คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สิทธิทางศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 64 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินซ้ำซ้อน: ศาลมีอำนาจยึดทรัพย์ที่ดินแม้มีการอายัดไว้แล้ว การใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตไม่เป็นละเมิด
การที่เจ้าพนักงานที่ดินรับอายัดที่ดินไว้ก็ไม่มีกฎหมายห้ามศาลมิให้ยึดหรืออายัดที่ดินนั้นซ้ำอีก
การที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาขอให้ศาลยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ จึงไม่เป็นการทำละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโกงเจ้าหนี้ (มาตรา 350) ต้องมีการใช้สิทธิทางศาลเรียกร้องหนี้สินก่อน หากยังไม่ได้ดำเนินการ ถือว่ายังไม่ผิดฐานโกงเจ้าหนี้
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350 นั้น เจ้าหนี้จะต้องใช้สิทธิทางศาลให้ชำระหนี้แล้วอย่างหนึ่ง หรือว่าจะใช้สิทธิทางศาลให้ลูกหนี้ชำระหนี้อีกอย่างหนึ่งเป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย ฉะนั้น เมื่อเจ้าหนี้ยังไม่ได้ฟ้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่ง หรือการที่เจ้าหนี้ฟ้องลูกหนี้เป็นคดีอาญา ก็เพียงเพื่อให้ลูกหนี้หาประกันมาให้เจ้าหนี้เป็นที่พอใจแล้วจะไม่เอาเรื่องแก่ลูกหนี้ อันเป็นการแสดงว่าเจ้าหนี้ยังจะไม่ใช้สิทธิทางศาลเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้แล้ว การที่ลูกหนี้โอนที่ดินให้ผู้อื่นไป จึงยังไม่ผิดฐานโกงเจ้าหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโกงเจ้าหนี้ (ม.350) ต้องมีการใช้สิทธิทางศาลเรียกหนี้แล้ว หรือกำลังดำเนินการ
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 นั้น เจ้าหนี้จะต้องใช้สิทธิทางศาลให้ชำระหนี้แล้วอย่างหนึ่ง หรือว่าจะใช้สิทธิทางศาลให้ลูกหนี้ชำระหนี้อีกอย่างหนึ่ง เป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย ฉะนั้น เมื่อเจ้าหนี้ยังไม่ได้ฟ้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่ง หรือการที่เจ้าหนี้ฟ้องลูกหนี้เป็นคดีอาญาก็เพียงเพื่อให้ลูกหนี้หาประกันมาให้เจ้าหนี้เป็นที่พอใจแล้วจะไม่เอาเรื่องแก่ลูกหนี้ อันเป็นการแสดงว่าเจ้าหนี้ยังจะไม่ใช้สิทธิทางศาลเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้แล้ว การที่ลูกหนี้โอนที่ดินให้ผู้อื่นไป จึงยังไม่ผิดฐานโกงเจ้าหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1165/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิตัดกิ่งไม้รุกล้ำที่ดินติดต่อ และการใช้สิทธิทางศาลเมื่อข้อเท็จจริงไม่ชัดเจน
โจทก์จำเลยมีที่ดินเขตติดต่อกันกิ่งยางพาราในที่ดินของจำเลยได้ยื่นล้ำและปกคลุมที่ดินของโจทก์ โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยตัดกิ่งไม้ที่ปกคลุมที่ดินของโจทก์ออกไปให้พ้น โดยกล่าวในฟ้องว่า โจทก์เตือนจำเลยให้ตัดกิ่งยาง จำเลยรับจะตัดแล้วไม่ยอมตัด แต่จำเลยให้การไม่รับรองข้อเท็จจริงข้อนี้ กลับต่อสู้ว่า โจทก์เคยจัดการตัดเอาเอง จำเลยก็ไม่ว่ากล่าวอย่างไรโจทก์ไม่เคยเกี่ยวข้องห้ามปรามจำเลย จำเลยไม่เคยสัญญาจะตัดกิ่งยางให้ ดังนี้ ข้อเท็จจริงเรื่องการบอกกล่าวยังไม่แจ้งชัด ฉะนั้นศาลจะชี้ขาดว่า โจทก์อาจตัดกิ่งยางเอาเองนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1347 หาได้ไม่
ตาม มาตรา 1347 มิได้ห้ามเจ้าของที่ดินติดต่อใช้สิทธิทางศาล(หากเป็นเพียงอนุญาตไว้เพราะในบางกรณีอาจฉุกเฉินรีบด่วน และเจ้าของที่ดินติดต่ออีกฝ่ายหนึ่งได้ละเลยเพิกเฉยต่อคำบอกกล่าว และถ้าจะไปใช้สิทธิทางศาลอาจไม่รวดเร็วทันกับความจำเป็น ก็ให้เจ้าของที่ดินที่ได้รับความเดือดร้อนนั้น จัดการเอาเองได้โดยกฎหมายไม่ถือเป็นละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตไม่เป็นละเมิด แม้จะแจ้งความและฟ้องร้องไปแล้ว
แจ้งให้ตำรวจจับโจทก์ ตำรวจไม่ฟ้อง จำเลยก็ฟ้องโจทก์เองศาลพิพากษายกฟ้อง ถ้าเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตไม่เป็นละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 594/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาโดยสุจริต ไม่เป็นการละเมิดต่อคู่ความ
การที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเป็นคดีอาญาต่อศาลนั้น ถ้าไม่ได้ความว่าโจทก์ฟ้องโดยไม่สุจริตหรือแกล้งฟ้องแล้วการกระทำของโจทก์หาใช่เป็นการกระทำละเมิดต่อจำเลยทางแพ่งไม่ จำเลยจะฟ้องขอให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายในการต่อสู้คดีหรือค่าเสียชื่อเสียงหรือค่าใช้จ่ายอย่างใด ๆ ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 594/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาโดยสุจริต ไม่เป็นละเมิดทางแพ่ง
การที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเป็นคดีอาญาต่อศาลนั้นถ้าไม่ได้ความว่าโจทก์ฟ้องโดยไม่สุจริตหรือแกล้งฟ้องแล้วการกระทำของโจทก์หาใช่เป็นการกระทำละเมิดต่อจำเลยทางแพ่งไม่จำเลยจะฟ้องขอให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายในการต่อสู้คดีหรือค่าเสียชื่อเสียงหรือค่าใช้จ่ายอย่างใดๆ ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงสัญชาติและการใช้สิทธิทางศาล: กรณีไม่มีข้อพิพาทเรื่องสิทธิ
ยื่นคำร้องว่าเป็นคนมีสัญชาติไทยตามกฎหมาย แต่สำคัญผิดไปขอใบสำคัญต่างด้าว จึงขอให้แสดงว่าเป็นคนไทย ดังนี้ไม่ใช่กรณีจะต้องใช้สิทธิทางศาลตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 เพราะสิทธิของผู้ร้องมิได้ถูกโต้แย้งอย่างใด ดังนั้นแม้ว่าผู้ว่าราชการจังหวัดจะยื่นคำร้องคัดค้านเข้ามาก็ไม่ทำให้กลายเป็นคดีมีข้อพิพาทตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188 ข้อ 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 954/2482

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริตและเจตนาทำให้ผู้อื่นเสียหาย เป็นเหตุให้ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น
การใช้สิทธิทางศาลจักต้องกระทำโดยสุจริต ไม่จงใจจะให้ผู้ใดได้รับความเสียหายโดยใช้ศาลเป็นเครื่อง+บัง
+ชนะคดีร้องต่อศาลให้ยึดทรัพย์ผู้แพ้คดีก่อนครบกำหนดในหมายบังคับโดยเจตนาแกล้งให้ผู้แพ้คดีได้รับความเสียหายนั้น ผู้แพ้คดีฟ้องเรียกค่าเสียหายได้
อ้างฎีกาที่ 376/2481

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5661/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนรับบุตรหลังเสียชีวิต: สิทธิทางศาลและการคุ้มครองประโยชน์เด็ก
การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายเป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่กฎหมายให้สิทธิแก่บิดาที่มิได้สมรสกับมารดากระทำได้ ไม่ว่าเด็กนั้นจะบรรลุนิติภาวะแล้วหรือไม่ก็ตาม แต่หากเด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านว่าผู้ขอจดทะเบียนไม่ใช่บิดา หรือไม่ให้ความยินยอม หรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรต้องมีคำพิพากษาของศาล ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1548 วรรคสาม และในกรณีที่เด็กยังเป็นผู้เยาว์ เด็กหรือมารดาเด็กอาจแจ้งต่อนายทะเบียนว่าบิดาไม่สมควรเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือร้องขอต่อศาลให้พิพากษาว่า ผู้ขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรไม่เป็นผู้สมควรใช้อำนาจปกครองทั้งหมดหรือบางส่วนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1549 วรรคสอง จากบทบัญญัติดังกล่าวแสดงว่ากฎหมายมีเจตนารมณ์ที่จะให้การคุ้มครองประโยชน์และความผาสุกของบุตรโดยให้มีสิทธิและหน้าที่ระหว่างบิดากับบุตรตั้งแต่วันที่เด็กเกิด กรณีเช่นนี้แม้กฎหมายจะมิได้กำหนดระยะเวลาในการขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรดังเช่นที่บัญญัติไว้ในกรณีของการฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรตาม ป.พ.พ. มาตรา 1556 วรรคสามและวรรคสี่ และแม้เด็กหรือบิดาของเด็กถึงแก่ความตายแล้ว ก็ให้สิทธิแก่ผู้สืบสันดานของเด็กหรือเด็กที่จะฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรได้ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการรับมรดกระหว่างกันอันมีบทกฎหมายบัญญัติไว้โดยชัดแจ้งในมาตรา 1556 วรรคสี่ และมาตรา 1558 สำหรับคดีนี้เป็นการร้องขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร ซึ่งไม่มีบทกฎหมายบัญญัติรับรองสิทธิโดยชัดแจ้งว่าให้ผู้อ้างว่าเป็นบิดาของเด็กนำคดีไปสู่ศาล ขอให้ศาลพิพากษาให้จดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรในกรณีที่เด็กถึงแก่ความตายแล้วได้ ซึ่งแตกต่างจากกรณีที่เด็กไม่มีมารดาหรือมารดาถึงแก่ความตาย โดยมีการตั้งผู้อื่นเป็นผู้ปกครองก่อนมีการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร บิดาซึ่งจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายแล้ว ย่อมมีสิทธิร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งถอนความเป็นผู้ปกครองบางส่วนหรือทั้งหมดก็ได้ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 1552 ย่อมเป็นข้อแสดงว่าความมีอยู่ซึ่งสภาพบุคคลของมารดาหรือไม่ มิใช่เป็นข้อสาระสำคัญ ฉะนั้น ความในมาตรา 1548 วรรคสาม ที่บัญญัติว่า "ในกรณีที่เด็กหรือมารดาเด็ก...ไม่ให้ความยินยอม หรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรต้องมีคำพิพากษาของศาล" คำว่า "ไม่อาจให้ความยินยอม" ย่อมหมายถึงกรณีที่เด็กไม่อยู่ในภาวะที่จะให้ความยินยอมได้ เช่น เด็กยังไร้เดียงสา หรือเป็นคนวิกลจริต เป็นต้น หาใช่เป็นกรณีที่เด็กสิ้นสภาพบุคคลแล้วไม่ เพราะการพิสูจน์ความเป็นบิดากับบุตรโดยอาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ย่อมกระทำได้ยาก ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายรับรองและคุ้มครองสิทธิแก่ผู้ร้องในอันที่จะนำเสนอคดีขึ้นสู่ศาลเพื่อขอให้ศาลพิพากษาให้จดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร ผู้ร้องย่อมไม่อาจใช้สิทธิทางศาล ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2559)
of 7