พบผลลัพธ์ทั้งหมด 353 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2087/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อมีผลผูกพันคู่กรณี แม้กรรมสิทธิ์ในที่ดินจะเปลี่ยนมือ
โจทก์เช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างตึกแถวเก็บผลประโยชน์ตลอดเวลาเช่า เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าแล้วโจทก์ยอมให้ตึกแถวตกเป็นของเจ้าของที่ดิน จำเลยได้ทำสัญญาเช่าซื้อตึกแถวจากโจทก์ แม้เมื่อครบกำหนดการเช่าที่ดินแล้วกรรมสิทธิ์ในตึกแถวจะตกเป็นของเจ้าของที่ดิน ก็เป็นสิทธิของบุคคลภายนอกที่จะกล่าวกันต่างหาก แต่ระหว่างโจทก์กับจำเลยย่อมมีผลผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อที่ได้ทำกันไว้ เมื่อจำเลยเข้าอยู่ในตึกแถวโดยอาศัยสิทธิการเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลย และจำเลยมิได้ผิดสัญญาแต่อย่างใด โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะขับไล่จำเลยหรือเรียกค่าเสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าจากผู้ไม่มีสิทธิ: การอยู่โดยละเมิดและการฟ้องขับไล่
โจทก์เป็นเจ้าของตึกพิพาทจำเลยที่3เข้าอยู่ในตึก พิพาทโดยเช่าจาก ส.ซึ่งมีเพียงสิทธิจัดหาคนมาทำสัญญาเช่าตึก พิพาทกับ ม. เจ้าของเดิมเท่านั้น จึงเป็นการเช่าจากผู้ไม่มีสิทธิให้เช่า การอยู่ในตึก พิพาทของจำเลยที่ 3 จึงปราศจากเหตุอันจะอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการอยู่โดยละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยที่ 3 ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าจากผู้ไม่มีสิทธิ & การฟ้องขับไล่ผู้เช่าที่ไม่มีสิทธิในที่ดิน
จำเลยเข้าอยู่ในตึกพิพาทโดยเช่าจากส.แต่ไม่ปรากฏว่าส.มีสิทธินำตึกพิพาทไปให้เช่า คงมีสิทธิแต่เพียงจัดหาคนมาทำสัญญาเช่าตึกพิพาทจาก ม. เจ้าของเดิมเท่านั้น การเช่าของจำเลยจึงเป็นการเช่าจากผู้ไม่มีสิทธิให้เช่า ไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ผู้ซื้อตึกพิพาทมาจาก ม. เจ้าของเดิม และจำเลยมิได้เช่าจากเจ้าของเดิมอันจะมีผลผูกพันถึงโจทก์ การอยู่ในตึกพิพาทของจำเลยจึงปราศจากเหตุจะอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการอยู่โดยละเมิด โจทก์ฟ้องขับไล่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ที่เช่าซึ่งมีค่าเช่าไม่เกิน 5,000 บาท และจำเลยไม่ได้โต้แย้งเรื่องกรรมสิทธิ์หรือสัญญา ทำให้ฎีกาต้องห้าม
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทซึ่งขณะยื่นฟ้องมีค่าเช่า ไม่เกินเดือนละห้าพันบาท และจำเลยมิได้กล่าวแก้ เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาที่ก่อให้เกิดสิทธิอยู่บนที่พิพาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ขับไล่จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 ที่จำเลยฎีกาเรื่องอำนาจฟ้องว่าเจ้าของที่ดินมิได้ต่อสัญญาเช่าแก่โจทก์โจทก์อยู่ในที่ดินอย่างละเมิดเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องอาศัยข้อเท็จจริงเพื่อการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายการเถียงข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่ยุติและต้องห้ามฎีกาเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย มีผลอย่างเดียวกับการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2517/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนำแล้วให้เช่าทรัพย์สินคืน ย่อมทำให้สิทธิจำนำระงับสิ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนำให้จำเลยผู้จำนำเช่าเครื่องจักรอันเป็นทรัพย์สินจำนำย่อมเป็นการยอมให้ทรัพย์สินจำนำกลับคืนไปสู่การครอบครองของผู้จำนำตามความหมายของบทบัญญัติมาตรา 769 (2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิทธิจำนำของผู้ร้องจึงระงับสิ้นไปตามมาตราดังกล่าว ผู้ร้องจึงมิใช่เจ้าหนี้ผู้รับจำนำที่จะร้องขอกันส่วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 287 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2517/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนำแล้วให้เช่าทรัพย์คืน สิทธิจำนำระงับสิ้น ไม่สามารถขอกันส่วนได้
การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนำให้จำเลยผู้จำนำเช่าเครื่องจักรอันเป็นทรัพย์สินจำนำย่อมเป็นการยอมให้ทรัพย์สินจำนำกลับคืนไปสู่การครอบครองของผู้จำนำตามความหมายของบทบัญญัติมาตรา 769(2) แห่ง ป.พ.พ. สิทธิจำนำของผู้ร้องจึงระงับสิ้นไปตามมาตราดังกล่าว ผู้ร้องจึงมิใช่เจ้าหนี้ผู้รับจำนำที่จะร้องขอกันส่วนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287 ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2517/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนำแล้วให้เช่าทรัพย์สินจำนำทำให้สิทธิจำนำระงับสิ้น และไม่มีสิทธิขอกันส่วนตามกฎหมาย
การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนำให้จำเลยผู้จำนำเช่าเครื่องจักรอันเป็นทรัพย์สินจำนำ ย่อมเป็นการยอมให้ทรัพย์สินจำนำกลับคืนไปสู่การครอบครองของผู้จำนำตามความหมายของบทบัญญัติมาตรา 769(2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิทธิจำนำของผู้ร้องจึงระงับสิ้นไปตามมาตรา ดังกล่าว ผู้ร้องจึงมิใช่เจ้าหนี้ผู้รับจำนำที่จะร้องขอกันส่วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 287 ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1109/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าธรรมดา vs. สัญญาต่างตอบแทน: การปรับปรุงอาคารไม่ถือเป็นการตอบแทนสัญญาเช่า
จำเลยที่ 2 ผู้เช่าอาคารมีหนังสือถึงโจทก์ประสงค์ ที่จะรื้ออาคารพิพาทบางส่วนแล้วจะสร้างใหม่เพื่อความสวยงามความปลอดภัย และปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย อันเป็นการกระทำที่มุ่งหมายต่อผลประโยชน์ของจำเลยที่ 2 โดยเฉพาะไม่มีข้อความตอนใดที่ให้ถือเอาการรื้อถอนแล้วก่อสร้างอาคารพิพาทบางส่วนขึ้นใหม่เป็นการตอบแทนในการที่จำเลยที่ 2ได้เช่าอาคารพิพาททั้งหมด แม้โจทก์จะได้รับประโยชน์จากการกระทำของจำเลยที่ 2 ก็เป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้นมิใช่กรณีที่โจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 2 ซ่อมแซมใหญ่ตอบแทนการเช่าอาคารพิพาทต่อไปอีก ส่วนการที่จำเลยที่ 2 ขอทำสัญญาเช่าต่อจากสัญญาเดิมไปอีก 6 ปี แต่โจทก์ให้ต่อเพียง3 ปี นั้น เป็นเพียงการตกลงกันทำสัญญาเช่าธรรมดาโดยขยายเวลาเช่าในสัญญาเดิมออกไปอีก 3 ปี มิใช่มีสัญญาต่างตอบแทนซ้อนอยู่ในสัญญาเช่าอีกโสดหนึ่งด้วย แสดงว่าสัญญาเช่าอาคารพิพาทเป็นสัญญาเช่าธรรมดามิใช่สัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5283/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดินไม่ใช่สัญญาเช่า เกษตรกรจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.เช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
พฤติการณ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยตามที่ปรากฏในคำฟ้องและเอกสารท้ายฟ้องเป็นเรื่องที่โจทก์และจำเลยทำสัญญา จะซื้อขายที่ดินพิพาท มิใช่เรื่องเช่าทรัพย์สิน แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าโจทก์เช่านาจากจำเลย ก็ไม่มีผลเป็นการเช่าที่พิพาท เมื่อโจทก์มิใช่ผู้เช่าที่ดินพิพาท จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 53, 54 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์สถานะ 'บริวาร' ในการบังคับคดี จำเป็นต้องมีหลักฐานการเช่าที่เป็นลายลักษณ์อักษร
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 จัตวา (3) นั้น เมื่อเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแจ้งต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าลูกหนี้หรือบริวารยังไม่ออกไปตามคำบังคับ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปิดประกาศกำหนดเวลาให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายในกำหนดเวลาแปดวัน นับแต่วันปิดประกาศ ถ้าไม่ยื่นภายในกำหนดเวลาดังกล่าวให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นบริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ฉะนั้นผู้ที่อ้างอำนาจพิเศษดังกล่าวจะต้องมีหลักฐานเบื้องต้นมาแสดงต่อศาลมิใช่กล่าวอ้างขึ้นมาลอย ๆ การเช่าช่วงที่ผู้ร้องอ้างตามคำร้องก็คือการเช่านั่นเองเมื่อเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ก็ต้องตกอยู่ภายใต้บังคับของ ป.พ.พ.มาตรา 538 ซึ่งจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลง ลายมือชื่อฝ่ายที่ต้อง รับผิดเป็นสำคัญ แต่ตามคำร้อง ของ ผู้ร้องปรากฏชัดว่าผู้ร้องเช่าช่วงตึกแถวพิพาทจากจำเลยโดยไม่มีสัญญาเช่ากับจำเลยหรือโจทก์ใบเสร็จรับเงินเอกสารท้ายคำร้องก็มิใช่หลักฐานการเช่า เพราะมิได้มีลายมือชื่อของโจทก์หรือจำเลยลงไว้ ดังนั้นผู้ร้องจึงไม่อาจยกการเช่าช่วงขึ้นใช้ยันโจทก์ได้ทั้งนี้ไม่ว่าโจทก์จะรู้เห็นยินยอมด้วยหรือไม่ก็ตาม ทั้งมิใช่เป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าการเช่าอันไม่จำต้องมีหลักฐานการเช่าดังที่ผู้ร้องฎีกา เพราะเงินกินเปล่าที่ผู้ร้องอ้างว่าได้เสียให้ไปนั้นมิใช่เงินช่วยค่าก่อสร้างตึกแถวพิพาท กรณีถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้มีอำนาจพิเศษตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 จัตวา (3) ผู้ร้องซึ่งเป็นบริวารของจำเลย.