คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เรือ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 90 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1889/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์แม้ลักไม่ได้สำเร็จก็เป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์
จำเลยใช้เครื่องมือตัดลวดร้อยโซ่ล่ามเรือเขาขาดโดยมีเจตนาจะลักเรือ แต่ภรรยาเจ้าของเรือรู้สึกเสียก่อน จำเลยจึงเอาเรือไปไม่ได้ ดังนี้เป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์เรือที่ถูกยึดโดยสหประชาชาติและจำเลยซื้อต่อโดยสุจริต โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
เรือของโจทก์ซึ่งให้บริษัทญี่ปุ่นเช่าไป และภายหลังถูกสหประชาชาติยึดมาให้จำเลยเช่าากเรือลำเลียงให้สหประชาชาติ และเรือนั้นได้เปลี่ยนชื่อใหม่ต่อมาสหประชาชาตได้ขายเรือนั้นให้จำเลย การที่เรือมาตกอยู่ในความครอบครองครองของสหประชาชาตและจำเลยนั้น เป็นไปตามข้อตกลงที่ทำกันระหว่างรัฐบาลไทยกับสหประชาชาต ดังนี้จำเลยผู้รับซื้อย่อมได้กรรมสิทธิ์และเมื่อไม่ปรากฏว่า จำเลยได้รับซื้อไว้โดยไม่สุจริตอย่างใดแล้ว จะถือว่าละเมิดมิได้ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์เรือที่ถูกยึดโดยสหประชาชาติ: การซื้อโดยสุจริตของผู้รับซื้อ
เรือของโจทก์ซึ่งให้บริษัทญี่ปุ่นเช่าไปและภายหลังถูกสหประชาชาติยึดมาให้จำเลยเช่าลากเรือลำเลียงให้สหประชาชาติ และเรือนั้นได้เปลี่ยนชื่อใหม่ต่อมาสหประชาชาติได้ขายเรือนั้นให้จำเลย การที่เรือมาตกอยู่ในความครอบครองของสหประชาชาติและจำเลยนั้น เป็นไปตามข้อตกลงที่ทำกันระหว่างรัฐบาลไทยกับสหประชาชาติ ดังนี้จำเลยผู้รับซื้อย่อมได้กรรมสิทธิ์และเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับซื้อไว้โดยไม่สุจริตอย่างใดแล้ว จะถือว่าละเมิดมิได้ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 642/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความคำว่า 'อับเฉา' ใน พ.ร.บ.ศุลกากร: จำเป็นต้องมีของถ่วงเรือเพื่อเข้าข่ายเป็นเรือที่ต้องมีอับเฉา
ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากรแก้ไขเพิ่มเติม (ฉะบับที่ 3) 2474 ซึ่งแก้ไขมาตรา 49 พ.ร.บ.ศุลกากร 2469 หมายถึง เรือที่บรรทุกสินค้า หรือมิฉะนั้นก็เป็นเรือที่ไม่ได้บรรทุกสินค้าแต่เป็นเรือที่ต้องมีอับเฉา
โจทก์ยอมรับอยู่แล้วว่าอับเฉาหมายถึงของหนักอื่น ๆ ที่ถ่วงท้องเรือกันมิให้เรือโคลง โจทก์จะขอสืบพะยาน เพื่อแปลความหมายของคำว่า อับเฉาให้เป็นอย่างอื่น หาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 642/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความคำว่า 'อับเฉา' ในกฎหมายศุลกากร: ความหมายตามพจนานุกรมและข้อเท็จจริงเป็นสำคัญ
ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากรแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 3)2474ซึ่งแก้ไขมาตรา 49 พระราชบัญญัติศุลกากร2469 หมายถึง เรือที่ที่บรรทุกสินค้าหรือมิฉะนั้นก็เป็นเรือที่ไม่ได้บรรทุกสินค้าแต่เป็นเรือที่ต้องมีอับเฉา
โจทก์ยอมรับอยู่แล้วว่าอับเฉาหมายถึงของหนักอื่นๆที่ถ่วงท้องเรือกันมิให้เรือโคลง โจทก์จะขอสืบพยานเพื่อแปลความหมายของคำว่า อับเฉาให้เป็นอย่างอื่น หาได้ไม่
(อ้างฎีกา 6/2484)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1031/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เรือเป็นพาหนะในการกระทำความผิด ศาลมีอำนาจริบได้ แต่ต้องพิจารณาความเหมาะสมเป็นรายกรณี
จำเลยใช้เรือไปทำการลักอ้อยและบันทุกอ้อย จึงถือได้ว่าจำเลยได้ใช้เรือนี้ในการกระทำความผิด ศาลมีอำนาจริบเรือได้ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 27 แต่รูปคดีนี้ยังไม่สมควรสั่งให้ริบเรือ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1031/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เรือเป็นพาหนะในการกระทำความผิด ศาลมีอำนาจริบได้แต่ยังไม่สมควร
จำเลยใช้เรือไปทำการลักอ้อยและบรรทุกอ้อย จึงถือได้ว่าจำเลยได้ใช้เรือนี้ในการกระทำความผิด ศาลมีอำนาจริบเรือได้ตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 27 แต่รูปคดีนี้ยังไม่สมควรสั่งให้ริบเรือ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1089/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเรือและการโอนกรรมสิทธิ์โดยทุจริต
โจทก์ได้ซื้อเรือต่อระวางบรรทุก 6,67 ตันกรอสจากจำเลยที่ 1โดยทำหนังสือกันเอง และได้ชำระเงินค่าเรือแล้ว จำเลยที่ 1 ได้มอบใบทะเบียนเรือและตัวเรือให้แก่โจทก์ ยังเหลือแต่เพียงไปโอนชื่อแก้ทะเบียนที่กรมเจ้าท่าเท่านั้น โจทก์ย่อมมีสิทธิในเรือลำนี้แล้วต่อมาโจทก์มอบเรือลำนี้ให้แก่จำเลยที่ 2 ไปใช้ โดยจำเลยที่ 2 รู้เป็นอย่างดีแล้วว่า เรือลำนี้โจทก์ขอซื้อจากจำเลยที่ 1 และได้ชำระราคากันเสร็จแล้ว จำเลยที่ 1 ที่ 2 สมรู้กันไปโอนทะเบียนใส่ชื่อจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของ ดังนี้โจทก์ย่อมฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายเรือระหว่างจำเลยที่ 1 กับที่ 2 เสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุบัติเหตุในการขนส่งทางเรือ: ผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิดชอบเมื่อเกิดจากเหตุสุดวิสัยที่ไม่ใช่ความผิดของตน
ในสัญญาขนส่งข้าวสารระบุไว้ว่า ถ้าของที่บันทุกขาดจำนวนหรือเปียกน้ำ ผู้รับจ้างจะใช้ค่าเสียหาย หากถูกพายุหรือเอกซิเด็นท์ใด ๆ ต่างยกเลิกสัญญานี้ทั้งสิน ปรากฏว่าเรือบันทุกข้าวสารขณะจอดอยู่ เรือกลไฟจูงเรือพ่วงตัดหน้าในระยะใกล้ ในขณะนั้นลมแรงและน้ำเชี่ยว เรือพ่วงลำสุดท้ายชนเรือบันทุกข้าวสารหัวเรือแตกน้ำเข้าเรือ เป็นเหตุให้ข้าวสารที่บันทุกเสียหายดังนี้ นับว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุอันเกิดขึ้นแก่การขนส่งตามความมุ่งหมายแห่งสัญญาดังกล่าวนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 605/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายเรือ: ความสมบูรณ์ของสัญญาและการโอนกรรมสิทธิ์
ทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรือขนาด 19 ตันเศษโดยชำระราคาบางส่วน และว่าจะไปทำการโอนกันในวันหน้าแม้จะมอบเรือให้ผู้ซื้อแล้วก็ถือเป็นสัญญาจะซื้อขายไม่ใช่สัญญาซื้อขายเด็ดขาด และเป็นสัญญาที่ต้องฟ้องร้องบังคับตามสัญญาได้
การซื้อขายเรือขนาด 19 ตันเศษ ถ้าเพียงสัญญาจะซื้อขายย่อมไม่ขัดต่อพระราชกฤษฎีกาควบคุมยานพาหนะทางน้ำ
of 9