พบผลลัพธ์ทั้งหมด 207 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิเช่าและการบอกเลิกสัญญาเช่า: การบอกเลิกสัญญาเช่าที่ชอบด้วยกฎหมายหลังสิ้นสุดสัญญาเดิม
แม้สัญญาเช่าตึกแถวพิพาทระหว่างโจทก์กับ ส. จะได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่ก็ไม่มีกฎหมายบังคับให้การเปลี่ยนแปลงผู้เช่าจากผู้เช่าเดิมมาเป็นผู้เช่าใหม่ต้องให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จดทะเบียนการเช่าดังกล่าวรับทราบด้วย โจทก์จำเลยและ ส. ลงลายมือชื่อรับทราบการเปลี่ยนแปลงผู้เช่าตึกแถวพิพาทจาก ส. มาเป็นจำเลยถือว่าโจทก์และ ส.ได้บอกกล่าวการโอนและให้ความยินยอมการโอนสิทธิการเช่าเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา306วรรคหนึ่งแล้ว แม้หนังสือเลิกการเช่าของโจทก์ที่ส่งไปยังจำเลยเป็นระยะเวลาน้อยกว่ากำหนดเวลาที่ต้องชำระค่าเช่าระยะหนึ่งซึ่งไม่ชอบด้วยมาตรา566แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อเกินกว่าชั่วกำหนดเวลาดังกล่าวถือว่าโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าโดยชอบแล้วจึงมีสิทธิฟ้องขับไล่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเดินสะพัดสิ้นสุดเมื่อมีการตกลงชำระหนี้ทั้งหมดและปลดจำนอง การคิดดอกเบี้ยทบต้นมีจำกัด
สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีที่บริษัทจำเลยที่ 1 ทำไว้กับธนาคารโจทก์มิได้กำหนดระยะเวลาชำระหนี้เอาไว้ การที่ผู้จัดการสาขาของโจทก์เรียกให้ ว. ผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 1ไปเจรจาเพื่อตกลงกันในเรื่องการผ่อนชำระหนี้ มิฉะนั้นจะถูกธนาคารโจทก์สำนักงานใหญ่ยื่นฟ้อง ว. จึงได้โอนเงินจากบัญชีเงินฝากของ ว.ชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีทั้งหมดของจำเลยที่ 1 ตามที่ได้ตกลงกันเพื่อลดหนี้ลงและปลดจำนองทรัพย์สินเฉพาะส่วนของ ว. พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นกรณีที่โจทก์เรียกร้องให้บริษัทจำเลยที่ 1 ชำระหนี้หลังจากที่หักทอนบัญชีกันแล้วอันแสดงว่าคู่กรณีไม่ประสงค์ให้มีการเดินสะพัดทางบัญชีกันอีกต่อไปแล้วสัญญาบัญชีเดินสะพัดจึงเป็นอันสิ้นสุดลงในวันที่มีการชำระหนี้ตามที่ตกลงกันและโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นได้จนถึงวันดังกล่าวหลังจากนั้นโจทก์จะคิดดอกเบี้ยทบต้นอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีสิ้นสุดเมื่อมีการตกลงผ่อนชำระหนี้และปลดจำนอง การคิดดอกเบี้ยหลังวันดังกล่าวเป็นดอกเบี้ยธรรมดา
สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีมิได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้จึงใช้บังคับได้จนกว่าจะมีการบอกเลิกสัญญา การที่โจทก์ตกลงกับจำเลยให้ชำระหนี้เพื่อลดหนี้ลงและปลดจำนองทรัพย์สินที่จำนองเป็นประกันไว้ไปบางรายการและได้มีการชำระหนี้บางส่วนตามที่ตกลงกันไว้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าคู่กรณีไม่ประสงค์จะให้มีการเดินสะพัดบัญชีกันอีกต่อไป สัญญาบัญชีเดินสะพัดจึงเป็นอันสิ้นสุดลงในวันที่มีการชำระหนี้บางส่วนนั้น หลังจากนั้นโจทก์จะคิดดอกเบี้ยทบต้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7331/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสัญญาเช่าหลังการซื้อขายทรัพย์สิน และสิทธิในการฟ้องขับไล่ของผู้ซื้อ
ส.ได้จดทะเบียนโอนขายที่ดินและตึกแถวให้แก่โจทก์ก่อนสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับส.จะมีผลบังคับสัญญาเช่าจึงไม่มีผลผูกพันโจทก์เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยอยู่ในตึกแถวต่อไป และได้บอกกล่าวแล้วจำเลยจึงต้องออกไปจากตึกแถว เมื่อจำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวได้ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7331/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิการเช่าเมื่อมีการซื้อขายทรัพย์สิน: สัญญาเช่าสิ้นสุดเมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์ก่อนสัญญาเช่ามีผล
เมื่อ ส. จดทะเบียนโอนขายที่ดินและตึกแถวพิพาทให้แก่โจทก์ก่อนสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับ ส. จะมีผลบังคับ สัญญาเช่าจึงไม่มีผลผูกพันโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยอยู่ในตึกแถวพิพาทต่อไป และบอกกล่าวแล้ว จำเลยจึงต้องออกไปจากตึกแถวพิพาท เมื่อจำเลยเพิกเฉย โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวพิพาทได้ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6465/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดระยะเวลาชำระหนี้ไม่สมเหตุสมผล สัญญาไม่สิ้นสุด, การวางทรัพย์กลางไม่เกิดดอกเบี้ย
จำนวนเงินที่จำเลยที่ 1 เรียกให้โจทก์ชำระเป็นเงินถึง315,000 บาท แต่จำเลยที่ 1 ให้เวลาแก่โจทก์เพียง 3 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือทวงถามเห็นได้ชัดว่าเป็นระยะเวลาอันสั้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการกำหนดระยะเวลาพอสมควร ตาม ป.พ.พ. มาตรา 387 เมื่อโจทก์ไม่ชำระเงินภายในกำหนด จำเลยที่ 1 ก็บอกเลิกสัญญาไม่ได้
โจทก์นำเงินไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์กลาง แต่จำเลยไม่ได้รับเงินไป โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเอาดอกเบี้ยจากจำเลยในจำนวนเงินดังกล่าว
โจทก์นำเงินไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์กลาง แต่จำเลยไม่ได้รับเงินไป โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเอาดอกเบี้ยจากจำเลยในจำนวนเงินดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6194-6195/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีสิ้นสุดเมื่อใด? การคิดดอกเบี้ยทบต้นหลังบอกเลิกสัญญา
การขอระบุพยานเพิ่มเติมหลังจากคู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่นำสืบก่อนสืบเสร็จแล้วต้องเป็นไปตามบทบัญญัติ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคสาม ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น บัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยเป็นเอกสารที่โจทก์ทำขึ้นแสดงถึงหนี้ที่เกิดขึ้นมาภายหลังที่สืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้ว จึงเป็นเอกสารที่จำเลยไม่สามารถทราบก่อนสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นได้ว่าต้องนำสืบเพื่อประโยชน์ของตน แต่ข้อสำคัญแห่งประเด็นของคดีมีว่า เมื่อถึงวันฟ้องจำเลยเป็นหนี้โจทก์เท่าใด ซึ่งโจทก์ได้นำสืบถึงจำนวนหนี้ที่มีถึงวันฟ้องเสร็จสิ้นไปแล้วการที่จำเลยจะนำสืบถึงเอกสารที่แสดงถึงจำนวนหนี้ที่เกิดขึ้นภายหลังสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้วย่อมไม่ทำให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งคดีเป็นไปโดยเที่ยงธรรม จำเลยจึงระบุพยานเพิ่มเติมไม่ได้ ครบกำหนดตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีแล้วบัญชีของจำเลยมีทั้งการถอนเงินจากบัญชีและนำเงินเข้าบัญชีต่อไปอีก โดยจำเลยถอนเงินจากบัญชีครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2524 และนำเงินเข้าบัญชีครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2526 แสดงว่าโจทก์กับจำเลยตกลงให้มีการเดินสะพัดทางบัญชีกันต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลาแม้ตามรายการบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของจำเลยถึงวันที่ 20 มิถุนายน 2526 มีเฉพาะการนำเงินเข้าบัญชีเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีการถอนเงินจากบัญชีก็ตาม เมื่อไม่ปรากฏว่ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาแก่อีกฝ่ายหนึ่งบัญชีเดินสะพัดระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงยังไม่เลิกกันในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2524 แต่จะเลิกกันในวันครบกำหนดที่โจทก์บอกเลิกสัญญาและทวงถามให้ชำระเสร็จสิ้น เมื่อโจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญาและทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 มีนาคม 2529 ต้องถือว่าสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเดินสะพัดสิ้นสุดลงในวันดังกล่าว โจทก์จึงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยทบต้นในต้นเงินที่ค้างชำระได้จนถึงวันที่ 30 มีนาคม 2529ต่อจากนั้นโจทก์จึงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยไม่ทบต้นจนกว่าจะชำระเสร็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3377/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดเวลาในสัญญานายหน้าเป็นสาระสำคัญ สัญญาเป็นอันสิ้นสุดหากไม่จดทะเบียนภายในกำหนด
หนังสือสัญญานายหน้ามีข้อความว่า..."จึงมอบให้นายหน้าไปจัดการให้จดทะเบียน ณ สำนักงานที่ดินให้เสร็จภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันทำสัญญานี้..." ถ้าพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว สัญญานายหน้านี้เป็นอันระงับสิ้นสุดลง" มีความหมายว่า เมื่อโจทก์ติดต่อหาผู้ซื้อได้แล้ว โจทก์ต้องจัดการให้มีการจดทะเบียนซื้อขายโอนกรรมสิทธิ์กันให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดเวลาดังกล่าวนับแต่วันทำสัญญาด้วย กำหนดเวลาดังกล่าวจึงเป็นข้อสาระสำคัญของสัญญานายหน้าไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ผ่อนเวลาออกไปอีกแต่อย่างใด เมื่อโจทก์ไม่สามารถจัดการให้มีการจดทะเบียนซื้อขายโอนกรรมสิทธิ์กันได้ภายในกำหนดเวลา 7 วัน นับแต่วันทำสัญญา ถือว่าสัญญาสิ้นสุดไม่มีผลผูกพันคู่กรณี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3377/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญานายหน้า: กำหนดเวลาจดทะเบียนเป็นสาระสำคัญ หากไม่ทำตามสัญญาเป็นอันสิ้นสุด
หนังสือสัญญานายหน้ามีข้อความว่า "จึงมอบให้นายหน้าไปจัดการให้จดทะเบียน ณ สำนักงานที่ดินให้เสร็จภายในกำหนด7 วัน นับแต่วันทำสัญญานี้ " ถ้าพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วสัญญานายหน้านี้เป็นอันระงับสิ้นสุดลง" มีความหมายว่าเมื่อโจทก์ติดต่อหาผู้ซื้อได้แล้ว โจทก์ต้องจัดการให้มีการจดทะเบียนซื้อขายโอนกรรมสิทธิ์กันให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดเวลาดังกล่าวนับแต่วันทำสัญญาด้วย กำหนดเวลาดังกล่าวจึงเป็นข้อสาระสำคัญของสัญญานายหน้าไม่ปรากฎว่าจำเลยได้ผ่อนเวลาออกไปอีกแต่อย่างใด เมื่อโจทก์ไม่สามารถจัดการให้มีการจดทะเบียนซื้อขายโอนกรรมสิทธิ์กันได้ภายในกำหนดเวลา 7 วัน นับแต่วันทำสัญญา ถือว่าสัญญาสิ้นสุดไม่มีผลผูกพันคู่กรณี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิ้นสุดสัญญาบัญชีเดินสะพัดและการคิดดอกเบี้ยหลังสัญญาหมดอายุ
สัญญาบัญชีเดินสะพัดระหว่างโจทก์จำเลยรวมอยู่ในสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีซึ่งได้ทำขึ้นเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2523 มีกำหนดเวลา12 เดือนย่อมสิ้นสุดลงในวันที่ 28 สิงหาคม 2524 สัญญาบัญชีเดินสะพัดซึ่งรวมอยู่ด้วยจึงสิ้นสุดไปพร้อมกัน เว้นแต่โจทก์จำเลยจะได้ตกลงต่อสัญญากันต่อไปอีกโดยตรงหรือโดยปริยาย การที่โจทก์จำเลยจะเดินสะพัดทางบัญชีกันต่อไปภายหลังจากสัญญาครบกำหนดแล้ว จำเลยจะต้องเบิกเงินจากบัญชีได้อีก แต่โจทก์หายอมให้จำเลยเบิกเงินได้อีกไม่จึงเห็นเจตนาของโจทก์ได้ชัดแจ้งว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะเดินสะพัดทางบัญชีกับจำเลยอีก ส่วนการที่จำเลยนำเงินเข้าบัญชี 2 ครั้งภายหลังจากครบกำหนดเวลาตามสัญญาแล้ว ก็เป็นการนำเงินเข้าบัญชีเพื่อชำระหนี้เท่านั้น หาได้มีเจตนาจะเดินสะพัดทางบัญชีกับโจทก์ต่อไปไม่ ภายหลังจากสัญญาดังกล่าวสิ้นสุดลงโจทก์คงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลยได้โดยวิธีธรรมดา จะคิดดอกเบี้ยโดยวิธีทบต้นต่อไปอีกหาได้ไม่