คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สัญญาเดิม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 56 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2482

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าสิทธิลำคลองเหมารวม: สัญญาเดิมผูกพันราชการ แม้มีการเรียกเก็บเพิ่ม
เงินค่าสิทธิลำคลองในการทำเหมืองแร่นั้นเป็นเงินเหมา แล้วแต่จะตกลงกันกรมราชโลหกิจ ไม่ใช่เงินที่กำหนดอัตราไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2477

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายฝากยังคงมีผลผูกพัน แม้ไม่ได้เปลี่ยนชื่อในโฉนด ผู้รับมรดกต้องรับผิดชอบตามสัญญา
ขายฝาก จำนอง วิธีพิจารณาความแพ่ง ทำกรมธรรม์สัญญาขายฝากกันถูกต้อง ภายหลังเจ้าพนักงานออกโฉนดสำหรับที่ให้ผู้ขายฝาก ผู้รับซื้อฝากยึดโฉนดไว้แต่ไม่ได้ทำสัญญาขายฝากกันใหม่ ส่วนที่ดินผู้ขายฝากเช่าทำตลอดมา แต่สัญญาเช่าไม่ได้ทำเป็นหนังสือ วินิจฉัยว่าคงเป็นสัญญาขายฝากไม่ใช่จำนอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2475

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าเดิมก่อนประมวลแพ่ง และการเช่าต่อโดยไม่มีสัญญาใหม่ ย่อมบังคับใช้ตามประมวลแพ่ง
สัญญาเช่าทำก่อนประมวลแพ่งก็มีผลอย่างเดียวกับในสมัยใช้ประมวลแล้ว การที่ผู้เช่ายังคงครองทรัพย์สินที่เช่าต่อไปเมื่อสิ้นระยะเวลาเช่าเดิมนั้นถือว่าคู่สัญญาได้ทำสัญญาเช่ากันใหม่โดยไม่มีกำหนดเวลา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5563/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิหนี้และการคิดดอกเบี้ยตามสัญญาเดิมหลังการปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้ พ.ร.ก.การปฏิรูประบบสถาบันการเงิน
พ.ร.ก.การปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2541 มาตรา 30 ตรี บัญญัติว่า "ในกรณีที่มีการโอนทรัพย์สินที่ได้ขายตามวิธีการที่กำหนดไว้ในมาตรา 30 ทวิ แล้ว... (3) ผู้ซื้อทรัพย์สินมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยตามวิธีการและตามอัตราในสัญญาเดิม" เมื่อจำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้ยืมเงินกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ค. ตกลงอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 14 ต่อปี ส่วนดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดอัตราร้อยละ 21 ต่อปี และโจทก์ได้รับโอนสิทธิทั้งหมดตามสัญญากู้ยืมเงินและสัญญาจำนอง ต่อมาวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2544 โจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงยอมปรับโครงสร้างหนี้ รวมทั้งจำเลยที่ 1 ยอมรับดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราสูงสุดตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ในสัญญากู้ยืมเงิน ตามสัญญากู้เงินและบันทึกต่อท้ายสัญญากู้ยืมเงิน ประกอบกับตามบทบัญญัติดังกล่าวรับรองให้โจทก์มีสิทธิที่จะคิดดอกเบี้ยได้ในอัตราเดิมที่ระบุไว้ในสัญญากู้ยืมเงิน โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 21 ต่อปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7339/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาซื้อขาย และการคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยเมื่อสัญญาเดิมไม่สามารถบังคับได้
โจทก์ทั้งสองทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมอาคารในโครงการเมืองทองสุขสวัสดิ์กับจำเลย และได้ผ่อนชำระเงินดาวน์ให้แก่จำเลยแล้ว 24 งวด แต่จำเลยยังมิได้ก่อสร้างอาคารตามสัญญา อันเป็นการผิดสัญญาต่อโจทก์ทั้งสองซึ่งโจทก์ทั้งสองอาจใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาได้ เมื่อโจทก์ทั้งสองขอรับเงินที่ชำระไปแล้วคืนจากจำเลย แต่จำเลยอ้างว่าไม่อาจคืนเงินได้และเสนอขอชำระหนี้เป็นที่ดินเปล่าในโครงการเมืองทองธานี ต่อมาโจทก์ทั้งสองกับจำเลยตกลงทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินเปล่าในโครงการเมืองทองธานี โดยให้นำเงินที่โจทก์ทั้งสองได้ชำระไว้แล้วตามสัญญาจะซื้อจะขายฉบับเดิมรวมทั้งเงินรางวัลส่วนลดถือเป็นเงินค่าจองมัดจำตามสัญญาจะซื้อจะขายฉบับใหม่ การทำสัญญาจะซื้อจะขายฉบับใหม่จึงเป็นการตกลงเปลี่ยนวัตถุแห่งหนี้ที่จำเลยพึงกระทำเพื่อปฏิบัติการชำระหนี้ให้แก่โจทก์ทั้งสองได้ในขณะนั้น หากจำเลยสามารถโอนที่ดินตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินเปล่าให้แก่โจทก์ทั้งสองได้ ก็ไม่มีเหตุผลใดที่โจทก์ทั้งสองจะไม่ไปรับโอนที่ดินดังกล่าว ประกอบกับคดีนี้โจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยบังคับตามสัญญาจะซื้อจะขายฉบับเดิมโดยมิได้กล่าวถึงสัญญาจะซื้อจะขายฉบับใหม่ และมิได้นำสัญญาจะซื้อจะขายฉบับใหม่มาอ้างอิงต่อศาล เพราะโจทก์ทั้งสองได้คืนต้นฉบับสัญญาจะซื้อจะขายฉบับใหม่ให้แก่จำเลยไปแล้วเนื่องจากจำเลยขอคืนโดยจำเลยแจ้งว่าไม่สามารถโอนที่ดินตามสัญญาจะซื้อจะขายฉบับใหม่ให้แก่โจทก์ทั้งสองได้เพราะติดจำนองกับธนาคารตามที่โจทก์ทั้งสองกล่าวอ้างจริง พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าคู่สัญญาไม่ประสงค์จะบังคับตามสัญญาจะซื้อจะขายฉบับใหม่ต่อกันด้วยต่างล่วงรู้ในข้อเท็จจริงว่าทรัพย์ที่เป็นวัตถุแห่งหนี้ตามสัญญาจะซื้อจะขายฉบับใหม่ไม่สามารถโอนทางทะเบียนให้แก่โจทก์ทั้งสองได้ ประกอบกับข้อตกลงตามสัญญาจะซื้อจะขายฉบับใหม่ ไม่มีข้อความใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่ามูลหนี้ตามสัญญาจะซื้อจะขายฉบับเดิมให้เป็นอันระงับสิ้นไป การทำสัญญาจะซื้อจะขายฉบับใหม่เช่นนี้จึงมิใช่การแปลงหนี้ใหม่อันจะทำให้หนี้ตามสัญญาจะซื้อจะขายฉบับเดิมเป็นอันระงับสิ้นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 349 วรรคหนึ่ง เมื่อโจทก์ทั้งสองได้บอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายฉบับเดิมแล้วตามหนังสือบอกเลิกสัญญา คู่สัญญาจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตาม ป.พ.พ. มาตรา 391 จำเลยจึงต้องคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยและค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสอง สำหรับเงินรางวัลส่วนลดซึ่งจำเลยยินยอมให้ถือเอาส่วนลดนี้เป็นเงินค่างวดที่โจทก์ทั้งสองได้ชำระแล้วเป็นสิทธิอันพึงมีของโจทก์ทั้งสองสืบเนื่องมาจากการทำสัญญาจะซื้อจะขายฉบับเดิม แม้โจทก์ทั้งสองได้แสดงเจตนาถือเอาประโยชน์ตามสิทธินั้นแล้ว และต่อมามีการถือเอาเงินส่วนลดเป็นส่วนหนึ่งของเงินมัดจำตามสัญญาจะซื้อจะขายฉบับใหม่ แต่เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายฉบับใหม่ไม่อาจบังคับได้ โจทก์ทั้งสองย่อมได้สิทธิตามส่วนลดนี้ก็ต่อเมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์ตามสัญญาจะซื้อจะขายฉบับเดิม เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายฉบับเดิมถูกบอกเลิกแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม สิทธิในเงินรางวัลส่วนลดอันสืบเนื่องมาจากสัญญาจะซื้อจะขายฉบับเดิมจึงหมดไปและไม่อาจถือเป็นค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6479/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความระงับหนี้เดิม ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นความรับผิด
แม้จำเลยจะทำสัญญาค้ำประกันหนี้เงินกู้ของ จ. โดยยอมรับผิดร่วมกับ จ. อย่างลูกหนี้ร่วมก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับ จ. และศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม ความรับผิดของ จ. ตามสัญญากู้ยืมเงินย่อมระงับสิ้นไปและทำให้ จ. ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความตาม ป.พ.พ. มาตรา 850 และมาตรา 852 เมื่อความรับผิดของ จ. ต่อโจทก์เปลี่ยนเป็นความรับผิดตามสัญญาประนีประนอมยอมความ หนี้ของ จ. ตามสัญญากู้เงินจึงระงับสิ้นไป จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันการชำระหนี้ตามสัญญากู้เงินของ จ. จึงหลุดพ้นความรับผิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 698
of 6