คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลพิพากษา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 254 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2161/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องจำเลยร่วมกระทบสิทธิของจำเลยอีกคน ทำให้ศาลไม่สามารถพิพากษาเพิกถนนิติกรรมได้
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนนิติกรรมการเช่าตึกแถวระหว่างจำเลยที่1ผู้ให้เช่ากับจำเลยที่2ผู้เช่าและขับไล่จำเลยที่2ออกจากตึกแถวแต่เมื่อโจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่1ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตและให้จำหน่ายคดีจำเลยที่1ออกจากสารบบความแล้วผลย่อมเป็นไปตามมาตรา176แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่ให้คู่ความกลับเข้าสู่ฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิได้มีการฟ้องเลยกรณีหากมีการเพิกถอนนิติกรรมการเช่าย่อมเป็นการกระทบต่อสิทธิของจำเลยที่1อันมีอยู่ตามสัญญาเช่าและเป็นบุคคลนอกคดีศาลจึงไม่อาจพิพากษาให้ตามคำขอของโจทก์ที่ให้เพิกถอนนิติกรรมการเช่าระหว่างจำเลยที่1กับจำเลยที่2ได้ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2060/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องอาญาต้องพิจารณาจากข้อหาที่ศาลพิพากษา ไม่ใช่ข้อหาที่โจทก์ฟ้อง เพื่อความเป็นธรรมแก่จำเลย
อัตราโทษในการพิจารณากำหนดอายุความฟ้องผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา95ต้องถือตามข้อหาหรือฐานความผิดที่ศาลพิจารณาได้ความไม่ใช่พิจารณาจากข้อหาหรือฐานความผิดที่โจทก์ฟ้องมิฉะนั้นอาจเป็นการขยายอายุความฟ้องคดีซึ่งเป็นโทษต่อจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1840/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการรับอำนาจผู้จัดการมรดก ศาลพิพากษาถูกต้องตามกระบวนการ
แม้ทนายจำเลยทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีไว้ก่อนสืบพยานก็ตาม แต่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีโดยสั่งในวันที่ทนายจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องนั้นเอง ซึ่งในตอนท้ายคำร้องมีข้อความระบุว่า ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ดังนี้ จึงถือว่าทนายจำเลยทั้งสองทราบคำสั่งศาลโดยชอบแล้ว การที่ทนายจำเลยทั้งสองไม่ทราบคำสั่งศาลดังกล่าวจึงเป็นความบกพร่องของทนายจำเลยทั้งสองเอง
การที่จำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณาไม่มาศาลย่อมทำให้เสียประโยชน์ คือ ไม่มีสิทธิถามค้านพยานโจทก์ที่สืบไปแล้วในวันที่จำเลยทั้งสองไม่มาศาล และหากว่าโจทก์สืบพยานหมดในวันนั้น จำเลยทั้งสองก็ไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบได้ในวันหลังอีก เพราะหมดเวลาที่จำเลยทั้งสองจะนำพยานเข้าสืบแล้ว ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณาแล้วทำการสืบพยานโจทก์ไปในวันนั้นจนเสร็จสิ้นและมีคำพิพากษาไปในวันเดียวกันจึงชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ส่งมอบโฉนดที่ดินมรดกแก่โจทก์ในฐานะที่โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย เพื่อโจทก์จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของผู้จัดการมรดก จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่า โจทก์ไม่ใช่ทายาท แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่า โจทก์มิใช่ผู้จัดการมรดกของผู้ตาย จึงเท่ากับรับว่าโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายจริง ดังนั้น โจทก์จึงมีอำนาจเรียกให้จำเลยทั้งสองส่งมอบโฉนดที่ดินเพื่อจะจัดการแบ่งปันมรดกแก่ทายาทตามหน้าที่ของโจทก์ต่อไป เพราะในชั้นนี้มิได้พิพาทกันว่าทรัพย์มรดกสิ่งใดเป็นของทายาทคนใดหรือผู้ใดเป็นทายาทของเจ้ามรดกหรือไม่ศาลจึงชอบที่จะพิพากษาให้จำเลยทั้งสองส่งมอบโฉนดที่ดินตามฟ้องแก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1840/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการส่งมอบโฉนดที่ดินมรดก ศาลพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
แม้ทนายจำเลยทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีไว้ก่อนสืบพยานก็ตามแต่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีโดยสั่งในวันที่ทนายจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องนั้นเองซึ่งในตอนท้ายคำร้องมีข้อความระบุว่าข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้วดังนี้จึงถือว่าทนายจำเลยทั้งสองทราบคำสั่งศาลโดยชอบแล้วการที่ทนายจำเลยทั้งสองไม่ทราบคำสั่งศาลดังกล่าวจึงเป็นความบกพร่องของทนายจำเลยทั้งสองเอง การที่จำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณาไม่มาศาลย่อมทำให้เสียประโยชน์คือไม่มีสิทธิถามค้านพยานโจทก์ที่สืบไปแล้วในวันที่จำเลยทั้งสองไม่มาศาลและหากว่าโจทก์สืบพยานหมดในวันนั้นจำเลยทั้งสองก็ไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบได้ในวันหลังอีกเพราะหมดเวลาที่จำเลยทั้งสองจะนำพยานเข้าสืบแล้วดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณาแล้วทำการสืบพยานโจทก์ไปในวันนั้นจนเสร็จสิ้นและมีคำพิพากษาไปในวันเดียวกันจึงชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ส่งมอบโฉนดที่ดินมรดกแก่โจทก์ในฐานะที่โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเพื่อโจทก์จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของผู้จัดการมรดกจำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่ใช่ทายาทแต่ไม่ได้ปฏิเสธว่าโจทก์มิใช่ผู้จัดการมรดกของผู้ตายจึงเท่ากับรับว่าโจทก์เป็นผู้จัดการเพื่อจะจัดการแบ่งปันมรดกแก่ทายาทตามหน้าที่ของโจทก์ต่อไปเพราะในชั้นนี้มิได้พิพาทกันว่าทรัพย์มรดกสิ่งใดเป็นของทายาทคนใดหรือผู้ใดเป็นทายาทของเจ้ามรดกหรือไม่ศาลจึงชอบที่จะพิพากษาให้จำเลยทั้งสองส่งมอบโฉนดที่ดินตามฟ้องแก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6394/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การแบ่งกรรมสิทธิ์รวมตามส่วนที่ศาลเคยพิพากษาตามยอมแล้ว
ประเด็นแห่งคดีเดิมคือ โจทก์ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมตามส่วนที่โจทก์และจำเลยแต่ละคนจะได้รับซึ่งระบุไว้ในฟ้องและแผนที่การครอบครองที่ดินท้ายฟ้อง ประเด็นแห่งคดีนี้คือ โจทก์ฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมตามส่วนในบันทึกและแผนที่การรังวัดที่ได้ตกลงกันขึ้นใหม่ท้ายฟ้อง ซึ่งบันทึกและแผนที่การรังวัดที่ได้ตกลงกันขั้นใหม่คือส่วนที่โจทก์และจำเลยแต่ละคนจะได้รับตามที่ระบุไว้ในฟ้องและแผนที่การครอบครองที่ดินท้ายฟ้องคดีก่อนที่ศาลพิพากษาตามยอมไปแล้ว เมื่อคำพิพากษาตามยอมในคดีก่อนระบุไว้ชัดเจนว่าให้แบ่งตามส่วนที่แต่ละคนจะได้รับตามที่ระบุไว้ในฟ้องและแผนที่การครอบครองที่ดินท้ายฟ้อง คดีนี้จะเบี่ยงเบนว่าให้แบ่งตามบันทึกข้อตกลงและแผนที่การรังวัดท้ายฟ้องที่ทำขึ้นใหม่โดยที่ฝ่ายจำเลยคดีนี้ไม่ยอมด้วยหาได้ไม่ คดีนี้จึงมีประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกับในคดีก่อน เป็นฟ้องซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6314/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในการแก้ไขคำให้การก่อนศาลพิพากษา และการปรับบทลงโทษอาวุธปืนไม่มีทะเบียน
ในคดีอาญา จำเลยย่อมยื่นคำร้องขอแก้หรือเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยก่อนศาลพิพากษา ศาลมีอำนาจจะอนุญาตหรือไม่ก็ได้สุดแต่ศาลจะเห็นสมควร ในตอนแรกจำเลยให้การปฏิเสธหลังจากศาลชั้นต้นได้สืบพยานโจทก์ไปแล้ว 2 ปาก จำเลยก็ขอเพิกถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการ โจทก์จึงแถลงไม่ติดใจสืบพยานที่เหลืออีกต่อไปและศาลชั้นต้นสั่งว่าคดีเสร็จการพิจารณา ให้รอฟังคำพิพากษาในวันเดียวกัน แต่ต่อมาจำเลยกลับขอให้การใหม่อีก เป็นรับสารภาพเพียงข้อหาเดียวเท่านั้น ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมคำให้การดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์บรรยายฟ้องในข้อหามีอาวุธปืนว่า จำเลยได้มีอาวุธปืนสั้นขนาด .38 ไม่ปรากฏว่ามีเครื่องหมายทะเบียนประจำอาวุธปืนของเจ้าพนักงานประทับไว้หรือไม่จำนวน 1 กระบอก ไว้ในครอบครองของจำเลยโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาโดยฟังคำรับสารภาพของจำเลย ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามคำฟ้องของโจทก์ซึ่งไม่เป็นการแน่นอนว่า อาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองนั้นเป็นอาวุธปืนมีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้หรือไม่ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงในส่วนนี้ให้เป็นคุณแก่จำเลยว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองและพาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5598/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดกที่ดิน: ศาลพิพากษาให้แบ่งตามส่วนได้ แม้ข้อหาในคำฟ้องไม่ตรงกับวิธีแบ่ง แต่ต้องระบุส่วนแบ่งของทายาทแต่ละคนให้ชัดเจน
การฟ้องเรียกร้องให้แบ่งทรัพย์มรดก และเงินรายได้จากทรัพย์มรดกนั้นไม่มีกฎหมายบัญญัติให้โจทก์ต้องบอกกล่าวจำเลยก่อนฟ้อง โจทก์ทั้งสี่มีอำนาจฟ้องขอแบ่งที่ดินมรดกและรายได้จากที่ดินมรดกได้โดยไม่จำต้องบอกกล่าวขอแบ่งมรดกก่อน โจทก์ทั้งสี่ฟ้องบังคับให้ขายทอดตลาดที่ดินมรดกราคาประมาณ8,000,000 บาท แล้วนำเงินมาแบ่งให้โจทก์ทั้งสี่ 1 ใน 8 ส่วนเป็นเงินประมาณ 1,000,000 บาท การที่ศาลพิพากษาให้แบ่งที่ดินมรดกให้โจทก์ทั้งสี่มีสิทธิได้รับ 1 ใน 8 ส่วน หากไม่สามารถทำได้ให้ขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งนั้นเป็นการพิพากษาให้มีการแบ่งที่ดินมรดกซึ่งโจทก์ทั้งสี่มีสิทธิได้รับให้แก่โจทก์ทั้งสี่ตามส่วน ตามวิธีการแบ่งทรัพย์สินระหว่างเจ้าของรวมที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 คำพิพากษาของศาลจึงหาได้ขัดต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142แต่อย่างใดไม่ โจทก์ทั้งสี่บรรยายฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 มีสิทธิได้รับส่วนแบ่ง5 ใน 64 ส่วน โจทก์ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งคนละ 1 ใน 64 ส่วน การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้แบ่งที่ดินให้โจทก์ทั้งสี่มีสิทธิได้รับ 1 ใน 8 ส่วน โดยมิได้ระบุส่วนแบ่งของโจทก์แต่ละคนนั้นเป็นการไม่ถูกต้องศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาแก้ให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2487/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งที่ดินกรรมสิทธิ์รวม ศาลพิพากษาตามสัดส่วนการครอบครอง ไม่เกินคำฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินกรรมสิทธิ์รวมในส่วนของโจทก์ซึ่งโจทก์มีกรรมสิทธิ์อยู่ 6 ใน 12 ส่วน จำเลยทั้งหกให้การต่อสู้คดีโดยมิได้ฟ้องแย้งเข้ามาเพื่อขอแบ่งส่วนของตน เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์และจำเลยทั้งหกเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทและต่างได้ครอบครองเป็นสัดส่วน ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งที่ดินพิพาทตามสัดส่วนที่แต่ละฝ่ายครอบครองได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2359/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญานายหน้าและการบังคับชำระหนี้: ศาลพิพากษาได้ตามขั้นตอนของสิทธิเรียกร้อง แม้ลำดับไม่ตรงตามคำขอ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีที่ดินเนื้อที่ประมาณ 26 ไร่ต้องการขายที่ดินดังกล่าวจำนวน 14 ไร่เศษ ซึ่งจำเลยมีโครงการจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินจัดสรรขายแก่บุคคลทั่วไปเพื่อนำเงินไปชำระหนี้แก่ธนาคาร เพราะจำเลยได้จำนองที่ดินจำนวน 26 ไร่ ไว้แก่ธนาคารและธนาคารบอกกล่าวบังคับจำนอง จำเลยจึงติดต่อโจทก์กับผู้มีชื่อให้เป็นนายหน้าขายที่ดินของจำเลยโดยสัญญาว่าจะยกที่ดินให้คนละ 1 ไร่ เป็นค่าตอบแทนในการเป็นนายหน้า ต่อมากลางปี 2530โจทก์สามารถติดต่อขายที่ดินให้จำเลยได้สำเร็จ แต่จำเลยไม่ยอมจดทะเบียนโอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญา จึงมีคำขอบังคับให้จำเลยชำระเงินค่าที่ดิน 120,000 บาท หากไม่ปฏิบัติตามให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ ดังนี้ ฟ้องโจทก์ได้บรรยายชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองแล้วจำเลยสามารถต่อสู้คดีได้อย่างถูกต้อง ส่วนโจทก์จะติดต่อให้ผู้ใดมาซื้อที่ดินกับจำเลยในราคาเท่าใด เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม สัญญานายหน้าทำขึ้น 2 ฉบับ เมื่อเอกสารดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของจำเลย 1 ฉบับ กรณีย่อมเข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(2) โจทก์จึงไม่ต้องส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน แม้คำพิพากษาของศาลล่างจะมิได้บังคับให้จำเลยชำระเงิน120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ก่อน หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามก็ให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ตามที่โจทก์ขอบังคับจำเลยมาก็ตาม แต่เมื่อลำดับการขอบังคับตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์มิได้เป็นไปตามขั้นตอนของการบังคับชำระหนี้ ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาให้บังคับไปตามขั้นตอนของสิทธิที่จะบังคับชำระหนี้ที่ถูกต้องได้โดยพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ก่อน หากโอนไม่ได้จึงจะให้ชำระเงิน 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยคำพิพากษาของศาลล่าง มิได้เกินคำขอแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2017/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมละเมิด: ศาลต้องรับฟังพยานหลักฐานจำเลยทั้งหมดก่อนพิพากษา หากจำเลยขาดนัดโดยไม่เป็นความผิด
โจทก์ฟ้อง ขอให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์หนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ร่วมที่มิอาจแบ่งแยกได้ แม้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 จะชอบด้วยกฎหมาย แต่การที่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยคนหนึ่งคนใดรับผิดชดใช้เงินให้แก่โจทก์เพียงใด จำเป็นที่ศาลจะต้องรับฟังพยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยทุกคนนำสืบให้ปรากฏในสำนวนร่วมกัน เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยที่ 5 ขาดนัดยื่นคำให้การโดยมิใช่ความผิดของจำเลยที่ 5พยานหลักฐานที่จำเลยที่ 5 จะนำสืบก็ยังไม่ปรากฏในสำนวน ไม่ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะพิจารณาพิพากษาอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 4ไปโดยไม่รอฟังพยานหลักฐานของจำเลยที่ 5 ก่อน ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบเฉพาะเกี่ยวกับจำเลยคนเดียวเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีก็ชอบที่จะให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่เฉพาะเกี่ยวกับจำเลยดังกล่าวเพียงคนเดียว
of 26