พบผลลัพธ์ทั้งหมด 66 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคำนวณบำเหน็จบำนาญสำหรับข้าราชการที่เปลี่ยนสถานะจากวิสามัญเป็นสามัญ ต้องพิจารณาช่วงเวลารับเงินเดือนจากงบประมาณประเภทเงินเดือน
การนับเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญต้องนับแต่วันรับราชการรับเงินเดือนจากเงินงบประมาณประเภทเงินเดือน. ซึ่งมิใช่อัตราข้าราชการวิสามัญหรือลูกจ้างตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 มาตรา 23.
ระหว่างวันที่ 24 เมษายน 2477 ถึงวันที่ 31 มีนาคม2479 โจทก์เป็นข้าราชการวิสามัญ. ต่อมาโจทก์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการสามัญเมื่อ พ.ศ.2480 โดยเจ้ากระทรวงเห็นสมควรบรรจุในชั้นนั้นเข้าอันดับเงินเดือนเท่าที่ได้รับอยู่. โดยได้รับอนุมัติของ ก.พ.แล้ว ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2479 มาตรา 74. จึงเห็นได้ว่าการยกฐานะหรือเปลี่ยนฐานะของโจทก์เป็นไปโดยคำสั่งของเจ้ากระทรวงซึ่งเห็นสมควรบรรจุ. หาใช่เป็นไปโดยกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะไม่. จึงไม่ชอบที่จะนับระยะเวลาระหว่างที่เป็นข้าราชการวิสามัญดังกล่าวเป็นเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 มาตรา 23 วรรคสอง.
ระหว่างวันที่ 24 เมษายน 2477 ถึงวันที่ 31 มีนาคม2479 โจทก์เป็นข้าราชการวิสามัญ. ต่อมาโจทก์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการสามัญเมื่อ พ.ศ.2480 โดยเจ้ากระทรวงเห็นสมควรบรรจุในชั้นนั้นเข้าอันดับเงินเดือนเท่าที่ได้รับอยู่. โดยได้รับอนุมัติของ ก.พ.แล้ว ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2479 มาตรา 74. จึงเห็นได้ว่าการยกฐานะหรือเปลี่ยนฐานะของโจทก์เป็นไปโดยคำสั่งของเจ้ากระทรวงซึ่งเห็นสมควรบรรจุ. หาใช่เป็นไปโดยกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะไม่. จึงไม่ชอบที่จะนับระยะเวลาระหว่างที่เป็นข้าราชการวิสามัญดังกล่าวเป็นเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 มาตรา 23 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการรับเงินเดือนข้าราชการที่ถูกไล่ออก: การหมดอายุความฟ้องละเมิด
ตามพระราชบัญญัติเงินเดือนของข้าราชการผู้ถูกสั่งพักราชการ พ.ศ. 2502 มาตรา 7(1) และพระราชบัญญัติว่าด้วยการจ่ายเงินเดือนและเงินอื่นๆ ให้แก่ผู้ถูกสั่งพักราชการ พ.ศ.2488 มาตรา 5(1) นั้น เป็นเรื่องให้จ่ายเงินเดือนแก่ผู้ถูกสั่งพักราชการโดยผลของการสอบสวนปรากฏว่าข้าราชการผู้นั้นไม่มีความผิด หรือไม่มีมลทินมัวหมองเท่านั้น แต่ถ้าคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่ามีความผิด และทางราชการได้มีคำสั่งไล่ข้าราชการคนใดออกจากราชการไปแล้ว กรณีเช่นนี้ ตามกฎหมายดังกล่าวกลับห้ามมิให้จ่ายเงินเดือนระหว่างพักราชการให้แก่ข้าราชการซึ่งถูกไล่ออกจากราชการนั้นด้วย
กระทรวงเศรษฐการมีคำสั่งให้ไล่โจทก์ออกจากราชการฐานผิดวินัย เมื่อโจทก์เห็นว่าคำสั่งนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ก็ชอบที่จะฟ้องร้องต่อศาลเสียภายในกำหนดอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 จะใช้อายุความ 5 ปีตามมาตรา 166 หาได้ไม่
กระทรวงเศรษฐการมีคำสั่งให้ไล่โจทก์ออกจากราชการฐานผิดวินัย เมื่อโจทก์เห็นว่าคำสั่งนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ก็ชอบที่จะฟ้องร้องต่อศาลเสียภายในกำหนดอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 จะใช้อายุความ 5 ปีตามมาตรา 166 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการรับเงินเดือนข้าราชการพักราชการที่ถูกไล่ออก และอายุความฟ้องละเมิด
ตามพระราชบัญญัติเงินเดือนของข้าราชการผู้ถูกสั่งพักราชการพ.ศ.2502 มาตรา 7(1) และพระราชบัญญัติว่าด้วยการจ่ายเงินเดือนและเงินอื่นให้แก่ผู้ถูกสั่งพักราชการ พ.ศ.2488 มาตรา 5(1) นั้นเป็นเรื่องให้จ่ายเงินเดือนแก่ผู้ถูกสั่งพักราชการโดยผลของการสอบสวนปรากฏว่าข้าราชการผู้นั้นไม่มีความผิด หรือไม่มีมลทินมัวหมองเท่านั้นแต่ถ้าคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่ามีความผิด และทางราชการได้มีคำสั่งไล่ข้าราชการคนใดออกจากราชการไปแล้ว กรณีเช่นนี้ ตามกฎหมายดังกล่าวกลับห้ามมิให้จ่ายเงินเดือนระหว่างพักราชการให้แก่ข้าราชการซึ่งถูกไล่ออกจากราชการนั้นด้วย
กระทรวงเศรษฐการมีคำสั่งไล่โจทก์ออกจากราชการฐานผิดวินัยเมื่อโจทก์เห็นว่าคำสั่งนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ก็ชอบที่จะฟ้องร้องต่อศาลเสียภายในกำหนดอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 จะใช้อายุความ5 ปีตามมาตรา 166 หาได้ไม่
กระทรวงเศรษฐการมีคำสั่งไล่โจทก์ออกจากราชการฐานผิดวินัยเมื่อโจทก์เห็นว่าคำสั่งนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ก็ชอบที่จะฟ้องร้องต่อศาลเสียภายในกำหนดอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 จะใช้อายุความ5 ปีตามมาตรา 166 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 806/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิหักเงินเดือนชำระหนี้ - การหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้จากการยืมเงินที่มีข้อตกลง
โจทก์พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรี ฟ้องบังคับให้เทศบาลจำเลยจ่ายเงินเดือน ฯลฯ ซึ่งโจทก์มีสิทธิจะได้รับจำเลยให้การและแถลงว่า การที่ไม่จ่ายเงินตามฟ้อง เพราะโจทก์ยังเป็นลูกหนี้จำเลยอยู่ตามใบยืมโดยมีข้อสัญญากันไว้ในการยืมเงินว่า ถ้าไม่ใช้ก็ยอมให้หักเงินเดือนหรือเงินอื่นใดของผู้ยืมใช้จนครบได้โจทก์แถลงว่าได้มีข้อสัญญาระบุความตกลงยินยอมไว้เช่นนั้นจริง แต่เถียงว่าได้ชำระแก่จำเลยหมดแล้วดังนี้ถ้าหากโจทก์ยังมีหนี้สินติดอยู่จริง ดังจำเลยต่อสู้ จำเลยย่อมมีสิทธิตามสัญญาที่จะหักเงินตามฟ้อง เพื่อชำระหนี้ได้ หาจำต้องฟ้องแย้งขอหักหนี้เข้ามาอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1029/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะลูกจ้างบริษัทที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐ: เงินเดือนไม่ถือเป็นเงินเดือนข้าราชการ
บริษัทซึ่งมีลักษณะเหมือนบริษัททั่ว ๆ ไปแม้จะได้รับเงินจากรัฐบาลเป็นรายปีเพื่อดำเนินกิจการ และอยู่ในความดูแลของรัฐบาลก็ตาม ก็เป็นเรื่องภายในของบริษัท เงินเดือนของคนงานของบริษัทจึงไม่ใช่เงินเดือนของข้าราชการหรือคนงานของรัฐบาลตาม วิ.แพ่ง ม. 286 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1029/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะลูกจ้างบริษัทที่รัฐสนับสนุน: เงินเดือนไม่ถือเป็นเงินเดือนข้าราชการเพื่อการบังคับคดี
บริษัทซึ่งมีลักษณะเหมือนบริษัททั่วๆ ไปแม้จะได้รับเงินจากรัฐบาลเป็นรายปีเพื่อดำเนินกิจการ และอยู่ในความดูแลของรัฐบาลก็ตาม ก็เป็นเรื่องภายในของบริษัท เงินเดือนของคนงานของบริษัทจึงไม่ใช่เงินเดือนของข้าราชการหรือคนงานของรัฐบาลตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานที่ไม่ได้รับเงินเดือนตามกฎหมาย ไม่ผิดฐานทุจริตในหน้าที่
จำเลยทำงานเป็นเจ้าพนักงานไปรษณีย์อนุญาตประจำอำเภอ ได้รับเงินค่าจ้างเป็นค่าทำการและส่วนลด ต่อมาได้เปลี่ยนเรียกว่าจ่ายเป็นค่าเหมาเดือน จำเลยได้จดบัญชีหลักฐานเท็จและยักยอกเงินรายได้ของไปรษณีย์อนุญาตนั้นไป ดั่งนี้ จำเลยย่อมมีผิดตามมาตรา 319(3). แต่ไม่ผิดตามมาตรา 131,230 เพราะจำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานได้รับเงินเดือนตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายพลเรือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกเงินเดือนพนักงาน แม้มีการเซ็นรับเงินแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงินจริง
เสมียนได้รับมอบเงินไปจ่ายให้คนงาน ได้ให้คนงานเซ็นชื่อไว้แล้ว แล้วไม่จ่ายเงินให้ ได้เอาเงินนั้นเสียเองดังนี้ เป็นผิดฐานยักยอก ไม่ใช่ฉ้อโกง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842/2483
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยสะสมกลายเป็นทุน: กรณีเงินเดือนที่ถูกหักและคิดดอกเบี้ยแล้วรวมเป็นทุนของลูกจ้าง
เงินดอกเบี้ยที่บริษัทคิด++ตามสัญญาแล้วลงบัญชี++เงินทุนของโจทก์นั้น++กลายเป็นทุนแล้ว ไม่+ดอกเบี้ย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1167/2473
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญาจ้างงาน: สิทธิในการได้รับค่าเดินทางและเงินเดือนหยุดพักผ่อนตามสัญญา
การแปลสัญญาเปนปัญหากฎหมาย