พบผลลัพธ์ทั้งหมด 187 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2177/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนคำร้องบังคับคดี: สิทธิในการยกเหตุต่อสู้ & เหตุผลสมควรในการขอเลื่อน
แม้ผู้คัดค้านจะมิได้ยกข้อโต้แย้งขึ้นต่อสู้เจ้าพนักงานบังคับคดีไว้ แต่ในวันนัดไต่สวนทนายผู้คัดค้านแถลงว่าจะนำพยานหลักฐานเข้าไต่สวนถึงข้อปฏิเสธหรือโต้แย้งหนี้ที่เรียกร้องเอาแก่ผู้คัดค้าน และยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุประธานกรรมการของผู้คัดค้านย้ายไปรับราชการที่อื่นผู้คัดค้านจึงต้องทำการเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่แทนต่อไป แสดงว่าผู้คัดค้านยังไม่พร้อมจะสู้คดีมีเหตุผลสมควรศาลชั้นต้นต้องทำการไต่สวนและมีคำสั่งตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำขอรับชำระหนี้จากเจ้าหนี้ไม่มีประกันเป็นเจ้าหนี้มีประกันหลังแบ่งทรัพย์สิน - ศาลอนุญาตได้หากมีเหตุผลสมควร
การขอแก้ไขคำขอรับชำระหนี้จากเจ้าหนี้ไม่มีประกันเป็นเจ้าหนี้มีประกันตามมาตรา 97 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 นั้นมาตราดังกล่าวมิได้กำหนดเวลาในการขอแก้ไขไว้ เจ้าหนี้จึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอแก้ไขได้ไม่ว่าระยะเวลาใด ๆ แม้จะได้มีการแบ่งทรัพย์สินครั้งที่สุดแล้วก็ตาม การที่ศาลจะอนุญาตให้แก้ไขหรือไม่ย่อมขึ้นอยู่กับพฤติการณ์แห่งคดีเป็นราย ๆ ไป คดีนี้เมื่อศาลสั่งปิดคดีแล้ว ผู้ร้องเป็นผู้แจ้งต่อผู้คัดค้านว่าลูกหนี้ที่ 2 ยังมีที่ดินที่ลูกหนี้ที่ 2 จำนองไว้แก่ผู้ร้อง ผู้คัดค้านจึงรายงานศาลขอให้มีคำสั่งเปิดคดี ผู้คัดค้านทราบถึงทรัพย์สินของลูกหนี้ก็โดยผู้ร้องเป็นผู้เสนอข้อเท็จจริงต่อผู้คัดค้าน การทราบถึงทรัพย์สินของลูกหนี้ย่อมเป็นประโยชน์แก่เจ้าหนี้อื่น พฤติการณ์เช่นนี้ศาลอาจอนุญาตให้แก้ไขคำขอรับชำระหนี้ได้หากการขอรับชำระหนี้โดยไม่แจ้งว่าเป็นเจ้าหนี้มีประกันนั้นเกิดขึ้นโดยพลั้งเผลอ ผู้ร้องเป็นนิติบุคคล การดำเนินงานแบ่งเป็นแผนกต่าง ๆแม้การดำเนินงานจะต้องสัมพันธ์กันแต่ก็อาจพลั้งเผลอได้การเป็นเจ้าหนี้มีประกันกับเจ้าหนี้สามัญย่อมได้รับประโยชน์ต่างกันมากหากไม่ใช่ความพลั้งเผลอก็คงไม่ละเลยยื่นคำขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้สามัญ เห็นว่าเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้สามัญนั้นเกิดขึ้นโดยพลั้งเผลอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหย่าจากเหตุหมิ่นประมาท/เหยียดหยาม ต้องพิจารณาเหตุผลในการแจ้งความ/ฟ้องร้อง หากมีเหตุผลสมควร ศาลไม่ถือเป็นเหตุหย่า
โจทก์ขายรถยนต์สินสมรสให้แก่บุคคลอื่นโดยที่จำเลยซึ่งเป็นภริยาไม่ทราบ และได้ระบุในบันทึกคำแจ้งความเรื่องขอโอนและขอรับโอนทะเบียนรถยนต์ว่า โจทก์เป็นโสด มีเหตุให้จำเลยเชื่อว่าโจทก์ขายรถยนต์เพื่อประโยชน์ของโจทก์เพียงฝ่ายเดียวการที่โจทก์แจ้งว่าเป็นโสดเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง จำเลยย่อมมีสิทธิรักษาประโยชน์ของตนเองได้ การที่จำเลยแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกล่าวหาว่าโจทก์แจ้งความต่อนายทะเบียนยานพาหนะอันเป็นเท็จดังกล่าว เป็นการใช้สิทธิตามที่มีกฎหมายให้อำนาจเพื่อปกปักและรักษาประโยชน์ในทรัพย์สินของตนตามปกติ จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรงที่จะถือว่าเป็นเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(3) จำเลยเข้าใจว่าเหตุที่ทรัพย์สินที่เป็นสินสมรสระหว่างโจทก์จำเลยถูกยึดในคดีที่ พ.ฟ้องโจทก์ให้ชำระเงินตามเช็คเป็นผลมาจากการกลั่นแกล้งของโจทก์โดยความร่วมมือของ พ.ซึ่งไม่มีหนี้สินต่อกัน ที่จำเลยฟ้องคดีอาญากล่าวหาโจทก์และ พ.ว่าร่วมกันแสดงพยานหลักฐานในคดีดังกล่าวอันเป็นเท็จ จึงเป็นการกระทำที่จำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่า จำเลยมีสิทธิกระทำได้เพื่อป้องกันส่วนได้เสียและปกป้องทรัพย์สินที่จำเลยมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของไม่เป็นการหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรงอันเป็นเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3504/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าล่วงเวลาพนักงานรัฐวิสาหกิจ: ผลกระทบประกาศกระทรวงมหาดไทย และเหตุผลสมควรในการไม่จ่าย
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดกิจการที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2515 ไม่ใช้บังคับได้มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2534 ซึ่งข้อ 3 กำหนดให้ข้อพิพาทหรือคดีของโจทก์ซึ่งยังไม่ถึงที่สุดให้บังคับตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2515 จนกว่าข้อพิพาทหรือคดีจะถึงที่สุด ดังนั้น เมื่อข้อพิพาทหรือคดีของโจทก์ได้เกิดขึ้นก่อนและยังไม่ถึงที่สุดก่อนใช้ประกาศฉบับดังกล่าวข้างต้นจึงนำพระราชบัญญัติพนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2534มาใช้บังคับไม่ได้ จำเลยไม่จ่ายค่าล่วงเวลาให้โจทก์ซึ่งเป็นการกระทำตามระเบียบโดยมีเหตุผลอันสมควร จึงไม่เป็นการกระทำโดยจงใจผิดนัดและไม่มีเหตุสมควร โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 31 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1877/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนคำสั่งศาลและการเลื่อนการไต่สวน: ศาลไม่เห็นควรเพิกถอนคำสั่งงดการไต่สวนเมื่อผู้ร้องไม่มาศาลโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
ศาลให้โอกาสผู้ร้องคัดค้านเลื่อนการไต่สวนมาหลายนัดแล้วและรายงานกระบวนพิจารณานัดสุดท้ายระบุว่า นัดหน้าจะไม่ขอเลื่อนคดีอีก นัดหน้าหากผู้ร้องคัดค้านไม่มาหรือขอเลื่อนคดีอีกก็ยอมให้ถือว่าผู้ร้องคัดค้านไม่ติดใจสืบพยานต่อไป เมื่อผู้ร้องคัดค้านไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้งดการไต่สวนและถือว่าผู้ร้องคัดค้านไม่มีพยานมาสืบได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การ: ศาลต้องคำนึงถึงเหตุผลสมควรและโอกาสที่จำเลยจะทราบเรื่องฟ้อง
ขณะที่เจ้าพนักงานศาลนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้จำเลยนั้นจำเลยไปต่างจังหวัด เจ้าพนักงานศาลจึงปิดหมายไว้ที่บ้านจำเลย แต่หมายเรียกและสำเนาคำฟ้องดังกล่าวอาจถูกบุคคลอื่นมาเอาไปหรือหลุดหายไปก่อนจำเลยกลับก็ได้เมื่อจำเลยไม่ได้รับหมายเรียกหรือพบเห็นหมายเรียกที่ปิดไว้ จะถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6049/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุพยานเพิ่มเติมในคดีภาษีอากร ศาลมีอำนาจอนุญาตหากมีเหตุผลสมควร และการพิพากษาเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์เกินคำขอไม่ได้
โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่า 7 วันซึ่งมีทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสาร รวม 30 อันดับ แต่ก่อนเริ่มสืบพยาน โจทก์ขออนุญาตระบุพยานเพิ่มเติมอีก 2 ครั้ง โดยอ้างว่าโจทก์ไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานหลักฐานดังกล่าวมาสืบเพื่อประโยชน์ของตน คดีนี้มีเอกสารที่โจทก์ต้องอ้างอิงเป็นจำนวนมาก เป็นการยากที่จะทราบและอ้างอิงเอกสารได้ทั้งหมดในคราวเดียวกันเมื่อโจทก์ได้ระบุพยานอ้างเอกสารครั้งแรก รวม 18 อันดับไว้แล้ว การที่โจทก์มาขอระบุบัญชีพยานเพิ่มเติมอีก 2 ครั้ง อ้างพยานเอกสารเพิ่มเติมอีกรวม 8 อันดับ ถือได้ว่ามีเหตุอันสมควรตามข้อกำหนดคดีภาษีอากรข้อ 8 วรรคท้าย แม้ตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์จะมิได้ระบุขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ฉบับเลขที่ 317 ง./2531/1 แต่คำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการประเมินภาษีการค้าของบริษัท ส. เดือนมกราคม-ธันวาคม 2527 ซึ่งโจทก์ได้บรรยายในคำฟ้องข้อที่ 2 แล้วว่าเจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินให้เสียภาษีการค้า เบี้ยปรับ และเงินเพิ่ม 6 ฉบับ รวมทั้งการประเมินภาษีการค้าระหว่างเดือนมกราคม-ธันวาคม 2527 ไว้ด้วย ต่อมาโจทก์ได้อุทธรณ์การประเมินตามแบบหนังสือแจ้งภาษีการค้าทั้ง 6 ฉบับดังกล่าว และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้วินิจฉัยอุทธรณ์แล้ว โจทก์ได้แนบสำเนาคำวินิจฉัยอุทธรณ์ทั้ง 6 ฉบับ มาท้ายฟ้องด้วย ส่วนคำขอท้ายฟ้องก็ได้ขอให้ศาลพิพากษายกเลิกเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3,4 และ 5 รวม 6 ฉบับก็ย่อมเป็นที่เข้าใจอยู่ในตัวแล้วว่าโจทก์ได้ขอให้ศาลเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ฉบับดังกล่าวด้วย ดังนี้ศาลภาษีอากรกลางจึงมีอำนาจพิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ฉบับดังกล่าวนี้ได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินไปกว่า หรือนอกจากที่ปรากฏในฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4584/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การไม่ขัดแย้ง แม้ให้การต่างกันได้ หากมีเหตุผลที่สมควร และสัญญากู้ยืมเป็นสำเนาที่กรอกข้อมูล
แม้จำเลยให้การตอนแรกว่าเคยทำสัญญากู้ยืมเงิน 1 ฉบับให้โจทก์นำไปกู้เงินจากผู้มีชื่อซึ่งเป็นหัวหน้าของโจทก์แต่ต่อมาให้การว่าสัญญากู้ยืมที่โจทก์นำมาฟ้องคดีนี้จะเป็นฉบับเดียวกับที่จำเลยทำให้โจทก์เพื่อกู้ยืมเงินจากผู้มีชื่อหรือไม่จำเลยไม่ขอรับรองก็ตาม เมื่อพิเคราะห์สัญญากู้ยืมเงินที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องปรากฎว่าเป็นสำเนาเอกสารที่กรอกข้อความในช่องว่างทุกช่องรวมทั้งช่องลายมือชื่อผู้เกี่ยวข้องด้วยตัวพิมพ์ดีด จำเลยย่อมไม่อาจทราบได้ว่าสัญญากู้ยืมเงินที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นสัญญากู้ยืมเงินที่จำเลยเคยทำกับผู้มีชื่อดังกล่าวหรือไม่ การที่จำเลยให้การเช่นนั้นจึงมีเหตุผลไม่ถือว่าขัดแย้งกันจนทำให้ไม่มีประเด็นนำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานเนื่องจากจำเลยประวิงคดีและไม่แสดงเหตุผลอันสมควรในการขอเลื่อน
จำเลยยื่นคำร้องในวันนัดสืบพยานจำเลย ขอเลื่อนการสืบพยานจำเลยโดยอ้างว่าพยานจำเลยป่วย ศาลชั้นต้นสั่งที่คำร้องว่าสำเนาให้โจทก์ สั่งในรายงานกระบวนพิจารณา แล้วสั่งในรายงานกระบวนพิจารณามีใจความสำคัญว่า โจทก์คัดค้านและขอให้ตัดพยานจำเลย ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยประวิงคดีจึงให้ถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและให้งดสืบพยานจำเลย คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้เข้าใจได้ว่า ศาลชั้นต้นได้สั่งคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยแล้วโดยสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานจำเลยตามที่จำเลยขอเพราะคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยนั้นมีความหมายในตัวว่าไม่อนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานจำเลย จำเลยมีเจตนาประวิงคดี ศาลชั้นต้นก็ได้ให้โอกาสจำเลยมากมายเป็นพิเศษในการนำพยานมาสืบแล้ว ไม่มีความจำเป็นและไม่มีกฎหมายบังคับว่าศาลจะต้องพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าพยานจำเลยป่วยจริงหรือไม่ ทั้งคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยในนัดสุดท้ายก็มิได้แสดงให้เป็นที่พอใจของศาลว่าถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปจะทำให้เสียความยุติธรรม ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานจำเลยจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2325/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เลิกจ้างไม่เป็นธรรม แม้มีงานอื่นรองรับ นายจ้างต้องมีเหตุผลอันสมควร
งานเดิมที่ลูกจ้างทำอยู่กับนายจ้างได้ยุบเลิกไปแล้ว แต่นายจ้างยังมีงานอื่นอีกหลายแผนกที่สามารถจัดให้ลูกจ้างเข้าปฏิบัติงานได้ตามความเหมาะสม การที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างจึงเป็นการเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุอันจำเป็นหรือเหตุอันสมควร เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม