คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เฉลี่ยทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 160 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3828/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีบังคับคดี: การบรรยายตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 และการพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่น
เงื่อนไขที่ระบุไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 290 วรรคสี่ เป็นกำหนดเวลาที่ผู้ร้องจะต้องยื่นคำร้องเข้ามาในทันทีภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องพิจารณาว่าผู้ร้องได้ยื่นเข้ามาในกำหนดเวลาหรือไม่ จึงไม่ใช่ข้อที่ผู้ร้องต้องบรรยายมาในคำร้อง ตามคำร้องบรรยายว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา แต่จำเลยไม่มีเงินจะชำระหนี้ให้ผู้ร้องได้ผู้ร้องจึงมาร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ ซึ่งพอแปลได้ความว่าผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลย ถือได้ว่าผู้ร้องอ้างในคำร้องแล้วว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นเป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 290 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3828/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเฉลี่ยทรัพย์บังคับคดี: เงื่อนไขตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 และการพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่น
คำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ต้องบรรยายข้อสำคัญตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคแรก โดยย่อให้ได้ความว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยในคดีเรื่องอื่น และขอให้ศาลอนุญาตให้เข้าเฉลี่ยทรัพย์ในคดีที่มีการออกหมายบังคับคดีนี้ สำหรับเงื่อนไขตามมาตรา 290 วรรคสี่ เป็นกำหนดเวลาที่ผู้ร้องต้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เข้ามาในทันทีภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด เป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องพิจารณาว่าผู้ร้องได้ยื่นเข้ามาในกำหนดเวลาหรือไม่ ถ้ายื่นเกินกำหนดศาลก็ชอบที่จะยกคำร้องจึงไม่ใช่ข้อที่ผู้ร้องต้องบรรยายมาในคำร้อง ตามคำร้องของผู้ร้องระบุว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแต่จำเลยไม่มีเงินจะชำระหนี้ให้ผู้ร้องได้ผู้ร้องจึงมาร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ พอแปลได้ว่า ผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลย ถือได้ว่าผู้ร้องอ้างในคำร้องแล้วว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นเป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 290 วรรคสองแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2189/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนการบังคับคดีโดยเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และผลกระทบต่อสิทธิของเจ้าหนี้รายอื่นในการเฉลี่ยทรัพย์
เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่ประสงค์จะบังคับคดีแก่จำเลย โจทก์ย่อมขอถอนการบังคับคดีได้โดยแจ้งไปยังเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นหนังสือว่าตนสละสิทธิในการบังคับคดีนั้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 295 (2) เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับหนังสือนั้นแล้ว การถอนการยึดทรัพย์ของโจทก์ย่อมมีผลทันที และถือว่าการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่เจ้าพนักงาน-บังคับคดียึดมาได้เสร็จสิ้นลงตั้งแต่วันดังกล่าว ผู้ร้องยื่นคำร้องและขอเฉลี่ยทรัพย์เข้ามาภายหลังจากสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับจากวันดังกล่าว คำร้องของผู้ร้องจึงไม่ต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 290วรรคสี่ แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีจะยังมิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับคำขอถอนการยึดของโจทก์ก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4191/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเฉลี่ยทรัพย์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 ไม่ต้องระบุทรัพย์ที่ยึดถูกต้อง เพียงแสดงว่ามีการยึดทรัพย์และไม่สามารถชำระหนี้จากทรัพย์อื่นได้
ป.วิ.พ. มาตรา 290 มิได้บังคับให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาคดีอื่นที่ยื่นคำร้องขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์จะต้องระบุชนิดหรือประเภทของทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดหรืออายัดไว้ในคำร้อง เพียงแต่ให้ผู้ร้องแสดงให้เห็นว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำยึดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาและผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น ดังนั้น แม้ผู้ร้องจะระบุรายการทรัพย์ที่โจทก์นำยึดผิดพลาดไป ผู้ร้องก็มีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4191/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเฉลี่ยทรัพย์: ผู้ร้องไม่จำเป็นต้องระบุรายละเอียดทรัพย์ที่ถูกยึด แต่ต้องแสดงว่าไม่สามารถชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 มิได้บังคับให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาคดีอื่นที่ยื่นคำร้องขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์จะต้องระบุชนิดหรือประเภทของทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดหรืออายัดไว้ในคำร้อง เพียงแต่ให้ผู้ร้องแสดงให้เห็นว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำยึดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาและผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น แม้ผู้ร้องจะระบุรายการทรัพย์ที่โจทก์นำยึดผิดพลาดไปผู้ร้องก็มีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4191/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเฉลี่ยทรัพย์บังคับคดี: ไม่ต้องระบุรายละเอียดทรัพย์สินที่ถูกต้องในคำร้อง เพียงแสดงให้เห็นว่ามีทรัพย์สินถูกยึดและไม่สามารถชำระหนี้จากทรัพย์อื่นได้
ป.วิ.พ. มาตรา 290 มิได้บังคับให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาคดีอื่นที่ยื่นคำร้องขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์จะต้องระบุชนิดหรือประเภทของทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดหรืออายัดไว้ในคำร้อง เพียงแต่ให้ผู้ร้องแสดงให้เห็นว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำยึดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาและผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น ดังนั้น แม้ผู้ร้องจะระบุรายการทรัพย์ที่โจทก์นำยึดผิดพลาดไป ผู้ร้องก็มีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2889/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้จำนอง: การบังคับจำนองและการเฉลี่ยทรัพย์
จำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันหนี้ทั้งหลายที่จำเลยมีต่อโจทก์หรือผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกันต่อมาโจทก์และผู้ร้องได้แยกฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้และบังคับจำนองเป็นคดีนี้ กับอีก 2 คดีตามที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนอง ดังนั้น คำร้องทั้งสองฉบับดังกล่าวของผู้ร้องหาใช่เป็นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองซึ่งผู้ร้องมีบุริมสิทธิในการที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 ซึ่งผู้ร้องจะต้องยื่นคำร้องขอก่อนเอาทรัพย์นั้นออกขายทอดตลาดตามมาตรา 289 วรรคสองไม่ แต่เป็นคำร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์จำนองดังกล่าว ตามมาตรา 287 และเป็นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในฐานะผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเช่นเดียวกับโจทก์จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยตามมาตรา 290

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2889/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับจำนองและการเฉลี่ยทรัพย์: คำร้องของผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
จำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันหนี้ทั้งหลายที่จำเลยมีต่อโจทก์หรือผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกันต่อมาโจทก์และผู้ร้องได้แยกฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้และบังคับจำนอง เป็นคดีนี้กับอีก 2 คดีตามที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนอง ดังนั้น คำร้องทั้งสองฉบับดังกล่าวของผู้ร้องหาใช่เป็นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองซึ่งผู้ร้องมีบุริมสิทธิ์ในการที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289ซึ่งผู้ร้องจะต้องยื่นคำร้องขอก่อนเอาทรัพย์นั้นออกขายทอดตลาดตามมาตรา 289 วรรคสองไม่ แต่เป็นคำร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์จำนองดังกล่าวตามมาตรา 287 และเป็นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในฐานะผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเช่นเดียวกับโจทก์จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยตามมาตรา 290

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2889/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับชำระหนี้จำนอง: คำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์จากเจ้าหนี้บุริมสิทธิที่ยื่นหลังการขายทอดตลาด
จำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันหนี้ทั้งหลายที่จำเลยมีต่อโจทก์หรือผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกันต่อมาโจทก์และผู้ร้องได้แยกฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้และบังคับจำนองเป็นคดีนี้ กับอีก 2 คดีตามที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนอง ดังนั้น คำร้องทั้งสองฉบับดังกล่าวของผู้ร้องหาใช่เป็นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองซึ่งผู้ร้องมีบุริมสิทธิในการที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 ซึ่งผู้ร้องจะต้องยื่นคำร้องขอก่อนเอาทรัพย์นั้นออกขายทอดตลาดตามมาตรา 289 วรรคสองไม่ แต่เป็นคำร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์จำนองดังกล่าว ตามมาตรา 287 และเป็นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในฐานะผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเช่นเดียวกับโจทก์จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยตามมาตรา 290.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5449/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์: ยื่นผิดสำนวนแต่ยังอยู่ในกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ศาลอนุญาตได้
ผู้ร้องยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ครั้งแรกในคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์แทนที่จะยื่นในคดีที่มีการออกหมายบังคับคดีอันเป็นการยื่นผิดสำนวน แต่ศาลในคดีที่ออกหมายบังคับคดีกับศาลในคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์เป็นศาลเดียวกันคือศาลแพ่ง ทั้งตามคำร้องของผู้ร้องดังกล่าวก็ได้ระบุไว้ชัดแจ้งว่าขอเฉลี่ยจากทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดไว้ในคดีนี้ ซึ่งถือได้ว่าผู้ร้องได้ยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ครั้งแรกโดยทำเป็นคำร้องยื่นต่อศาลที่ออกหมายบังคับให้อายัดทรัพย์ของ จำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคแรก ประกอบมาตรา 1(1) แล้ว
ผู้ร้องยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ไว้ในคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ แม้ต่อมาศาลในคดีดังกล่าวได้มีคำสั่งยกคำขอเฉลี่ยทรัพย์ แต่ก็เพื่อที่จะให้ผู้ร้องมายื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้เสียให้ถูกต้อง ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องเท่านั้นหาทำให้สิทธิของผู้ร้องซึ่งได้ยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ต่อศาลโดยชอบแล้วข้างต้นต้องเสียไปไม่ เมื่อคำขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องที่ได้ยื่นไว้ครั้งแรกยังไม่พ้นระยะเวลาตามกฎหมายแม้ผู้ร้องจะยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ต้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ก็ตาม ก็ต้องถือว่าผู้ร้องได้ยื่นคำขอเฉลี่ยทรัพย์ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้ว
of 16