คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
วัตถุออกฤทธิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 105 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4463/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจกยาเสพติดถือเป็นการ 'ขาย' ตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท แม้ไม่ได้มีเจตนาค้าขาย
พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518มาตรา 4 ได้ให้คำนิยามของคำว่า "ขาย" ให้หมายความรวมถึง จำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบหรือมีไว้เพื่อขาย เห็นได้ว่าการขายเมทแอมเฟตามีนตามบทบัญญัติดังกล่าวหาได้มีความหมายเฉพาะการขายกันโดยตรงเท่านั้นไม่ การจ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบแก่กันไม่ว่าจะกระทำในลักษณะอย่างไรและโดยจุดประสงค์ใดจะเป็นเพื่อการค้าหรือไม่ ก็อยู่ในความหมายของคำว่า"ขาย" ตามมาตรา 4 นี้ทั้งสิ้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อแจกแก่ลูกน้อง การ "แจก" หรือ การ "ขาย" การมีไว้เพื่อ "แจก" ก็คือการมีไว้เพื่อ "ขาย" หรือเพื่อจำหน่าย จำเลยจึงมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อขาย จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพียง 3 เม็ด ไม่น่าจะมีปริมาณเกิน 0.500 กรัมตามที่รัฐมนตรีกำหนดนั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้พิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา13 ทวิวรรคหนึ่ง,89 เพียงกรรมเดียวบทเดียว ไม่ได้พิพากษาลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเกินประมาณที่รัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา 62 วรรคหนึ่ง,106ทวิ ด้วยแต่ประการใดจึงมิใช่เป็นฎีกาโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ในความผิดดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4463/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจกยาเสพติดถือเป็นการ 'ขาย' ตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ แม้ไม่ใช่การซื้อขายโดยตรง
พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518มาตรา4ได้ให้คำนิยามของคำว่า"ขาย"ให้หมายความรวมถึงจำหน่ายจ่ายแจกแลกเปลี่ยนส่งมอบหรือมีไว้เพื่อขายเห็นได้ว่าการขายเมทแอมเฟตามีนตามบทบัญญัติดังกล่าวหาได้มีความหมายเฉพาะการขายกันโดยตรงเท่านั้นไม่การจ่ายแจกแลกเปลี่ยนส่งมอบแก่กันไม่ว่าจะกระทำในลักษณะอย่างไรและโดยจุดประสงค์ใดจะเป็นเพื่อการค้าหรือไม่ก็อยู่ในความหมายของคำว่า"ขาย"ตามมาตรา4นี้ทั้งสิ้นเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อแจกแก่ลูกน้องการ"แจก"หรือการ"ขาย"การมีไว้เพื่อ"แจก"ก็คือการมีไว้เพื่อ"ขาย"หรือเพื่อจำหน่ายจำเลยจึงมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อขาย จำเลยฎีกาว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพียง3เม็ดไม่น่าจะมีปริมาณเกิน0.500กรัมตามที่รัฐมนตรีกำหนดนั้นศาลอุทธรณ์ภาค3พิพากษาแก้พิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518มาตรา13ทวิวรรคหนึ่ง,89เพียงกรรมเดียวบทเดียวไม่ได้พิพากษาลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเกินประมาณที่รัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา62วรรคหนึ่ง,106ทวิด้วยแต่ประการใดจึงมิใช่เป็นฎีกาโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค3ในความผิดดังกล่าวศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2695/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท: การใช้กฎหมายที่คุ้มครองผู้กระทำผิด และขอบเขตการปรับใช้บทกฎหมาย
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 85 (พ.ศ.2536) เรื่องกำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1หรือประเภท 2 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ประกาศใช้อยู่ในขณะกระทำผิด กำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์เมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2695/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เปลี่ยนแปลงในคดีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และการลงโทษความผิดฐานครอบครองเพื่อขาย
ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่85(พ.ศ.2536)เรื่องกำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท1หรือประเภท2ซึ่งเป็นกฎหมายที่ประกาศใช้อยู่ในขณะกระทำผิดกำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์เมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518มาตรา106ทวิน้ำหนักไม่เกิน0.500กรัมแต่ต่อมาภายหลังได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่92(พ.ศ.2538)เรื่องกำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท1หรือประเภท2ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่85(พ.ศ.2536)ดังกล่าวแล้วกำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2ตามมาตรา106ทวิน้ำหนักซึ่งได้คำนวณปริมาณเป็นสารบริสุทธิ์แล้วไม่เกิน0.500กรัมประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่85(พ.ศ.2536)เป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่92(พ.ศ.2538)ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดจึงต้องใช้ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่92(พ.ศ.2538)ในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา3 โจทก์มิได้นำสืบว่าเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองมีน้ำหนักซึ่งได้คำนวณปริมาณเป็นสารบริสุทธิ์แล้วมีปริมาณเท่าใดเกิน0.500กรัมตามที่รัฐมนตรีกำหนดหรือไม่จึงไม่อาจฟังลงโทษจำเลยในความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518มาตรา106ทวิได้การกระทำของจำเลยในส่วนนี้จึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518มาตรา62วรรคหนึ่ง,106วรรคหนึ่งเท่านั้น ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่92(พ.ศ.2538)ไม่มีผลถึงความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2ไว้ในครอบครองเพื่อขายตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518มาตรา13ทวิวรรคหนึ่ง,89เพราะความผิดฐานนี้ไม่ได้กำหนดปริมาณของวัตถุออกฤทธิ์อันจะเป็นความผิดไว้และเมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา89ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้วก็ไม่จำเป็นต้องปรับบทลงโทษตามมาตรา106วรรคหนึ่งซึ่งเป็นบททั่วไปอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความผิด พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ฯ และผลของประกาศกระทรวงสาธารณสุขต่อการกำหนดปริมาณวัตถุออกฤทธิ์
พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518ได้ให้บทนิยามคำว่า "วัตถุตำรับ" หมายความว่า สิ่งปรุงไม่ว่าจะมีรูปลักษณะใดที่มีวัตถุออกฤทธิ์รวมอยู่ด้วย ทั้งนี้รวมทั้งวัตถุออกฤทธิ์ที่มีลักษณะเป็นวัตถุสำเร็จรูปทางเภสัชกรรมซึ่งพร้อมที่จะนำไปใช้แก่คนหรือสัตว์ได้ นอกจากนั้นในมาตรา 59ยังได้บัญญัติว่า "ให้ถือว่าวัตถุตำรับที่มีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทหนึ่งประเภทใดปรุงผสมอยู่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทนั้นด้วย" จึงเป็นที่เห็นได้ว่าวัตถุออกฤทธิ์ในความหมายดังกล่าวนั้น นอกจากหมายถึงวัตถุออกฤทธิ์โดยเฉพาะแล้ว ยังหมายรวมถึงสิ่งปรุงไม่ว่าจะมีรูปร่างลักษณะใดที่มีวัตถุออกฤทธิ์ปรุงผสมอยู่ด้วย
ในระหว่างพิจารณา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 92 (พ.ศ. 2538) ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 85 (พ.ศ. 2536) ซึ่งบังคับใช้อยู่ขณะเกิดเหตุ และกำหนดการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 เมื่อคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์แล้วสำหรับเมทแอมเฟตามีนต้องไม่เกิน0.500 กรัม เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าวัตถุออกฤทธิ์ของกลาง น้ำหนักรวม105.10 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ปริมาณเกินกว่าที่รัฐมนตรีกำหนดหรือไม่จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 106 ทวิ เพราะประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 92 (พ.ศ.2538) เป็นคุณแก่จำเลย ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 106 วรรคหนึ่ง เท่านั้น
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 92 (พ.ศ. 2538)ไม่มีผลถึงความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อขายตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิวรรคหนึ่ง, 89 เพราะความผิดฐานนี้ไม่ได้กำหนดปริมาณของวัตถุออกฤทธิ์อันจะเป็นความผิดไว้
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิด ตามมาตรา 89 ซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้วก็ไม่จำต้องปรับบทลงโทษตามมาตรา 106 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก ปัญหานี้แม้คู่ความไม่ได้ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้ รวมทั้งกำหนดโทษจำเลยในความผิดตามมาตรา 89 ซึ่งศาลล่างทั้งสองมิได้กำหนดไว้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8737/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปริมาณวัตถุออกฤทธิ์ที่กฎหมายกำหนดและผลต่อความผิดฐานครอบครอง
ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา รัฐมนตรีว่าการกระทรวง-สาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 92 (พ.ศ.2538) เรื่องกำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1หรือประเภท 2 ตามความใน พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 85 (พ.ศ.2536) เรื่อง กำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 ตามความใน พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518ลงวันที่ 19 มกราคม 2536 และกำหนดการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุที่ออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 เมื่อคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์แล้ว สำหรับเมทแอมเฟตามีนต้องไม่เกิน 0.500 กรัม เมื่อตามคำฟ้องและตามทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่า วัตถุของกลางรวมน้ำหนัก 0.740 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ปริมาณเกินกว่าที่รัฐมนตรีกำหนดหรือไม่ การที่วัตถุของกลางมีจำนวนเพียง 11 เม็ด รวมน้ำหนัก 0.740 กรัม ไม่อาจฟังว่ามีสารบริสุทธิ์เกินกว่าที่รัฐมนตรีกำหนด จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 106 ทวิ เพราะประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 92 (พ.ศ.2538) เป็นคุณแก่จำเลย ทั้งนี้ตาม ป.อ.มาตรา 3 ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้แม้จำเลยให้การรับสารภาพว่ามีเมทแอมเฟตามีนของกลางซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 จำนวน 11 เม็ด ไว้ในครอบครองจริง จำเลยก็คงมีความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง, 106วรรคหนึ่ง เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8737/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปริมาณเมทแอมเฟตามีนที่ครอบครองและการเปลี่ยนแปลงประกาศกระทรวงสาธารณสุขมีผลต่อความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์
ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 92(พ.ศ. 2538) เรื่อง กำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 85(พ.ศ. 2536) เรื่องกำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 ลงวันที่ 19 มกราคม 2536 และกำหนดการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุที่ออกฤทธิ์ในประเภท 1หรือประเภท 2 เมื่อคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์แล้ว สำหรับเมทแอมเฟตามีนต้องไม่เกิน 0.500 กรัม เมื่อตามคำฟ้องและตามทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าวัตถุของกลางรวมน้ำหนัก 0.740 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ปริมาณเกินกว่าที่รัฐมนตรีกำหนดหรือไม่ การที่วัตถุของกลางมีจำนวนเพียง 11 เม็ด รวมน้ำหนัก 0.740 กรัมไม่อาจฟังว่ามีสารบริสุทธิ์เกินกว่าที่รัฐมนตรีกำหนดจำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 106 ทวิ เพราะประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 92(พ.ศ. 2538) เป็นคุณแก่จำเลยทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้แม้จำเลยให้การรับสารภาพว่ามีเมทแอมเฟตามีนของกลางซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2จำนวน 11 เม็ด ไว้ในครอบครองจริง จำเลยก็คงมีความผิดฐานมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง,106 วรรคหนึ่ง เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8231/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปริมาณวัตถุออกฤทธิ์และผลต่อความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ฯ การยกประโยชน์ให้จำเลยตามประกาศกระทรวง
ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 92 (พ.ศ.2538) เรื่องกำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1หรือประเภท 2 ตามความใน พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 85 (พ.ศ.2536) เรื่อง กำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 ตามความใน พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518ลงวันที่ 19 มกราคม 2536 และกำหนดการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 เมื่อคำนวณปริมาณเป็นสารบริสุทธิ์แล้ว สำหรับเมทแอมเฟตามีนต้องไม่เกินปริมาณ 0.500 กรัม เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าวัตถุของกลางรวมน้ำหนัก 0.840 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ปริมาณเกินกว่าที่รัฐมนตรีกำหนดหรือไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 106 ทวิ เพราะประกาศกระทรวง-สาธารณสุข ฉบับที่ 92 (พ.ศ. 2538) เป็นคุณแก่จำเลย ทั้งนี้ตาม ป.อ.มาตรา 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8231/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปริมาณเมทแอมเฟตามีนตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขและการมีผลต่อความผิดฐานครอบครองวัตถุออกฤทธิ์
ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีการัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่92(พ.ศ.2538)เรื่องกำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท1หรือประเภท2ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่85(พ.ศ.2536)เรื่องกำหนดปริมาณมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท1หรือประเภท2ตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518ลงวันที่19มกราคม2536และกำหนดการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท1หรือประเภท2เมื่อคำนวณปริมาณเป็นสารบริสุทธิ์แล้วสำหรับเมทแอมเฟตามีนต้องไม่เกินปริมาณ0.500กรัมเมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าวัตถุของกลางรวมน้ำหนัก0.840กรัมคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ปริมาณเกินกว่าที่รัฐมนตรีกำหนดหรือไม่จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518มาตรา106ทวิเพราะประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่92(พ.ศ.2538)เป็นคุณแก่จำเลยทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8226/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงประกาศกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับปริมาณวัตถุออกฤทธิ์และการมีผลต่อความผิดทางอาญา
ในขณะที่จำเลยกระทำผิด ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่85 พ.ศ.2536 เรื่อง กำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 ตามความใน พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518 ลงวันที่ 19 มกราคม 2536 ได้กำหนดการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 โดยสำหรับเมทแอมเฟตามีนกำหนดว่าต้องไม่เกิน 0.500 กรัม แต่ไม่ได้กำหนดให้คำนวณปริมาณเป็นสารบริสุทธิ์และตาม พ.ร.บ.ที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 59 บัญญัติให้ถือว่าวัตถุตำรับที่มีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทหนึ่งประเภทใดปรุงผสมอยู่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภทนั้นด้วย และมาตรา 4 บัญญัติว่า "วัตถุตำรับ หมายความว่า สิ่งปรุงไม่ว่าจะมีรูปลักษณะใด ที่มีวัตถุออกฤทธิ์รวมอยู่ด้วย ฯลฯ" ดังนี้ ปริมาณของวัตถุออกฤทธิ์จึงต้องรวมถึงวัตถุตำรับที่ปรุงผสมอยู่ด้วยตามบทบัญญัติดังกล่าวถือว่าของกลางเป็นวัตถุออกฤทธิ์ทั้งหมด เมื่อของกลางมีปริมาณเกิน 0.500 กรัม จึงเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 106 ทวิ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่จำเลยกระทำผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่เมื่อต่อมาในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 92 (พ.ศ.2538) เรื่อง กำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครอง หรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุที่ออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2ตามความใน พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ลงวันที่ 3เมษายน 2538 ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 85 (พ.ศ.2536)ดังกล่าว และกำหนดการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 โดยเมื่อคำนวณปริมาณเป็นสารบริสุทธิ์แล้วสำหรับเมทแอมเฟตามีนต้องไม่เกิน 0.500 กรัม เมื่อเป็นดังนี้และปรากฏว่าของกลางตรวจพบเมทแอมเฟตามีนวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 อันถือเป็นสารบริสุทธิ์หนัก0.217 กรัม ซึ่งไม่เกินตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 92 (พ.ศ.2538) ดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 106 ทวิ คงมีความผิดตามมาตรา 62 วรรคหนึ่งและมาตรา 106 วรรคหนึ่ง เท่านั้น ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้บังคับในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยตาม ป.อ.มาตรา 3
of 11