พบผลลัพธ์ทั้งหมด 120 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 272/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานจำเลยเนื่องจากไม่ยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลา
วันนัดชี้สองสถาน โจทก์จำเลยและทนายทั้งสองฝ่ายมาศาล ลงชื่อทราบนัดสืบพยานโจทก์ในรายงานกระบวนพิจารณา ครั้นถึงวันนัดโจทก์นำพยานเข้าสืบได้ 2 ปาก แถลงหมดพยานโจทก์ จำเลยไม่ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยาน 3 วัน จึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบ ที่ศาลสั่งงดสืบพยานจำเลยเป็นการชอบแล้ว
คำร้องขอระบุพยานไม่เป็นคำร้องเพื่อตั้งประเด็นระหว่างคู่ความจึงไม่เป็นคำคู่ความเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งไว้ จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์
จำเลยมิได้ระบุพยานก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน ซึ่งต้องห้ามมิให้รับฟังพยานหลักฐาน จำเลยไม่มีสิทธิอ้างตนเองเป็นพยานได้แม้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานโดยฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งมาตรา 87(2) ได้ก็ตาม.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำร้องขอระบุพยานไม่เป็นคำร้องเพื่อตั้งประเด็นระหว่างคู่ความจึงไม่เป็นคำคู่ความเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งไว้ จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์
จำเลยมิได้ระบุพยานก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน ซึ่งต้องห้ามมิให้รับฟังพยานหลักฐาน จำเลยไม่มีสิทธิอ้างตนเองเป็นพยานได้แม้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานโดยฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งมาตรา 87(2) ได้ก็ตาม.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2558/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่สาธารณะ หลังมี พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่สาธารณะที่โจทก์มีหน้าที่ดูแลอยู่ ถ้าจำเลยไม่รื้อถอนขอให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนโดยจำเลยทั้งสองเสียค่าใช้จ่าย ปรากฏว่าในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2527 ออกใช้บังคับ ซึ่งมาตรา 12 ให้เพิ่มเติมมาตรา 296 ทวิ กำหนดวิธีดำเนินการบังคับคดีโดยให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำขอฝ่ายเดียวโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเข้าครอบครองทรัพย์สินนั้น ดังนั้น โจทก์ชอบที่จะดำเนินการตามวิธีการดังกล่าวนี้ จะให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของจำเลยเองโดยให้ศาลบังคับให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2112/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง: เจ้าหนี้มีสิทธิขอศาลสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการแทนตนเองตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนครัวที่รุกล้ำออกจากที่ดินของโจทก์ ถ้าจำเลยไม่รื้อถอนให้โจทก์รื้อถอนได้โดยค่าใช้จ่ายเป็นของจำเลย ปรากฏว่าในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่10) พ.ศ. 2527 ออกใช้บังคับซึ่งมาตรา 12 ให้เพิ่มเติมบทมาตรา 296 ทวิ เป็นว่า 'ในกรณีที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาถูกพิพากษาให้ขับไล่ หรือต้องออกไป หรือต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากอสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่อาศัยหรือทรัพย์ที่ครอบครอง ถ้าลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ปฏิบัติตามคำบังคับเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะยื่นคำขอฝ่ายเดียว โดยทำเป็นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีให้จัดการให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเข้าครอบครองทรัพย์ดังกล่าว' ดังนั้นโจทก์จึงชอบที่จะร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการรื้อถอนครัวของจำเลยที่รุกล้ำออกไปได้ จะให้โจทก์รื้อถอนเองโดยให้ศาลบังคับให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาและการปฏิบัติตามขั้นตอนวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลต้องสั่งขาดนัดก่อนชี้ขาดคดี
กรณีจำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนและไม่มีเหตุผลให้ศาลเห็นเป็นอย่างอื่น ศาลจะต้องสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาเสียก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 แล้วจึงจะทำการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวได้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบตามข้ออ้างและข้อต่อสู้ ให้นัดสืบพยานโจทก์โดยไม่ชี้ลงไปว่าเป็นเรื่องขาดนัดพิจารณา จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว ปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยมีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ฎีกาได้แม้จะไม่ได้โต้แย้งการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นไว้ และศาลฎีกาย่อมให้มีการพิจารณาใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2736/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา 209 ว.พ.พ. ไม่กระทบกระบวนพิจารณาเดิม เช่น การยื่นบัญชีระบุพยาน
หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 วรรคแรก แล้วกระบวนพิจารณาที่ให้ถือว่าเป็นอันเพิกถอนไปในตัวก็มีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลโดยคู่ความขาดนัดคำพิพากษาหรือ คำสั่งอื่นๆของศาลสูงในคดีเดียวกันนั้น และวิธีการบังคับคดีที่ได้ดำเนินการไปแล้วเท่านั้นหาได้ให้เพิกถอน กระบวนพิจารณาเช่นที่โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ก่อนแล้วไม่บัญชีระบุพยานเดิมของโจทก์จึงยังคงอยู่และถือว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิขอระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1986/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุพยานเพิ่มเติมต้องไม่ขัดต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และต้องเป็นพยานที่จำเป็นต่อการวินิจฉัยข้อพิพาท
โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อนและสืบพยานเสร็จไปแล้วระหว่างสืบพยานจำเลย โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมเมื่อเอกสารที่โจทก์ขอระบุเพิ่มเติมเป็นเพียงคำอธิบายวิธีปฏิบัติต่าง ๆ ซึ่งโจทก์ได้นำสืบไปแล้วไม่ใช่เอกสารที่มีกฎหมายบังคับให้นำมาแสดงพยานที่โจทก์ระบุเพิ่มเติมจึงมิได้เป็นพยาน เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรมจำเป็นต้องสืบพยานเช่นว่านั้นทั้งเป็นการระบุอ้างเพิ่มเติมฝ่าฝืน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 จึงไม่ควรรับไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1986/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุพยานเพิ่มเติมต้องไม่ขัดต่อข้อจำกัดตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และต้องเป็นพยานที่จำเป็นต่อการวินิจฉัยข้อพิพาท
โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อนและสืบพยานเสร็จไปแล้วระหว่างสืบพยานจำเลย โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมเมื่อเอกสารที่โจทก์ขอระบุเพิ่มเติมเป็นเพียงคำอธิบายวิธีปฏิบัติต่างๆซึ่งโจทก์ได้นำสืบไปแล้วไม่ใช่เอกสารที่มีกฎหมายบังคับให้นำมาแสดงพยานที่โจทก์ระบุเพิ่มเติมจึงมิได้เป็นพยานเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรมจำเป็นต้องสืบพยานเช่นว่านั้นทั้งเป็นการระบุอ้างเพิ่มเติมฝ่าฝืน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา88 จึงไม่ควรรับไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3362/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเฉลี่ยทรัพย์ที่อายัดหลังชำระหนี้เกินกำหนดตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ระหว่างพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น ศาลได้ออกหมายอายัดเงินของจำเลยไปยังธนาคาร ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยและได้มีคำสั่งกำหนดให้ธนาคารส่งเงินที่โจทก์ขออายัดมาภายใน 7 วัน ธนาคารได้ส่งเงินที่ศาลอายัดมาให้เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2525 ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นได้ยื่นคำร้อง ในวันที่ 8 พฤศจิกายน2525 ขอเฉลี่ยเงินที่ธนาคารส่ง มา ดังนี้เป็นกรณีที่ผู้ร้องเพิ่งมายื่นคำร้องภายหลัง ที่ธนาคารส่งเงินมา ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะขอ เฉลี่ยทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290 วรรคสี่
แม้ศาลจะได้สั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเฉลี่ยเงินรายนี้ไปก่อน แล้วเมื่อศาลเห็นว่าเป็นการผิดระเบียบ ก็อาจสั่งให้ เพิกถอนเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และแม้โจทก์จะไม่คัดค้านมาก่อน หรือมาคัดค้านใน ตอนหลัง ก็หาลบล้างอำนาจของศาลในเรื่องนี้ไม่
แม้ศาลจะได้สั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเฉลี่ยเงินรายนี้ไปก่อน แล้วเมื่อศาลเห็นว่าเป็นการผิดระเบียบ ก็อาจสั่งให้ เพิกถอนเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และแม้โจทก์จะไม่คัดค้านมาก่อน หรือมาคัดค้านใน ตอนหลัง ก็หาลบล้างอำนาจของศาลในเรื่องนี้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3408/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาของจำเลย ศาลต้องดำเนินการตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง หากไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาอาจถูกยก
การที่จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ ทั้งที่จำเลยทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งแสดงว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 ดังนั้นการที่ศาลมีคำสั่งให้นัดสืบพยานโจทก์และนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งต่อไป และมีคำพิพากษาคดีนี้มา จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยการพิจารณา และปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้โต้แย้งการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลในเรื่องนี้ไว้ จำเลยก็มีสิทธิยกปัญหานี้ขึ้นอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3408/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 กรณีจำเลยไม่มาศาลและศาลไม่สั่งขาดนัด
การที่จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ ทั้งที่จำเลยทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งแสดงว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 ดังนั้นการที่ศาลมีคำสั่งให้นัดสืบพยานโจทก์และนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งต่อไป และมีคำพิพากษาคดีนี้มา จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยการพิจารณา และปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยจะมิได้โต้แย้งการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลในเรื่องนี้ไว้ จำเลยก็มีสิทธิยกปัญหานี้ขึ้นอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ได้