พบผลลัพธ์ทั้งหมด 491 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 275/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย และการเพิ่มโทษเจ้าพนักงานที่กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
พยานโจทก์ทั้งสองเบิกความสอดคล้องต้องกันในข้อสาระสำคัญ และต่างเป็นเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน ทั้งจำเลย ก็เป็นเจ้าพนักงานตำรวจเช่นเดียวกับพยานโจทก์ทั้งสอง จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะมาเบิกความปรักปรำจำเลย ส่วนที่พยานโจทก์ทั้งสองเบิกความแตกต่างกันในเรื่องที่ขึ้นไปชั้นสองของตัวบ้านพร้อมกันหรือไม่นั้นเป็นข้อแตกต่างที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ทำให้คำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสองขาดน้ำหนักที่จะรับฟังแต่อย่างใดเมื่อพิจารณาถึงจำนวนเมทแอมเฟตามีนของกลางที่มีจำนวนมาก และมีราคาสูง ตามปกติวิสัยของคนทั่วไปย่อมต้องวางไว้ ข้างตัวเพื่อจะปกป้องได้ทันหากมีเรื่องไม่คาดหมายเกิดขึ้น จึงน่าเชื่อว่าเป็นของจำเลย และจำนวนเมทแอมเฟตามีน ของกลางก็มีมากเกินกว่าจะมีไว้เสพเอง พยานหลักฐานโจทก์ จึงมีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลาง ไว้ในครอบครองเพื่อขาย ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานเสพวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 เป็นสามเท่าของโทษที่กำหนดและลงโทษจำคุก 3 ปี นั้น ยังไม่ถูกต้องเพราะตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดพ.ศ. 2534 มาตรา 3 และมาตรา 10 บัญญัติเพิ่มโทษเฉพาะความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดทางด้านการผลิตนำเข้าส่งออก จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเท่านั้น แม้ปัญหานี้จะไม่มีฝ่ายใดฎีกา แต่เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2361/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษความผิดฐานข่มขืนฯ มาตรา 336 ทวิ เป็นบทเพิ่มโทษ ไม่ใช่ความผิดต่างหาก
ความผิดตาม ป.อ.มาตรา 336 ทวิ เป็นเหตุที่ทำให้ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 335, 335 ทวิ หรือมาตรา 336 ต้องรับโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ กึ่งหนึ่ง หาใช่เป็นความผิดอีกบทหนึ่งต่างหากจากบทมาตราดังกล่าวไม่ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา335 (3) (8) วรรคสาม, 336 ทวิ เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 336 ทวิ ซึ่งเป็นบทหนัก และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามมาจึงไม่ถูกต้องศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องเป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา335 (3) (8) วรรคสาม ประกอบด้วยมาตรา 336 ทวิ, 83
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7263/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำเลยในคดียาเสพติด: เหตุผลทางกฎหมายและข้อจำกัดในการเพิ่มโทษซ้ำ
จำเลยให้การรับสารภาพผิดตามฟ้อง ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดตามฟ้อง ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ด. เพื่อนจำเลยเป็นคนยัดเฮโรอีนของกลางใส่กระเป๋าจำเลย จากนั้นจำเลยเดินมาก็ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมพร้อมของกลาง จำเลยกระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั้น ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คดีก่อนศาลพิพากษาลงโทษจำคุกแต่ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี คดีถึงที่สุดดังนี้ จำเลยย่อมยังไม่ได้รับโทษจำคุก จึงไม่มีวันพ้นโทษที่จะถือเอาเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มโทษจำเลยได้
การที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทเพิ่มโทษจำเลยมาโดยไม่ชอบ แม้จำเลยมิได้ฎีกาในปัญหานี้ แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 เป็นให้ยกคำขอให้เพิ่มโทษจำเลย
คดีก่อนศาลพิพากษาลงโทษจำคุกแต่ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี คดีถึงที่สุดดังนี้ จำเลยย่อมยังไม่ได้รับโทษจำคุก จึงไม่มีวันพ้นโทษที่จะถือเอาเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มโทษจำเลยได้
การที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทเพิ่มโทษจำเลยมาโดยไม่ชอบ แม้จำเลยมิได้ฎีกาในปัญหานี้ แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 เป็นให้ยกคำขอให้เพิ่มโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7263/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำเลยในคดียาเสพติด: ศาลฎีกาแก้ไขโทษที่ไม่ชอบ และวินิจฉัยข้อจำกัดการเพิ่มโทษจากคดีก่อน
จำเลยให้การรับสารภาพผิดตามฟ้อง ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดตามฟ้อง ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ด. เพื่อนจำเลยเป็นคนยัดเฮโรอีนของกลางใส่กระเป๋าจำเลย จากนั้นจำเลยเดินมาก็ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมพร้อมของกลาง จำเลยกระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั้น ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คดีก่อนศาลพิพากษาลงโทษจำคุกแต่ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี คดีถึงที่สุดดังนี้ จำเลยย่อมยังไม่ได้รับโทษจำคุก จึงไม่มีวันพ้นโทษที่จะถือเอาเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มโทษจำเลยได้
การที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทเพิ่มโทษจำเลยมาโดยไม่ชอบ แม้จำเลยมิได้ฎีกาในปัญหานี้ แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 เป็นให้ยกคำขอให้เพิ่มโทษจำเลย
คดีก่อนศาลพิพากษาลงโทษจำคุกแต่ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี คดีถึงที่สุดดังนี้ จำเลยย่อมยังไม่ได้รับโทษจำคุก จึงไม่มีวันพ้นโทษที่จะถือเอาเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มโทษจำเลยได้
การที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทเพิ่มโทษจำเลยมาโดยไม่ชอบ แม้จำเลยมิได้ฎีกาในปัญหานี้ แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 เป็นให้ยกคำขอให้เพิ่มโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7185/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายจำนวนมากกระทบความมั่นคงชาติ ศาลฎีกาเพิ่มโทษจำคุก
จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษชนิด ร้ายแรงในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายถึง 380 เม็ด น้ำหนัก 34.550 กรัม คำนวณเป็น สารบริสุทธิ์ได้หนักถึง 8.886 กรัม ซึ่งถือได้ว่าเป็นจำนวนมากทั้งความผิดดังกล่าวเกี่ยวโยงกับความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศชาติโดยตรงเพราะผู้ที่ซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยไปเสพ นอกจากจะเกิดอันตรายแก่ตัวเองแล้ว ยังอาจจะเป็นอันตรายแก่บุคคลที่อยู่ ข้างเคียงเมื่อผู้เสพเกิดมีอาการเมาเมทแอมเฟตามีนได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำผิดที่ร้ายแรงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ลงโทษจำเลยโดยจำคุก 10 ปีและลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือ 5 ปี นั้นน้อยเกินไป ศาลฎีกาเห็นสมควรกำหนดโทษจำเลยใหม่ให้หนักขึ้นเป็นจำคุก 20 ปีลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6968/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเริ่มนับโทษจำคุกเมื่อจำเลยหลบหนี และการสอบคำให้การเพื่อเพิ่มโทษไม่ผูกพันการรับโทษเดิม
ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลย แต่จำเลยหลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงออกหมายจับจำเลยเพื่อมารับโทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ต้องถือว่าจำเลยอยู่ในระหว่างหลบหนีนับแต่วันออกหมายจับเป็นต้นมา แม้ต่อมาจำเลยถูกจับและคุมขังในคดีอื่นอีกคดีหนึ่ง เมื่อไม่ปรากฏว่าได้มีการแจ้งการควบคุมในคดีนี้ไว้ด้วย จึงต้องฟังว่าที่จำเลยถูกควบคุมตัวนับแต่วันที่ถูกจับตลอดมาเป็นการควบคุมในคดีอื่นอีกคดีหนึ่งเท่านั้นไม่เกี่ยวกับคดีนี้จึงต้องเริ่มนับโทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีนี้นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นได้ออกหมายขังจำเลยไว้ในคดีนี้
การที่ศาลชั้นต้นสอบคำให้การจำเลยในคดีอื่นอีกคดีหนึ่งซึ่งรวมถึงในข้อที่จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกด้วย ก็เป็นการสอบข้อเท็จจริงในข้อที่โจทก์ขอเพิ่มโทษจำเลยเท่านั้น เมื่อจำเลยรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีนี้แล้วข้อเท็จจริงตามคำฟ้องจึงเป็นยุติ ไม่จำเป็นที่ศาลชั้นต้นจะต้องตรวจสอบการรับโทษของจำเลยอีกต่อไป จำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าเป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะรับตัวจำเลยไว้รับโทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีนี้ได้
การที่ศาลชั้นต้นสอบคำให้การจำเลยในคดีอื่นอีกคดีหนึ่งซึ่งรวมถึงในข้อที่จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกด้วย ก็เป็นการสอบข้อเท็จจริงในข้อที่โจทก์ขอเพิ่มโทษจำเลยเท่านั้น เมื่อจำเลยรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีนี้แล้วข้อเท็จจริงตามคำฟ้องจึงเป็นยุติ ไม่จำเป็นที่ศาลชั้นต้นจะต้องตรวจสอบการรับโทษของจำเลยอีกต่อไป จำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าเป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะรับตัวจำเลยไว้รับโทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2023/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษและบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษในคดีพนัน กรณีพ้นโทษไม่ครบ 3 ปี และเหตุไม่สมควรรอการลงโทษ
ศาลพิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติการพนันฯ ในคดีอื่นมาแล้ว 3 คดี ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ชำระค่าปรับตามที่ศาลลงโทษทุกคดีโดยมิได้อุทธรณ์ฎีกาคดีถึงที่สุดแล้ว ดังนี้ถือว่าจำเลยที่ 1 ได้พ้นโทษในคดีที่ศาลได้ลงโทษปรับมาแล้ว แล้วมา กระทำผิดคดีนี้อีกซึ่งยัง ไม่พ้นกำหนด 3 ปี จึงเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติ การพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 14 ทวิ ได้ เมื่อขณะศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้ คดีที่ศาลรอการลงโทษจำเลยไว้ก่อนคดีนี้ยังไม่ถึงที่สุดโดยอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ศาลชั้นต้นจึงยังไม่อาจนำโทษที่รอไว้ในคดีดังกล่าวมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 58 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3990/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัตราโทษจำคุกต่ำกว่าขั้นต่ำตามกฎหมาย ศาลฎีกาไม่อาจเพิ่มโทษได้หากโจทก์มิได้อุทธรณ์
ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยต่ำกว่าอัตราโทษขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนดไว้จึงเป็นคำพิพากษาไม่ชอบ แต่เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์หรือฎีกา ศาลฎีกาก็ไม่อาจจะแก้ไขให้ลงโทษจำคุกจำเลยตามอัตราโทษขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนดไว้ได้ เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยอันขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3942/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำเลยที่เคยต้องโทษและพ้นโทษแล้ว โดยมี พ.ร.บ.ล้างมลทินใช้บังคับ
ศาลล่างทั้งสองเพิ่มโทษจำเลยหนึ่งในสาม เพราะจำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก 2 ปี ฐานปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอม ประกอบโรคศิลปะแผนปัจจุบันสาขาเวชกรรมโดยมิได้รับอนุญาต ขายยาแผนปัจจุบันโดยมิได้รับอนุญาตเมื่อปรากฏว่าได้มี พ.ร.บ.ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา-ภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ปี พ.ศ.2539 มาตรา 4 ล้างมลทินให้แก่จำเลยซึ่งกระทำผิดก่อนวันที่ 9 มิถุนายน 2539 และจำเลยได้พ้นโทษไปแล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ แม้จำเลยมิได้ฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3942/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำเลยจากประวัติอาชญากรรมเดิมขัดกับ พ.ร.บ.ล้างมลทิน ทำให้การเพิ่มโทษไม่ถูกต้อง
ศาลล่างทั้งสองเพิ่มโทษจำเลยหนึ่งในสาม เพราะจำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก 2 ปี ฐานปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอมประกอบโรคศิลปะแผนปัจจุบันสาขาเวชกรรมโดยมิได้อนุญาตขายยาแผนปัจจุบันโดยมิได้รับอนุญาตเมื่อปรากฏว่าได้มีพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาส ที่พระบาทสทเด็จพระปรมินทรมหา-ภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ปี พ.ศ. 2539มาตรา 4 ล้างมลทินให้แก่จำเลยซึ่งกระทำผิดก่อนวันที่9 มิถุนายน 2539 และจำเลยได้พ้นโทษไปแล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้แม้จำเลยมิได้ฎีกาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้