คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เข้าใจผิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 123 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3176/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งเงินทดแทนคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ลูกจ้างมีสิทธิฟ้องเพิกถอน แม้ผู้ฟ้องมีส่วนทำให้เข้าใจผิด
เมื่อปรากฏว่าหลังจากประสบอันตรายแล้วลูกจ้างโจทก์ไปทำงานตามปกติทุกวัน แต่จำเลยฟังข้อเท็จจริงผิดไปว่าลูกจ้างโจทก์ไม่สามารถทำงานได้เป็นเวลา 21 วัน จึงได้ออกคำสั่งให้โจทก์จ่ายค่าทดแทนกรณีลูกจ้างไม่สามารถทำงานได้ คำสั่งของจำเลยจึงไม่ชอบ และแม้โจทก์จะเป็นผู้ทำให้จำเลยเข้าใจข้อเท็จจริงนี้ผิดไปก็ตาม การเพิกถอนคำสั่งของจำเลยอันเกิดจากความเข้าใจผิดก็ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยแต่อย่างใด ทั้งหามีกฎหมายใดบัญญัติให้โจทก์สิ้นสิทธิที่จะนำคดีมาสู่ศาลในกรณีนี้ไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2389/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้คำให้การจากรับสารภาพเป็นปฏิเสธ: เหตุผลความเข้าใจผิดและการปรึกษาทนายความ
ในตอนแรกที่ศาลชั้นต้นประทับฟ้อง จำเลยทั้งสองแถลงขอสู้คดี ขอให้การในวันพิจารณาและจะหาทนายความเอง ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลยทั้งสองมิได้ยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นได้จดคำให้การไว้ว่า จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ว่าได้กระทำผิดตามฟ้องทุกประการ ต่อมาทนายความจำเลยทั้งสองได้มาถึงศาลและยื่นใบแต่งทนายความพร้อมกับแถลงว่าที่มาศาลช้าเพราะไม่สบาย ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาในวันเดียวกันนั้นเองแต่ต้องเลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาในวันอื่น ก่อนถึงวันนัด 1 วันจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิม และขอให้การใหม่ว่ามิได้กระทำความผิด คำร้องของจำเลยทั้งสองเช่นนี้ย่อมมีผลเป็นการขอแก้คำให้การเดิมที่ให้การรับสารภาพ เป็นให้การปฏิเสธ และเหตุผลที่จำเลยทั้งสองอ้างก็เป็นเหตุผลที่อาจเป็นไปได้ และน่าเชื่อว่าขณะที่จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพนั้นยังมิได้ปรึกษากับทนายความ ประกอบกับในคดีอาญาจำเลยมีสิทธิต่อสู้คดีได้เต็มที่จะให้การต่อสู้ว่าอย่างไรหรือไม่ให้การเลยก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165 วรรคหนึ่ง เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับความผิดและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นสมควรให้จำเลยทั้งสามแก้คำให้การได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3455/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดพิจารณาคดี: เหตุอันสมควรจากการเข้าใจผิดเรื่องวันเวลานัด สืบเนื่องจากทนายจำเลยติดว่าความคดีอื่น
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2523 เวลา 9.00 น. เสมียนทนายจำเลยผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยได้ลงชื่อทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ และในวันนัดสืบพยานโจทก์เวลา 9.00 น. ปรากฏว่าทนายจำเลย มาศาลชั้นต้นแห่งเดียวกันเพื่อว่าความในคดีเรื่องอื่นหากทนายจำเลยซึ่งรู้ตระหนักถึงความสำคัญของผลคดีที่ขาดนัดพิจารณาทราบว่าศาลชั้นต้นนัดสืบพยานในคดีนี้เวลา 9.00 น. แล้ว จะต้องปลีกเวลาไปแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบถึงการติดว่าความในคดีอื่นหรือมิฉะนั้นก็ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีนี้ จึงมีเหตุผลเชื่อได้ว่าทนายจำเลยทราบเวลานัดสืบพยานโจทก์คลาดเคลื่อนจากเวลา 9.00น. เป็นเวลา 13.30 น. จริงถือว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาและมีเหตุอันสมควรให้พิจารณาคดีใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2621/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลียนเครื่องหมายการค้า: การพิจารณาความแตกต่างของเครื่องหมายและการเข้าใจผิดของบุคคลทั่วไป
เครื่องหมายการค้าของโจทก์ซึ่งได้จดทะเบียนไว้คือรูปควายไม่มีอักษรประกอบ และรูปควายมีอักษรจีนอยู่ข้างล่าง จำเลยจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตราพระอาทิตย์กับควายไว้และใช้เคื่องหมายการค้ารูปควาย กับพระอาทิตย์พิมพ์ลงในผ้า โดยมีสลากปิดบนผ้ามีอักษรขนาดใหญ่ระบุว่าเป็นผ้าดำตราควายพระอาทิตย์ และสถานที่ผลิตแบบหนึ่ง กับพิมพ์อักษรไทยมีข้อความขนาดใหญ่อยู่ด้านบนว่า โรงงานย้อมผ้าเฮ่งจินเชียงผ้าดำครามแท้ ตราควายพระอาทิตย์ด้านข้างมีอักษรจีนและมีรูปความอยู่ด้านล่างอีกแบบหนึ่ง ดังนี้ ถึงแม้เครื่องหมายการค้าที่โจทก์จำเลยจดทะเบียนไว้จะมีรูปควายเช่นเดียวกัน แต่ก็มีตัวอักษรข้อความรูปภาพอย่างอื่นมาประกอบทำให้แตกต่างกัน บุคคลธรรมดาไม่เข้าใจผิดว่าสินค้าของจำเลยเป็นสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของโจทก์ตามที่จดทะเบียนไว้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 274

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการหน่วงเหนี่ยวกักขัง: การแจ้งข้อมูลตำรวจให้คนร้ายเข้าใจผิด ไม่ถือเป็นความช่วยเหลือ
จำเลยมิได้ทำหน้าที่สอดส่องความเคลื่อนไหวของเจ้าพนักงานตำรวจแล้วแจ้งให้คนร้ายทราบ แต่ในระหว่างที่พวกคนร้ายจับตัวผู้เสียหายไปกักขังไว้เพื่อเรียกค่าไถ่ เจ้าพนักงานตำรวจได้ติดตามไปช่วยเหลือผู้เสียหายและจับกุมคนร้าย ขณะที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกำลังค้นหาตัวผู้เสียหายอยู่นั้น จำเลยได้ขี่รถจักรยานไปที่บ้านร้างแล้วตะโกนบอกตำรวจนอกเครื่องแบบคนหนึ่งว่ามีตำรวจมา 2 คันรถ เพราะจำเลยเข้าใจว่าตำรวจคนนั้นเป็นคนร้ายนั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนร้าย กระทำความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ อันจะเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1790/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดินโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1312 ผู้สร้างเข้าใจว่าเป็นที่ดินของตน
การสร้างโรงเรือนรุกล้ำที่ดินผู้อื่นโดยไม่สุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 นั้น หมายความว่าผู้สร้างโรงเรือนต้องรู้ในขณะสร้างว่าที่ดินตรงนั้นเป็นของคนอื่น จึงจะเรียกได้ว่าไม่สุจริต ถ้าผู้สร้างเข้าใจว่าที่ดินตรงนั้นเป็นของตนจึงสร้างโรงเรือนรุกล้ำไป ครั้นต่อมาจึงทราบว่าที่ตรงรุกล้ำนั้นไม่ใช่ของตน ต้องถือว่าเป็นการสร้างโรงเรือนรุกล้ำที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต
ตามคำบรรยายฟ้องโจทก์ไม่ปรากฏว่าโจทก์อ้างว่าจำเลยได้ปลูกสร้างตึกแถวเข้ามาในที่ดินของโจทก์โดยไม่สุจริต อ้างเพียงว่าที่ดินที่จำเลยปลูกตึกรุกล้ำเข้ามาเป็นที่ดินของโจทก์ เมื่อโจทก์มิได้อ้างถึงความไม่สุจริตของจำเลย จำเลยก็ไม่จำต้องให้การต่อสู้ถึงความไม่สุจริตได้ แต่ที่จำเลยให้การว่าที่ดินที่โจทก์หาจำเลยรุกล้ำปลูกตึกเป็นที่ดินของจำเลยนั้น ข้ออ้างของจำเลยดังกล่าวก็เป็นการแสดงว่าจำเลยได้ทำการปลูกสร้างตึกแถวโดยสุจริต และที่ศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นนำสืบไว้ว่า "จำเลยปลูกสร้างตึกรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์หรือไม่ จะต้องรื้อส่วนที่รุกล้ำหรือไม่" นั้น ก็มีข้อเท็จจริงอยู่ในตัวของประเด็นที่ตั้งไว้นั้นจะต้องพิจารณาถึงด้วยว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินที่จำเลยปลูกสร้างตึกรุกล้ำเข้าไปนั้นเป็นที่ดินของโจทก์แล้ว จำเลยจะต้องรื้อสวนที่รุกล้ำหรือไม่ และการจะให้จำเลยรื้อตึกแถวนั้นหรือไม่ก็ต้องอาศัยข้อเท็จจริงถึงความสุจริตของจำเลยว่าจำเลยได้สร้างตึกแถวรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์โดยสุจริตหรือไม่ เมื่อฟังได้ว่าจำเลยได้สร้างรุกล้ำเข้าไปโดยสุจริตก็จำต้องยกมาตรา 1312 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาพิจารณาปรับบทให้ ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ยกเหตุจำเลยปลูกสร้างตึกแถวรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์โดยสุจริต จึงมิใช่เป็นเรื่องนอกประเด็นที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1395/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยเข้าใจผิดว่าเสียชีวิตแล้ว นำไปสู่การกระทำที่เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
จำเลยตี ถ.มีแผลเล็กน้อย.แต่ถ.สลบจำเลยเข้าใจว่าถ. ตาย จึงเอาผ้าขาวม้าของ ถ.ผูกคอถ.แขวนกับต้นไม้เป็นเหตุให้ถ. ตาย จำเลยมีความผิดตามมาตรา 290

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2287/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีจากความเข้าใจผิดเรื่องวันนัด: เหตุสมควรให้พิจารณาใหม่ได้
โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลจึงสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนและมีคำสั่งให้พิจารณาใหม่ อ้างว่าโจทก์มิได้จงใจขาดนัดพิจารณาเพราะโจทก์และทนายโจทก์จดวันนัดสืบพยานโจทก์ผิดไป ดังนี้ เป็นการอ้างว่าโจทก์เข้าใจวันนัดสืบพยานผิดไปถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ดังโจทก์อ้าง ย่อมถือได้ว่าโจทก์มิได้จงใจขาดนัดพิจารณา กรณีมีเหตุสมควรที่จะให้พิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2287/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากความเข้าใจผิดในวันนัด: ศาลอนุญาตให้พิจารณาใหม่ได้
โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลจึงสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนและมีคำสั่งให้พิจารณาใหม่ อ้างว่าโจทก์มิได้จงใจขาดนัดพิจารณาเพราะโจทก์และทนายโจทก์จดวันนัดสืบพยานโจทก์ผิดไป ดังนี้ เป็นการอ้างว่าโจทก์เข้าใจวันนัดสืบพยานผิดไป ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ดังโจทก์อ้าง ย่อมถือได้ว่าโจทก์มิได้จงใจขาดนัดพิจารณา กรณีมีเหตุสมควรที่จะให้พิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1708/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยเข้าใจผิด: การยิงโดยเชื่อว่าผู้ตายเป็นคนร้ายในพื้นที่เสี่ยง ถือเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุ
จำเลยผู้เดียวนอนเฝ้ากระบือและเครื่องสูบน้ำที่ห้างนา ในท้องที่ที่มีการปล้นการลักกันเสมอ ตกใจตื่นโดยได้ยินเสียงก๊อกแก๊กทางปลายเท้า เห็นเงาคนดำ ๆ ห่าง 1 วาเศษ เข้าใจว่าเป็นคนร้ายจะมาทำการปล้น จึงใช้ปืนยิงไป 1 นัด ถูกผู้นั้นตาย ในขณะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนร้าย ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุ
of 13