั่วโมงเศษและในปี2527-2528มีจำนวน82ครั้งเป็นเวลา390ชั่วโมงเศษซึ่งผู้ร้องย่อมขาดประโยชน์ที่ควรจะได้การกระทำของผู้คัดค้านจึงเป็นการกระทำผิดวินัยฐานรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาไม่รักษาผลประโยชน์ของนายจ้างและไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอันถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของผู้ร้องเป็นกรณีร้ายแรงตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ.2518มาตรา123แล้วผู้ร้องจึงมีสิทธิที่จะเลิกจ้างผู้คัดค้านได้.
of 10