คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลวินิจฉัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 228 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4694/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยป่วย: ศาลต้องไต่สวนเพื่อพิสูจน์อาการป่วยก่อนวินิจฉัย
ในวันนัดสืบพยานนัดแรกซึ่งเป็นการนัดสืบพยานจำเลยทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุว่าไม่สามารถมาศาลได้เนื่องจากป่วยเป็นไข้หวัดมีอาการปวดศีรษะไอเจ็บคออ่อนเพลียโจทก์รับสำเนาคำร้องแล้วแถลงคัดค้านว่าทนายจำเลยไม่ป่วยจริงดังนั้นศาลชอบที่จะดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา41วรรคหนึ่งคือตั้งเจ้าพนักงานไปทำการตรวจทนายจำเลยหรือให้แพทย์ไปตรวจด้วยแล้วพิจารณาจากรายงานของผู้ที่ศาลตั้งให้ไปตรวจดังกล่าวหากเชื่อว่าทนายจำเลยป่วยจริงก็อนุญาตให้เลื่อนคดีไปตามขอแต่หากอาการป่วยไม่ร้ายแรงถึงกับจะมาศาลไม่ได้ก็ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการขาดนัดหรือการไม่มาศาลของทนายจำเลยการที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไปในทันทีว่าไม่น่าเชื่อว่าทนายจำเลยจะป่วยถึงขนาดมาศาลไม่ได้จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบโดยไม่ได้ดำเนินการไต่สวนหรือตั้งผู้ใดไปตรวจสอบจึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3745/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นข้อพิพาทสัญญาซื้อขายและเช็ค: ศาลวินิจฉัยตามประเด็นที่ถูกต้องได้ แม้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยซื้อสินค้าปุ๋ยเคมีจากโจทก์และสั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระค่าสินค้า แต่เช็คดังกล่าวถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินขอให้จำเลยชำระค่าสินค้าพร้อมดอกเบี้ย กรณีจึงเป็นการฟ้องให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ในมูลหนี้ตามสัญญาซื้อขาย แม้จำเลยจะให้การต่อสู้ว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้เพราะไม่มีการส่งมอบสินค้าตามสัญญาซื้อขายและเช็คขาดอายุความแล้วก็ตามคดีก็ไม่มีประเด็นพิพาทเรื่องมูลหนี้ตามเช็ค การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า เช็คพิพาทมีมูลหนี้หรือไม่ และฟ้องโจทก์ขาดอายุความ (ตามเช็ค) หรือไม่จึงไม่ถูกต้อง ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยไปตามประเด็นที่ถูกต้องได้ ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จำเลยรับผิดชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายจึงเป็นไปตามประเด็นที่ถูกต้องไม่ถือเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นข้อพิพาท
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยออกเช็คตามฟ้องทั้งสองฉบับให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ ไม่ใช่เพียงให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน และจำเลยไม่ได้อุทธรณ์โต้แย้งข้อที่ศาลชั้นต้นฟังมาดังกล่าว จึงฟังเป็นยุติว่าจำเลยออกเช็คตามฟ้องทั้งสองฉบับให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ ฎีกาของจำเลยที่ว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคำให้การจำเลยไม่ชัดแจ้งเคลือบคลุมเป็นการไม่ชอบ เพราะตามคำให้การจำเลยชัดแจ้งว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คตามฟ้องทั้งสองฉบับเป็นประกันในการที่จำเลยสั่งซื้อปุ๋ยเคมีจากโจทก์นั้น แม้จะฟังดังที่จำเลยฎีกามาก็ไม่เป็นประโยชน์แก่รูปคดีของจำเลย ย่อมไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
เมื่อศาลฟังว่าจำเลยต้องรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ตามสัญญาซื้อขายปุ๋ยเคมี ปัญหาเรื่องอายุความก็ต้องปรับด้วย ป.พ.พ.มาตรา 193/34จะปรับอายุความเรื่องเช็คตาม ป.พ.พ. มาตรา 1002 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3187/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานเพียงพอ ศาลไม่จำเป็นต้องพิจารณาเอกสารที่มิได้อ้าง/ชำระค่าธรรมเนียม
ลำพังพยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบก็เพียงพอที่ศาลจะวินิจฉัยคดีได้แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องหยิบยกพยานเอกสารที่โจทก์โต้แย้งว่าจำเลยมิได้อ้างส่งให้ถูกต้องไม่ว่าจะเป็นการอ้างโดยตรงหรืออ้างประกอบการสืบพยานบุคคลปากใด และจำเลยมิได้ชำระค่าอ้างเอกสารดังกล่าว ทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้หมายเอกสารไว้เป็นพยานจำเลยขึ้นประกอบการวินิจฉัย ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นสาระที่จะต้องวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3187/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเพียงพอของพยานหลักฐาน: ศาลวินิจฉัยโดยไม่ต้องพิจารณาเอกสารเพิ่มเติมที่ไม่ได้รับการอ้างอย่างถูกต้อง
ลำพังพยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบก็เพียงพอที่ศาลจะวินิจฉัยคดีได้แล้วโดยไม่จำเป็นต้องหยิบยกพยานเอกสารที่โจทก์โต้แย้งว่าจำเลยมิได้อ้างส่งให้ถูกต้องไม่ว่าจะเป็นการอ้างโดยตรงหรืออ้างประกอบการสืบพยานบุคคลปากใดและจำเลยมิได้ชำระค่าอ้างเอกสารดังกล่าวทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้หมายเอกสารไว้เป็นพยานจำเลยขึ้นประกอบการวินิจฉัยฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นสาระที่จะต้องวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3053/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีต่างกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ แม้เกี่ยวข้องที่ดิน
ประเด็นแห่งคดีก่อน ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเฉพาะที่ดินพิพาทของโจทก์ว่าอยู่ในที่ดินของจำเลยร่วม ส่วนประเด็นแห่งคดีหลังเป็นเรื่องที่ดินคนละแปลงกับคดีแรก และยังมีเรื่องละเมิดกับค่าเสียหาย จึงเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นกัน ไม่ใช่เรื่องในประเด็นที่ศาลวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันคดีหลังจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2578/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ศาลวินิจฉัยสิทธิครอบครองที่ดินแล้ว คดีใหม่จึงเป็นฟ้องซ้ำ
แม้คดีก่อนเป็นคดีที่จำเลยฟ้องขอให้โจทก์ถอนคำคัดค้านการรังวัดที่ดินพิพาทแต่การวินิจฉัยคดีก่อนนั้นศาลต้องวินิจฉัยด้วยว่าโจทก์หรือจำเลยมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเมื่อศาลได้วินิจฉัยโดยปริยายแล้วว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองการที่โจทก์มาฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทโดยอ้างว่าเป็นของโจทก์และจำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยจึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อนเมื่อเป็นคู่ความรายเดียวกันและคดีก่อนถึงที่สุดแล้วฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1697/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมสมรส: ศาลวินิจฉัยได้แม้โจทก์มิได้อุทธรณ์ประเด็นการจัดการบ้านเรือน
ผู้ร้องอ้างว่าหนี้เงินกู้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์มิใช่หนี้ร่วมผู้ร้องมิได้เกี่ยวข้องหรือรู้เห็นยินยอมด้วยโจทก์คัดค้านว่าจำเลยได้นำเงินกู้ไปใช้ในการอุปการะเลี้ยงดูในครอบครัวและนำเงินบางส่วนไปชำระหนี้ค่าปลูกสร้างและตกแต่งบ้านที่โจทก์นำยึดคดีมีประเด็นพิพาทว่าหนี้เงินกู้นั้นเป็นหนี้ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1490หรือไม่การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าหนี้ดังกล่าวจำเลยก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ของตนฝ่ายเดียวแต่ผู้ร้องได้ให้สัตยาบันจึงเป็นหนี้ร่วมตามมาตรา1490(4)แม้โจทก์จะมิได้อุทธรณ์หรือแก้อุทธรณ์ตั้งประเด็นว่าเป็นหนี้ร่วมเพราะเกี่ยวแก่การจัดการบ้านเรือนและจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับครอบครัวตามมาตรา1490(1)ศาลอุทธรณ์ภาค3ก็มีอำนาจวินิจฉัยว่าเป็นหนี้ร่วมตามมาตรา1490(1)นี้ได้ไม่เป็นการนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินกระบวนพิจารณาของลูกหนี้ที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเป็นโมฆะ ศาลมีอำนาจวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายได้
นับตั้งแต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์โดยเด็ดขาดจำเลยที่1เป็นต้นไป เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจเข้าว่าคดีแทนจำเลยที่1ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา22(3)จำเลยที่1ไม่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาหรือว่าคดีได้อีกการที่จำเลยที่1เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณายื่นคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทที่ เจ้าพนักงานบังคับคดี ขายทอดตลาดและดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้นที่สืบเนื่องต่อมาจนถึงการยื่นอุทธรณ์ภายหลังที่จำเลยที่1ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7082/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ น.ส.3 ก. ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลมีอำนาจวินิจฉัยแม้ไม่ใช่ประเด็นข้อพิพาท และมีผลให้เพิกถอนได้
ปัญหาว่า น.ส.3 ก. ออกโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่ได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทหรือไม่มีคำขอของคู่ความให้วินิจฉัย ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
จำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทจาก ท. และครอบครองมาโดยตลอดส่วนโจทก์มีชื่อเป็นผู้ทรงสิทธิครอบครองตาม น.ส. 3 ก.ในที่ดินพิพาทเพราะโจทก์รับสมอ้างไปดำเนินการแทนจำเลยเท่านั้น แสดงว่ามีการออก น.ส.3 ก.ในนามโจทก์ ทั้งที่โจทก์มิได้เป็นผู้ซื้อและครอบครองที่ดินพิพาท เป็นการออกโดยฝ่าฝืนต่อ ป.ที่ดิน จึงไม่มีผลเป็น น.ส.3 ก. โจทก์และจำเลยต่างไม่มีสิทธิจะใช้ประโยชน์จากน.ส.3 ก. ดังกล่าวได้ เมื่อ น.ส.3 ก. นั้นออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นสมควรให้เพิกถอน น.ส.3 ก. ฉบับนั้นเสียด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5721/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อเท็จจริงนอกฟ้อง: ศาลวินิจฉัยว่าการนำสืบข้อเท็จจริงที่แตกต่างจากฟ้องไม่เป็นเหตุให้ยกฟ้อง หากยังคงสาระสำคัญของข้อหาเดิม
แม้ว่าตามคำฟ้องโจทก์จะบรรยายว่าจำเลยขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อชนรถจักรยานยนต์คันที่ผู้ตายขับซึ่งกำลังจะเลี้ยวขวาเข้าทางแยกแต่ทางนำสืบของโจทก์ได้ความว่า รถจักรยานยนต์คันที่ผู้ตายขับเกิดเสียหลักล้มคว่ำไถลเข้ามาในช่องเดินรถของจำเลยจึงเฉี่ยวชนกันซึ่งแตกต่างกันก็ตาม แต่ก็หาใช่ข้อสาระสำคัญไม่เพราะโจทก์บรรยายฟ้องด้วยว่าเหตุที่เกิดเฉี่ยวชนกันเพราะจำเลยขับรถด้วยความเร็วสูงทำให้จำเลยไม่สามารถห้ามล้อหยุดรถได้ทันและไม่สามารถควบคุมรถเพื่อไม่ให้เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ของผู้ตายได้ อันเป็นคำฟ้องในส่วนสาระสำคัญ ซึ่งทางพิจารณาโจทก์ก็นำสืบได้ความตามคำฟ้องส่วนนี้ ดังนั้น ข้อเท็จจริงที่ได้ความจากทางนำสืบของโจทก์ จึงหาใช่เป็นข้อเท็จจริงนอกฟ้องอันศาลจะต้องยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง ไม่
of 23