คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เพิกถอนคำสั่ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 135 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3500/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินคดีไม่มีข้อพิพาทและการเพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งกรรมการมูลนิธิ ผู้มีส่วนได้เสียต้องยื่นคัดค้านในคดีก่อน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งบัญญัติให้ศาลชั้นต้นที่รับคำฟ้องต้องส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยเฉพาะในการดำเนินคดีอย่างคดีมีข้อพิพาท หาได้มีบทบัญญัติให้ต้องมีการส่งหมายและสำเนาคำร้องขอให้แก่ผู้ใดในการดำเนินคดีอย่างคดีไม่มีข้อพิพาทไม่ การที่ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องขอเลิกมูลนิธิของผู้ร้องโดยประกาศคำร้องขอและกำหนดนัดไต่สวนคำร้องในหนังสือพิมพ์รายวันและได้ไต่สวนคำร้องหลังจากครบกำหนดประกาศดังกล่าว 15 วัน โดยไม่ได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำร้องขอของผู้ร้องให้ผู้คัดค้านทั้งห้าก่อนไต่สวนคำร้องของผู้ร้อง จึงชอบแล้ว เมื่อผู้คัดค้านทั้งห้ามิได้ยื่นคำคัดค้านคำร้องขอของผู้ร้องในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นซึ่งไต่สวนและมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการมูลนิธิขึ้นใหม่ตามคำร้องขอของผู้ร้องและคดีถึงที่สุดแล้ว ผู้คัดค้านทั้งห้าจะมีอำนาจร้องขอเป็นคดีนี้ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลดังกล่าวในคดีก่อนได้ต่อเมื่อมีกฎหมายให้สิทธิผู้คัดค้านทั้งห้าร้องขอต่อศาลได้เช่นนั้น แต่กรณีนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้สิทธิผู้ใดร้องขอต่อศาลเช่นนั้นได้ ผู้คัดค้านทั้งห้าจึงไม่มีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลที่แต่งตั้งคณะกรรมการมูลนิธิขึ้นใหม่ในคดีนี้ได้ หากคำสั่งศาลดังกล่าวทำให้สิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายของผู้คัดค้านทั้งห้าถูกโต้แย้งก็ชอบที่ผู้คัดค้านทั้งห้าจะฟ้องผู้ที่โต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของผู้คัดค้านทั้งห้าเป็นคดีอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5539/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลจำหน่ายคดีเพราะความหลงผิด โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดี ศาลมีอำนาจเพิกถอนได้ตามกฎหมาย
วันที่ 8 กันยายน 2531 โจทก์ยื่นคำแถลงว่าส่งหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสี่ไม่ได้ ขอส่งใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งว่า ส่งให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ใหม่ สำหรับจำเลยที่ 4 ให้รอฟังผล การส่งหมายก่อน วันที่ 12 กันยายน 2531 ศาลชั้นต้นสั่งในรายงาน เดินหมายฉบับลงวันที่ 8 กันยายน 2531 ซึ่งรายงานว่าส่งหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 4 ไม่ได้ว่ารอโจทก์แถลง วันที่ 5 ตุลาคม 2531รองจ่าศาลรายงานว่า โจทก์ไม่ได้แถลงหรือขอดำเนินการ ให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 4 ใหม่ เกิน 15 วัน นับแต่ที่ศาลสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์ทิ้งฟ้องให้จำหน่ายคดี เฉพาะจำเลยที่ 4ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งในคำแถลงของโจทก์ เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2531ว่า ให้รอฟังผลการส่งหมายก่อน แล้วต่อมาสั่งในรายงานการเดินหมายเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2531 ให้รอฟังโจทก์แถลง นั้น เป็นการสั่งไปเพราะความหลงผิดว่าโจทก์ ยังมิได้แถลงหรือขอดำเนินการให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง ให้จำเลยที่ 4 ใหม่ไว้แล้ว ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่ต่อเนื่องกับ ที่สั่งไว้ในคำแถลงของโจทก์คำสั่งจำหน่ายคดีจึงเป็นเพราะความหลงผิด ว่าโจทก์มิได้แถลงหรือขอดำเนินการให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง เมื่อโจทก์ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดี ศาลชั้นต้นย่อมมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งนั้นได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4655/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานที่ดิน: ต้องฟ้องพิพาทกรรมสิทธิ์ ไม่ใช่ฟ้องเจ้าพนักงาน
แม้ฟ้องโจทก์อ้างว่า คำสั่งของจำเลยในฐานะเจ้าพนักงานที่ดินที่ให้ออกโฉนดที่ดินพิพาท เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายและความเป็นจริง เพราะที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์เหตุผลเพียงเท่าที่อ้างจะถือว่าจำเลยกระทำการไปโดยไม่ชอบด้วยเหตุผลและไม่สุจริตหาได้ไม่ ทั้งมิได้บรรยายว่าจำเลยรับฟังข้อเท็จจริงหรือใช้ดุลพินิจโดยไม่มีพยานหลักฐานหรือเหตุผลสนับสนุนเพียงพอหรือโดยไม่สุจริต โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเพิกถอนคำสั่งของจำเลย ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 60 ที่ระบุให้ฝ่ายที่ไม่พอใจคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ดินไปดำเนินการฟ้องต่อศาลภายในกำหนด 60 วันนับแต่วันทราบคำสั่ง หมายถึงให้คู่กรณีฟ้องเพื่อขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาเกี่ยวด้วยเรื่องกรรมสิทธิ์ว่าผู้ใดมีสิทธิดีกว่ากัน โดยเจ้าพนักงานที่ดินจะรอเรื่องการออกโฉนดไว้ก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3697/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเพิกถอนคำสั่งให้พ้นจากสมาชิกสภาเทศบาล และการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง กรณีความประพฤติเสื่อมเสีย
ระหว่างที่โจทก์ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาล โจทก์ถูกจับกุมฐานลักลอบเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลได้มีคำพิพากษาว่า โจทก์มีความผิดตาม พ.ร.บ. การพนันฯ ลงโทษปรับ 400 บาท จำเลยที่ 1 เห็นว่าโจทก์มีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ ของ ตำแหน่ง หรือเสื่อมเสียแก่เทศบาลหรือราชการ จึงมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากสมาชิกภาพแห่งสภาเทศบาลตาม พ.ร.บ. การพนันฯลงโทษปรับ 400 บาท จำเลยที่ 1 เห็นว่าโจทก์มีความ ผิดตามที่กฎหมายกำหนด คำสั่งของจำเลยที่ 1 จึงเป็นคำสั่งที่ชอบ ด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนคำสั่งรับฟ้องและการขาดอายุความ: ผลของการเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลและการฟ้องคดีใหม่
โจทก์เคยฟ้องจำเลยในมูลหนี้เดียวกันนี้เป็นคดีล้มละลายต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนดอายุความ ศาลชั้นต้นสั่งรับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา ต่อมาศาลชั้นต้นสั่งเพิกถอนคำสั่งเดิมและมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับฟ้องเนื่องจากจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจของศาลอื่นคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวมีความหมายเป็นอย่างเดียวกันกับคำว่าศาลยกคดีเสียเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 176 ดังนั้น เมื่อกำหนดอายุความในคดีของโจทก์สิ้นไปแล้วก่อนที่ศาลจะสั่งเพิกถอนคำสั่งรับฟ้องเป็นคำสั่งไม่รับฟ้องเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจศาล ประกอบกับเมื่อโจทก์สืบหาภูมิลำเนาของจำเลยแล้วปรากฏว่าจำเลยคงมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลชั้นต้นนั้นเอง และโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ใหม่ภายในกำหนดหกเดือนนับแต่ศาลมีคำสั่ง ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4355/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลหลังศาลเพิกถอนคำสั่งรับฎีกา ศาลมีอำนาจกำหนดเวลาใหม่ได้
เดิมศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น หากจำเลยติดใจอุทธรณ์ให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาวางภายใน 10 วัน จำเลยฎีกาพร้อมทั้งยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ในชั้นฎีกาด้วยศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาและอนุญาตให้ขยายเวลาวางเงินได้ตามคำร้องต่อมาศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งเป็นไม่รับฎีกา แต่มิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ซึ่งขณะนั้นล่วงเลยกำหนดเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมตามคำสั่งศาลอุทธรณ์แล้ว ดังนี้เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมใหม่ ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจกำหนดเวลาให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระได้ เพราะเป็นอำนาจศาลที่มีอยู่ทั่วไปในการดำเนินการพิจารณา และการกำหนดเวลาดังกล่าวมิใช่เป็นการขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 เมื่อจำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลแล้ว จึงชอบที่จะรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4101-4102/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตเลื่อนคดีโดยอ้างอาการป่วย และการเพิกถอนคำสั่งเมื่อพบหลักฐานขัดแย้ง ศาลฎีกาเห็นว่าการสั่งเลื่อนคดีเดิมชอบแล้ว
การที่ศาลเชื่อว่าทนายจำเลยป่วยจริงเพราะมีใบรับรองแพทย์แนบมาพร้อมคำร้องขอเลื่อนคดีจึงอนุญาตให้เลื่อนคดีเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบ มิได้เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 เมื่อการสั่งเลื่อนคดีดังกล่าวไม่เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบแล้ว แม้ความจะปรากฏต่อมาว่าจำเลยเสนอใบรับรองแพทย์ซึ่งไม่ตรงต่อความจริงต่อศาลเพื่อขอเลื่อนคดี ศาลจะยกเลิกเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวในภายหลังหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2192/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสั่งจำหน่ายคดีโดยชอบด้วยกฎหมาย: ศาลต้องพิจารณาตามวันเวลาที่ถูกต้อง หากสั่งโดยผิดพลาด โจทก์มีสิทธิขอเพิกถอนได้
ทนายความโจทก์ได้รับแจ้งจากบุคคลซึ่ง มอบฉันทะให้นำคำร้องขอเลื่อนคดีไปยื่นต่อ ศาลว่าศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีนัดสืบพยานจำเลยใหม่ เวลา 13.30 นาฬิกา เป็นเพียงการได้รับ คำบอกเล่าจากตัวแทนโอกาสผิดพลาดอาจเกิดขึ้นได้ ง่าย แต่ ทนายความโจทก์ได้ ใช้ ความระมัดระวังเยี่ยงวิญญูชนโดย ไปที่ศาลตรวจ ดู บัญชีนัดความที่ประกาศให้ประชาชนทราบก็ระบุว่าศาลนัดเวลา 13.30 นาฬิกา ตรงกันการที่ศาลสั่งจำหน่ายคดีในวันนัดนั้นตั้งแต่ เวลา 9.50 นาฬิกาอ้างว่าโจทก์จงใจขาดนัดพิจารณาเพราะตาม รายงานกระบวนพิจารณาระบุวันนัดสืบพยานจำเลยไว้เวลา 9 นาฬิกา จึงเป็นการสั่งโดย ผิดหลงในข้อที่มุ่งหมายให้การพิจารณาคดีเป็นไปด้วย ความยุติธรรมโจทก์ขอให้เพิกถอนได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลชั้นต้น-อุทธรณ์-ฎีกาในเรื่องทุเลาการบังคับคดี การขอเพิกถอนคำสั่งทุเลาการบังคับต้องยื่นต่อศาลอุทธรณ์
การทุเลาการบังคับคดีและการเพิกถอนคำสั่งที่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดี กฎหมายกำหนดวิธีการให้อยู่ในอำนาจของศาลเป็นชั้น ๆ ไปถ้าเป็นการขอให้เพิกถอนคำสั่งที่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีในระหว่างอุทธรณ์ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งในเรื่องดังกล่าวแล้ว คู่ความจะฎีกาคำสั่งนั้นต่อศาลฎีกาอีกไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และบังคับตามฟ้องแย้งของจำเลยโจทก์อุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีไว้ในระหว่างอุทธรณ์ เช่นนี้การที่จำเลยยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวก่อนศาลอุทธรณ์พิพากษา โดยขอให้ศาลอุทธรณ์ไต่สวนและกำหนดวิธีการห้ามโจทก์และบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกต่อไป ก็เท่ากับเป็นการขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่อนุญาตให้โจทก์ทุเลาการบังคับคดีไว้ในระหว่างอุทธรณ์ และบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น มิใช่เป็นการร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาเพื่อให้ทรัพย์สิน สิทธิ หรือประโยชน์ที่พิพาทกันได้รับความคุ้มครองตาม มาตรา 264 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องแล้ว จำเลยจะฎีกาคำสั่งนั้นอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการทุเลาการบังคับและการเพิกถอนคำสั่ง: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจตัดสินเด็ดขาด ไม่สามารถฎีกาได้
การทุเลาการบังคับและการเพิกถอนคำสั่งที่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับกฎหมายกำหนดวิธีการให้อยู่ในอำนาจของศาลเป็นชั้น ๆ ไป ถ้าเป็นการขอให้เพิกถอนคำสั่งที่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ก็เป็นเรื่องที่ อยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งในเรื่องดังกล่าวแล้ว คู่ความจะฎีกาคำสั่งนั้นต่อศาลฎีกาอีกไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และบังคับตาม ฟ้องแย้งขอจำเลย โจทก์อุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ เช่นนี้ การที่จำเลยยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวก่อนศาลอุทธรณ์พิพากษาโดยขอให้ศาลอุทธรณ์ไต่สวนและกำหนดวิธีการห้ามโจทก์และบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกต่อไป ก็เท่ากับเป็นการขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่อนุญาตให้โจทก์ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ และบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น มิใช่เป็นการร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณา เพื่อให้ทรัพย์สิน สิทธิ หรือประโยชน์ที่พิพาทกันได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 264 แห่ง ป.วิ.พ. เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องแล้ว จำเลยจะฎีกาคำสั่งนั้นอีกไม่ได้.
of 14