คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ละเว้นหน้าที่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 85 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3003-3005/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานป่าไม้ และการรับรองเอกสารเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยป่าไม้อำเภอ ได้รับคำสั่งจากป่าไม้อำเภอให้ไปตรวจสอบไม้ตามที่มีผู้ยื่นคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่จำเลยไม่ได้ไปตรวจสอบไม้ ไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานการชำระเงินค่าภาคหลวง และไม่ได้ตรวจสอบบัญชีจำหน่ายไม้ แต่จำเลยได้ลงลายมือชื่อของตนในหนังสือกำกับไม้แปรรูปในช่องผู้ตรวจสอบเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าได้ทำการตรวจสอบดังกล่าวแล้ว และทำความเห็นเสนอนายอำเภอในคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ว่าได้ไปทำการตรวจสอบไม้รายนี้แล้วถูกต้องจริง สมควรออกใบเบิกทางให้ได้ ซึ่งเป็นความเท็จ เป็นเหตุให้ป่าไม้อำเภอในฐานะผู้ทำการแทนนายอำเภอออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ให้แก่ผู้ขอ ทำให้ป่าไม้อำเภอซึ่งเป็นผู้ออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ได้รับความเสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ป่าไม้อำเภอและกรมป่าไม้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และเป็นความผิดฐานรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(1)
รเเบียบของกรมป่าไม้ที่ระบุให้จำเลยซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ด้วยตนเองนั้น ปรากฏว่าในทางปฏิบัติได้อนุโลมให้ผู้ขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ซึ่งมิใช่พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้เขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ แล้วจำเลยลงชื่อว่าตนเป็นผู้เขียนหรือกรอกเองนั้น เป็นการปฏิบัติผิดระเบียบของกรมป่าไม้เท่านั้น มิใช่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
การเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ดังกล่าว เป็นการเขียนกรอกข้อความตามช่องในแบบฟอร์ม ซึ่งมีช่องให้กรอกเป็นช่อง ๆ จึงมิใช่เป็นการจดข้อความซึ่งมีหน้าที่ต้องรับจด การกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การละเว้นไม่จดข้อความซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องรับจดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 (3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3003-3005/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงาน, รับรองเอกสารเท็จ, ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162(1)
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยป่าไม้อำเภอ ได้รับคำสั่งจากป่าไม้อำเภอให้ไปตรวจสอบไม้ตามที่มีผู้ยื่นคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ จำเลยไม่ได้ไปตรวจสอบไม้ ไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานการชำระเงินค่าภาคหลวง และไม่ได้ตรวจสอบบัญชีจำหน่ายไม้ แต่จำเลยได้ลงลายมือชื่อของตนในหนังสือกำกับไม้แปรรูปในช่องผู้ตรวจสอบเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าได้ทำการตรวจสอบดังกล่าวแล้ว และทำความเห็นเสนอนายอำเภอในคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ว่าได้ไปทำการตรวจสอบไม้รายนี้แล้วถูกต้องจริง สมควรออกใบเบิกทางให้ได้ ซึ่งเป็นความเท็จ เป็นเหตุให้ป่าไม้อำเภอในฐานะผู้ทำการแทนนายอำเภอออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ให้แก่ผู้ขอ ทำให้ป่าไม้อำเภอซึ่งเป็นผู้ออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ได้รับความเสียหายการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ป่าไม้อำเภอและกรมป่าไม้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็นความผิดฐานรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นอันเป็นความเท็จตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(1)
ระเบียบของกรมป่าไม้ที่ระบุให้จำเลยซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ด้วยตนเองนั้นปรากฏว่าในทางปฏิบัติได้อนุโลมให้ผู้ขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่เป็นผู้เขียนกรอกเองได้เพื่อความสะดวกรวดเร็ว การที่จำเลยได้ยอมให้ผู้ขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ซึ่งมิใช่พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้เขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ แล้วจำเลยลงชื่อว่าตนเป็นผู้เขียนหรือกรอกเองนั้น เป็นการปฏิบัติผิดระเบียบของกรมป่าไม้เท่านั้นมิใช่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
การเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ดังกล่าว เป็นการเขียนกรอกข้อความตามช่องในแบบฟอร์มซึ่งมีช่องให้กรอกเป็นช่อง ๆ จึงมิใช่เป็นการจดข้อความซึ่งมีหน้าที่ต้องรับจดการกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การละเว้นไม่จดข้อความซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องรับจดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานละเว้นหน้าที่, แจ้งความเท็จ, และการกระทำโดยทุจริตต่อหน้าที่
จำเลยเป็นกำนัน ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการโครงการสร้างถนนเข้าหมู่บ้าน เป็นเจ้าพนักงานอยู่แล้วตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ ฯ การที่จำเลยเบิกเงินต่อผู้ว่าราชการจังหวัดผ่านนายอำเภอ เพื่อจ่ายแก่ผู้รับเหมาทำถนนในขณะที่ถนนยังไม่เสร็จ แต่เบิกมาเพื่อจะจ่ายให้ผู้รับเหมาทำงานต่อไปได้และจำเลยจ่ายเงินแก่ผู้รับเหมาไปแล้วนั้น แม้ข้ออ้างของจำเลยที่ว่าทำตามคำแนะนำของนายอำเภอและไม่เป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องรับโทษ แต่ก็แสดงว่าจำเลยกระทำไปโดยขาดเจตนาที่จะแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงาน จึงไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จและเหตุดังกล่าวเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องถึงจำเลยคนอื่นซึ่งคดีถึงที่สุดแล้วได้
เมื่อจำเลยรับเงินมาจ่ายให้ผู้รับเหมาแล้วได้ละเว้นไม่ดำเนินการให้ผู้รับเหมาทำงานต่อไปให้เสร็จตามสัญญา เป็นการทำให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยผู้รับเหมาได้รับเงินมากกว่าที่ควรจะได้ จึงเป็นการกระทำโดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 38/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานละเว้นหน้าที่-แจ้งความเท็จ โครงการพัฒนาท้องถิ่น: เจตนาและประโยชน์ที่มิควรได้
กำนันถูกแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการโครงการสร้างถนนเข้าหมู่บ้านเป็นเจ้าพนักงานอยู่แล้วตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457เบิกเงินมาเพื่อจ่ายแก่ผู้รับเหมาทำถนนในขณะที่ถนนยังไม่เสร็จ แต่เบิกมาเพื่อจะจ่ายให้ผู้รับเหมาทำงานต่อไปได้ มิฉะนั้นจะต้องส่งเงินคืนคลังกำนันจ่ายเงินแก่ผู้รับเหมาไปแล้วดังนี้ ขาดเจตนาแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 เป็นเหตุในลักษณะคดีใช้ตลอดถึงจำเลยที่ไม่ได้ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213, 225 แต่เมื่อรับเงินมาแล้วกำนันละเว้นไม่ดำเนินการให้ผู้รับเหมาทำงานต่อไปให้เสร็จตามสัญญา เป็นการทุจริตให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1722/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ใหญ่บ้านไกล่เกลี่ยคดีลักไก่งวง ไม่มีความผิดฐานข่มขู่เรียกเงิน หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
จำเลยที่ 1(ผู้ใหญ่บ้าน) ได้รับแจ้งจากจำเลยที่ 2 ว่า โจทก์ทั้งสี่เป็นคนร้ายลักไก่งวง แล้วจำเลยที่ 1 เรียกโจทก์ทั้งสี่มาเพื่อพูดจาตกลงกันถึงเรื่องความเสียหายฟังไม่ได้ว่าเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ และการที่จำเลยที่ 1 เพียงแต่ไกล่เกลี่ยให้โจทก์ทั้งสี่กับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ตกลงกันเรื่องค่าเสียหายเพื่อให้คดีเลิกแล้วกันนั้น ไม่ใช่เรื่องจำเลยที่ 1 มีเจตนาทุจริตเพื่อขู่เอาเงินจากโจทก์ทั้งสี่ จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่173/2510)
การที่จำเลยที่ 1 เรียกโจทก์ทั้งสี่มาโดยกล่าวหาว่าโจทก์ทั้งสี่ลักไก่งวงเมื่อได้ไกล่เกลี่ยตกลงค่าเสียหายกันแล้วจำเลยที่ 1 มิได้จัดการส่งโจทก์ทั้งสี่ไปดำเนินคดีเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่จำเลยที่1 มิได้มีเจตนาทุจริต และมิใช่เพื่อเรียกเอาเงินจากโจทก์ทั้งสี่และเป็นผลให้โจทก์ทั้งสี่ไม่ต้องถูกส่งตัวไปดำเนินคดี จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสี่จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานตำรวจช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีจากศูนย์กักตัว ไม่ถึงขั้นละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้ร่วมกับพวกช่วยพาคนต่างด้าวสัญชาติลาวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2493ไปเสียจากที่ควบคุมเพื่อมิให้ต้องถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศลาวตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่โดยจำเลยกับพวกนำรถยนต์มารับคนลาวดังกล่าวไป จำเลยเห็นแต่ละเลยไม่จับกุมดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2493 มาตรา 58 แต่ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 345/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานละเว้นต่อหน้าที่ ลักลอบเอกสารราชการ และปลอมแปลงเอกสาร มีความผิดตามมาตรา 157
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ดูแลปกครองรักษาไว้โดยปลอดภัยซึ่งเอกสารราชการ และเอกสารสิทธิทั้งปวงอันเกี่ยวกับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินของประชาชน จำเลยได้ลักลอบเอาเอกสารซึ่งจำเลยมีหน้าที่ดูแลรักษาออกจากตู้เก็บเอกสารไปบางฉบับ แล้วนำไปให้ ส. ทนายความตรวจดูนอกสถานที่ราชการ และจำเลยได้ปลอมเอกสารนั้นเช่นนี้ เห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดรวมทั้งแก่ทางราชการด้วยแล้ว จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วย (นอกจากจะผิดตามมาตรา 158 และมาตรา 266 แล้ว)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1390/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติ/ละเว้นหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าพนักงานสอบสวน ทำให้ผู้บริสุทธิ์ถูกฟ้องร้อง
ตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 131บัญญัติให้พนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดโดยไม่คำนึงว่าจะเป็นหลักฐานที่พนักงานสอบสวนสืบหามาได้เอง หรือที่ผู้เสียหายหรือผู้ต้องหายื่นต่อพนักงานสอบสวนเพื่อเป็นพยาน หรือที่บุคคลภายนอกส่งมา ทั้งนี้ ก็เพื่อที่จะได้ทราบข้อเท็จจริง และพฤติการณ์ต่าง ๆอันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหา และเพื่อที่จะรู้ตัวผู้กระทำผิด และพิสูจน์ให้เห็นความผิด
คำบรรยายฟ้องที่ครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2255/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ กรณีถูกพักราชการแล้ว ไม่ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่
จำเลยรับราชการเป็นตำรวจ แต่ในขณะที่แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานทำการจับกุมผู้เสียหาย แล้วไม่นำส่งสถานีตำรวจ กลับพาไปข่มขืนกระทำชำเราและปล่อยตัวไปนั้น จำเลยถูกสั่งพักราชการแล้ว แม้จะยังมิได้มีคำสั่งปลดหรือให้จำเลยออกจากราชการ จำเลยก็ถูกสั่งมิให้ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามตำแหน่งหน้าที่ การกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการในฐานะเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเจ้าพนักงานตามมาตรา 149 ไม่ต้องมีการกระทำผิดเกิดขึ้นก่อน การเรียกรับเงินเพื่อละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจ
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 หาจำต้องเป็นกรณีที่มีการกระทำผิดเกิดขึ้นแล้ว หรือเจ้าพนักงาน (จำเลย) ได้พบการกระทำผิดซึ่งเกิดขึ้นซึ่งหน้าไม่ น. นายตำรวจปลอมตัวเป็นคนขับรถบรรทุกข้าวโพด แม้รถนั้นจะบรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่ก็ตามแต่เมื่อจำเลยซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตำรวจจราจรตรวจรถได้เรียกให้รถหยุดเพื่อตรวจ ย่อมถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติราชการไปตามอำนาจหน้าที่ของจำเลย เมื่อจำเลยเรียกและรับเงิน 20 บาทไว้จาก น. เพื่อจะไม่กระทำการตรวจตามหน้าที่ก็ต้องมีความผิดตามมาตรา 149
หมายเหตุ ที่ประชุมใหญ่ (ครั้งที่ 2/2518) ได้พิจารณาปัญหาเกี่ยวกับที่ศาลล่างพิพากษาให้ริบเงิน 20 บาทของกลางด้วย มีมติว่าพึงริบได้และมีมติด้วยว่าไม่ต้องกล่าวถึงปัญหานี้ไว้ในคำพิพากษาศาลฎีกา
of 9