คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เช่านา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 83 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2103/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกพื้นที่เช่านา: แม้ไม่มีสัญญาเช่าเป็นหนังสือ แต่การได้รับค่าเช่าถือเป็นการเช่าตามกฎหมาย และการเข้าไปทำนาถือเป็นการรบกวนการครอบครอง
แม้จะได้ความว่าการเช่านาพิพาทไม่มีสัญญาเช่าเป็นหนังสือต่อกัน แต่การที่เจ้าของนายินยอมให้ใช้นาเพื่อทำนาโดยได้รับค่าเช่านา ก็ถือได้ว่า เป็นการเช่านาตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 4เมื่อผู้เสียหายเช่านาพิพาทจากจำเลยผู้เสียหายจึงเป็นผู้ครอบครองนาพิพาท การที่จำเลยเข้าไปไถหว่านข้าวในนาพิพาท จึงเป็นการเข้าไปรบกวนการครอบครอง ของผู้เสียหาย เป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2022/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิซื้อนาของผู้เช่าเมื่อผู้ให้เช่าขายนาให้ผู้อื่นในราคาต่างจากที่แจ้งไว้
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ผู้ให้เช่านาได้ขายนาให้จำเลยที่ 3 ที่ 4 ในราคาที่แตกต่างกันกับที่ได้แจ้งให้โจทก์ผู้เช่านาทราบ และไม่ได้แจ้งราคาขายที่แตกต่างนั้นให้โจทก์ทราบก่อน จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 41 วรรคสองโจทก์จึงมีสิทธิซื้อนาจากจำเลยที่ 3 ที่ 4 ในราคาและตามวิธีการชำระเงินที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ขายให้แก่จำเลยที่ 3 ที่ 4 ได้ ตามมาตรา 41 วรรคสี่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1051/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่านา ต้องเป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ผู้ให้เช่าไม่สามารถใช้คำฟ้องแทนการบอกเลิกได้
แม้ผู้ให้เช่านาจะมีสิทธิบอกเลิกการเช่าก่อนสิ้นกำหนดระยะเวลาการเช่าก่อนสิ้นกำหนดระยะเวลาการเช่า ในกรณีที่ผู้เช่าให้เช่าที่นาเพื่อการอย่างอื่นนอกจากการทำนา โดยมิได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า ดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 32 (3 ก็ตาม แต่การบอกเลิกก็ต้องปฏิบัติตามมาตรา 35 ซึ่งมีวิธีการบอกเลิกการเช่านาเป็นขั้นตอนตามกฎหมายเพื่อให้คณะกรรมการควบคุมการเช่านาได้พิจารณาก่อนว่ามีเหตุสมควรหรือม่อย่างไร โดยให้ผู้เช่ามีโอกาสคัดค้านด้วย โจทก์จะถือเอาคำฟ้องเป็นการบอกเลิกการเช่าไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1051/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่านาต้องเป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ผู้ให้เช่ามิอาจถือฟ้องเป็นการบอกเลิกได้
แม้ผู้ให้เช่านาจะมีสิทธิบอกเลิกการเช่าก่อนสิ้นกำหนดระยะเวลาการเช่าในกรณีที่ผู้เช่าใช้ที่นาเพื่อการอย่างอื่นนอกจากการทำนา โดยมิได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า ดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 32(3) ก็ตามแต่การบอกเลิกก็ต้องปฏิบัติตามมาตรา 35 ซึ่งมีวิธีการบอกเลิกการเช่านาเป็นขั้นตอนตามกฎหมายเพื่อให้คณะกรรมการควบคุมการเช่านาได้พิจารณาก่อนว่ามีเหตุสมควรหรือไม่อย่างไรโดยให้ผู้เช่ามีโอกาสคัดค้านด้วย โจทก์จะถือเอาคำฟ้องเป็นการบอกเลิกการเช่าไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2612/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิซื้อนาของผู้เช่าเมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์ และการไม่ถือว่าการตกลงเช่าเป็นการสละสิทธิซื้อ
น.ขายนาพิพาทให้แก่จำเลยโดยมิได้แจ้งการขายให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าทำนาทราบ โจทก์จึงมีสิทธิซื้อนาพิพาทจากจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 41
โจทก์ร้องเรียนต่อกรมการอำเภอเพื่อขอซื้อนาพิพาทจากจำเลย กรมการอำเภอบันทึกเปรียบเทียบคดีไว้ว่า "ให้จำเลยขายนาพิพาทแก่โจทก์ จำเลยไม่ตกลงขายแต่ยินยอมให้โจทก์เช่านาทำต่อไป โจทก์ตกลง ถ้าโจทก์ประสงค์จะซื้อนาพิพาทก็ให้ไปฟ้องร้องต่อศาล" และบันทึกข้อตกลงของโจทก์จำเลยไว้ว่า "โจทก์ตกลงเช่าทำนาต่อไป จำเลยยอมให้โจทก์เช่าทำนา แต่ยังไม่ยอมขายให้แก่โจทก์ตามราคาที่โจทก์เสนอ" ดังนี้ บันทึกดังกล่าวมีแต่ข้อตกลงเรื่องการเช่านาพิพาทซึ่งแม้จะไม่มีข้อตกลงโจทก์ก็มีสิทธิเช่าจากจำเลย ไม่มีข้อตกลงเกี่ยวกับสิทธิของโจทก์ในเรื่องซื้อนาพิพาทและไม่มีข้อความใดแสดงให้เห็นว่าโจทก์สละสิทธิการซื้อนาพิพาทจากจำเลย แต่มีข้อความว่าถ้าโจทก์จะซื้อนาพิพาทก็ให้ไปฟ้องร้องยังศาล ทั้งตอนท้ายบันทึกยังมีว่าผลการเปรียบเทียบไม่อาจตกลงกันได้ตามความประสงค์ของโจทก์ทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าสิทธิของโจทก์ที่จะซื้อนาพิพาทยังตกลงกันไม่ได้ และยังไม่ได้ตกลงประนีประนอมยอมความกัน จึงไม่ให้สิทธิของโจทก์ที่จะซื้อนาพิพาทระงับไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2594/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่านา: สิทธิผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา และความรับผิดของผู้รับโอนสิทธิ
โจทก์ทำนาของจำเลย ค่าพันธุ์ข้าวปลูกโจทก์จำเลยออกกันคนละกึ่ง ส่วนค่าใช้จ่ายอย่างอื่นโจทก์เป็นผู้ออก ผลประโยชน์ที่ได้จากการทำนาแบ่งกันคนละครึ่ง โจทก์จะทำนาได้มากน้อยเท่าใดแล้วแต่ความสามารถของโจทก์ จำเลยมิได้กำหนดกฎเกณฑ์หรือสั่งการและควบคุมโจทก์ ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยดังกล่าวไม่อยู่ในฐานะนายจ้างลูกจ้าง
การที่จำเลยยอมให้โจทก์ใช้นาพิพาทของจำเลยเพื่อทำนาโดยจำเลยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นข้าวอันเป็นผลผลิตจากการทำนา เช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้เช่านาพิพาทตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 แล้ว แม้การเช่าจะมิได้กำหนดเวลากันไว้ก็ตาม ก็ถือว่าการเช่านารายนี้มีกำหนดเวลา 6 ปี ตามมาตรา 5 แห่งกฎหมายดังกล่าว จำเลยจึงมีหน้าที่ตามกฎหมายต้องให้โจทก์เช่าจนครบ 6 ปี
แม้ว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการควบคุมการเช่านาจะยังไม่ถึงที่สุด เมื่อสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยยังไม่สิ้นสุด และจำเลยขัดขวางมิให้โจทก์เข้าทำนาตามสิทธิ์ โจทก์ย่อมได้รับความเสียหายซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์จะอ้างว่าคนเข้าครอบครองนาพิพาทระหว่างรพอคำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์หาได้ไม่
เดิมโจทก์เช่านาพิพาทกับจำเลยคนหนึ่ง ต่อมาจำเลยคนนั้นโอนนาพิพาทไปให้จำเลยอีกคนหนึ่ง จำเลยผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของจำเลยคนก่อน- ที่มีต่อโจทก์ผู้เช่านา ตามมาตรา 29 แห่งกฎหมายดังกล่าว จำเลยผู้รับโอนจริงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
แม้จำเลยคนหนึ่งจะไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งให้รับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมร่วมกับจำเลยอีกคนหนึ่งผู้ซึ่งจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2594/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่านา: สิทธิผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา และความรับผิดของผู้รับโอนกรรมสิทธิ์
โจทก์ทำนาของจำเลย ค่าพันธุ์ข้าวปลูกโจทก์จำเลยออกกันคนละกึ่งส่วนค่าใช้จ่ายอย่างอื่นโจทก์เป็นผู้ออก ผลประโยชน์ที่ได้จากการทำนาแบ่งกันคนละครึ่ง โจทก์จะทำนาได้มากน้อยเท่าใดแล้วแต่ความสามารถของโจทก์ จำเลยมิได้กำหนดกฎเกณฑ์หรือสั่งการและควบคุมโจทก์ ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยดังกล่าวไม่อยู่ในฐานะนายจ้างลูกจ้าง
การที่จำเลยยอมให้โจทก์ใช้นาพิพาทของจำเลยเพื่อทำนาโดยจำเลยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นข้าวอันเป็นผลผลิตจากการทำนา เช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้เช่านาพิพาทตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 แล้ว แม้การเช่าจะมิได้กำหนดเวลากันไว้ก็ตาม ก็ถือว่าการเช่านารายนี้มีกำหนดเวลา 6 ปีตามมาตรา 5 แห่งกฎหมายดังกล่าว จำเลยจึงมีหน้าที่ตามกฎหมายต้องให้โจทก์เช่าจนครบ 6 ปี
แม้ว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการควบคุมการเช่านาจะยังไม่ถึงที่สุดเมื่อสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยยังไม่สิ้นสุด และจำเลยขัดขวางมิให้โจทก์เข้าทำนาตามสิทธิ์ โจทก์ย่อมได้รับความเสียหายซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์จะอ้างว่าตนเข้าครอบครองนาพิพาทระหว่างรอคำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์หาได้ไม่
เดิมโจทก์เช่านาพิพาทกับจำเลยคนหนึ่ง ต่อมาจำเลยคนนั้นโอนนาพิพาทไปให้จำเลยอีกคนหนึ่ง จำเลยผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของจำเลยคนก่อนที่มีต่อโจทก์ผู้เช่านา ตามมาตรา 29 แห่งกฎหมายดังกล่าว จำเลยผู้รับโอนจึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
แม้จำเลยคนหนึ่งจะไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งให้รับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมร่วมกับจำเลยอีกคนหนึ่งผู้ซึ่งจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2456/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่านาตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มีความหมายพิเศษ แตกต่างจากเช่าทรัพย์สินทั่วไป
การเช่านานั้นพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 4 บัญญัติให้ความหมายไว้เป็นพิเศษแตกต่างไปจากการเช่าทรัพย์สินตาม ที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อมีบทกฎหมายว่าด้วยการเช่านาไว้เป็นพิเศษโดยเฉพาะแล้วจะนำบทบัญญัติทั่วไปว่าด้วยการเช่าทรัพย์สินในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2456/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความแตกต่างของการเช่านาตาม พรบ.ควบคุมการเช่านา กับการเช่าทรัพย์สินทั่วไปตามประมวลกฎหมายแพ่ง
การเช่านานั้นพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 4 บัญญัติให้ความหมายไว้เป็นพิเศษแตกต่างไปจากการเช่าทรัพย์สินตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เมื่อมีบทกฎหมายว่าด้วยการเช่านาไว้เป็นพิเศษโดยเฉพาะแล้วจะนำบทบัญญัติทั่วไปว่าด้วยการเช่าทรัพย์สินในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาเรื่องการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.เช่านา และการเปลี่ยนแปลงคำขอค่าเสียหายในชั้นฎีกา
จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มีสิทธิที่จะเช่านาพิพาทจนครบ 6 ปี แต่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้แต่ศาลชั้นต้น จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 แม้ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าไม่มีเหตุอันสมควรที่จะยกขึ้นวินิจฉัย ก็ไม่ยกขึ้นวินิจฉัยให้
โจทก์มิได้ฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเต็มตามฟ้อง แม้จะได้ขอเช่นนั้นมาในคำแก้ฎีกา ศาลฎีกาก็พิพากษาเพิ่มค่าเสียหายขึ้นไม่ได้
of 9