พบผลลัพธ์ทั้งหมด 144 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4046/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลอกลวงเอาเอกสารสิทธิถือเป็นความผิดฐานฉ้อโกง แม้ไม่ใช่การทำลายเอกสาร
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยหลอกลวงเอาเอกสารสิทธิของโจทก์ไปจากภริยาโจทก์โดยทุจริต แต่จำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงตาม ป.อ.มาตรา 341 เพราะการเอาไปไม่ใช่การถอนหรือทำลายเอกสารสิทธิ โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเฉพาะข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 341การที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้หลอกลวงเอาเอกสารสิทธิของโจทก์ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
คดีมีปัญหาเฉพาะข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน
เอกสารสัญญาแม้เป็นเพียงกระดาษแผ่นเดียวก็ถือว่าเป็นทรัพย์จำเลยหลอกลวงเอาเอกสารสัญญาดังกล่าวไปจากภริยาโจทก์โดยทุจริต จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตาม ป.อ. มาตรา 341
คดีมีปัญหาเฉพาะข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน
เอกสารสัญญาแม้เป็นเพียงกระดาษแผ่นเดียวก็ถือว่าเป็นทรัพย์จำเลยหลอกลวงเอาเอกสารสัญญาดังกล่าวไปจากภริยาโจทก์โดยทุจริต จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตาม ป.อ. มาตรา 341
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4046/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงโดยหลอกลวงเอาเอกสารสิทธิ แม้เป็นเพียงกระดาษแผ่นเดียว ก็ถือเป็นทรัพย์ได้
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยหลอกลวงเอาเอกสารสิทธิของโจทก์ไปจากภริยาโจทก์โดยทุจริต แต่จำเลยไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 เพราะการเอาไปไม่ใช่การถอนหรือทำลายเอกสารสิทธิ โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเฉพาะข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341การที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้หลอกลวงเอาเอกสารสิทธิของโจทก์จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ คดีมีปัญหาเฉพาะข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน เอกสารสัญญาแม้เป็นเพียงกระดาษแผ่นเดียวก็ถือว่าเป็นทรัพย์จำเลยหลอกลวงเอาเอกสารสัญญาดังกล่าวไปจากภริยาโจทก์โดยทุจริตจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3352/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงโดยหลอกลวงให้มอบเช็คที่เป็นเอกสารสิทธิของผู้เสียหาย
จำเลยมาบ้านผู้เสียหายทั้งสองแล้วขอดูเช็คจำนวน 11 ฉบับที่จำเลยมอบแก่ผู้เสียหายที่ 1 ไว้เพื่อชำระหนี้เงินกู้ว่ามียอดเงินรวมทั้งหมดเท่าใดผู้เสียหายที่ 1 หลงเชื่อมอบเช็คทั้ง 11 ฉบับให้จำเลยดู จำเลยได้เอาเก็บใส่กระเป๋าทำทีรื้อค้นของในกระเป๋าอยู่ครู่หนึ่ง เสร็จแล้วบอกผู้เสียหายที่ 1 ว่าเช็คของจำเลยหมด ขอมอบเช็คเอกสารหมาย จ.1 แก่ผู้เสียหายที่ 1 ไว้แทนซึ่งเป็นเช็คที่จำเลยทราบว่าผู้ออกเช็คเพิ่งถึงแก่ความตายโดยอุบัติเหตุในวันเดียวกันนั้น และบอกว่าวันที่ 3 พฤศจิกายน 2532 จำเลยจะนำเงินมาชำระให้โดยไม่ต้องนำเช็คเอกสาร-หมาย จ.1 ไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารโดยจำเลยยืนยันว่าเป็นเช็คที่ได้รับชำระหนี้มา ถึงวันนัดจำเลยไม่นำเงินมาชำระกลับบอกให้ผู้เสียหายทั้งสองนำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร ผู้เสียหายที่ 1 ให้ผู้เสียหายที่ 2 นำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2532 แล้ว ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ผู้เสียหายที่ 1 จึงทวงถามเงินจากจำเลย จำเลยกลับเพิกเฉยพฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตหลอกลวงผู้เสียหายที่ 1 ให้มอบเช็ค11 ฉบับคืนให้จำเลยโดยจำเลยเจตนาที่จะไม่ชำระหนี้ตามเช็คดังกล่าวให้ผู้เสียหายที่ 1 มาแต่ต้น ในขณะที่กล่าวหลอกลวงผู้เสียหายที่ 1 นั้น แล้วเป็นเหตุให้จำเลยได้ไปซึ่งเช็ค 11 ฉบับ อันเป็นเอกสารสิทธิ ถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินตามกฎหมายของผู้เสียหายที่ 1 ไปจากผู้เสียหายที่ 1 โดยจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าผู้ออกเช็คถึงแก่ความตายไปก่อนแล้ว เช็คเอกสารหมาย จ.1 ไม่สามารถเรียกเก็บเงินจากธนาคารได้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำขอให้จำเลยคืนเงินที่จำเลยฉ้อโกงผู้เสียหาย โจทก์ไม่อุทธรณ์คำขอดังกล่าวจึงยุติตั้งแต่ศาลชั้นต้น โจทก์จะขอให้จำเลยคืนเงินดังกล่าวในชั้นฎีกาอีกไม่ได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำขอให้จำเลยคืนเงินที่จำเลยฉ้อโกงผู้เสียหาย โจทก์ไม่อุทธรณ์คำขอดังกล่าวจึงยุติตั้งแต่ศาลชั้นต้น โจทก์จะขอให้จำเลยคืนเงินดังกล่าวในชั้นฎีกาอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3231/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คดีอาญาข้อหาปลอมแปลงเอกสารสิทธิ: ศาลต้องพิจารณาอัตราโทษเพื่อวินิจฉัยว่าอุทธรณ์ได้หรือไม่
การอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงในคดีอาญานั้น ศาลจะต้องพิจารณาอัตราโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมายสำหรับข้อหาแต่ละกระทงความผิดตามฟ้องว่าต้องห้ามอุทธรณ์หรือไม่ ไม่ใช่ความผิดที่พิจารณาได้ความข้อหาปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมตามฟ้อง มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาทคดีโจทก์ในข้อหาดังกล่าวจึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1367/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกาศนียบัตรผู้ใหญ่ไม่ใช่เอกสารสิทธิ แต่เป็นเอกสารราชการ, ศาลมีอำนาจลดโทษแม้ไม่ฎีกา
ประกาศนียบัตรหลักสูตรการศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จขั้นพื้นฐาน (ประถมศึกษาปีที่ 4) เป็นเอกสารราชการที่แสดงว่า ผู้ได้รับประกาศนียบัตรนั้นจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4ไม่ได้เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวนหรือระงับซึ่งสิทธิ ประกาศนียบัตรดังกล่าวจึงเป็นเอกสารราชการ แต่ไม่ใช่เอกสารสิทธิ
ข้อนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ มีเหตุสมควรลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยลดโทษให้ได้
ข้อนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ มีเหตุสมควรลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยลดโทษให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1367/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกาศนียบัตรผู้ใหญ่ไม่ใช่เอกสารสิทธิปลอม การปลอมแปลงเอกสารราชการแต่ไม่เข้าข่ายเอกสารสิทธิ
ประกาศนียบัตรหลักสูตรการศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จขั้นพื้นฐาน(ประถมศึกษาปีที่ 4) เป็นเอกสารราชการที่แสดงว่า ผู้ได้รับประกาศนียบัตรนั้นจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ไม่ได้เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวนหรือระงับซึ่งสิทธิประกาศนียบัตรดังกล่าวจึงเป็นเอกสารราชการ แต่ไม่ใช่เอกสารสิทธิ ข้อนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาในชั้นอุทธรณ์มีเหตุสมควรลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แม้จำเลยที่ 1 จะไม่ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยลดโทษให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1101/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิและการใช้เอกสารปลอม โจทก์เป็นผู้เสียหาย แม้ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์
จำเลยนำใบมอบอำนาจ 2 ฉบับที่โจทก์ลงลายมือชื่อไว้ในช่องผู้มอบอำนาจไปกรอกข้อความว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้จำเลยไปจัดการยกที่ดินโฉนดเลขที่ 561 ให้แก่จำเลยโดยเสน่หาและมอบอำนาจให้จำเลยขายที่ดินโฉนดเลขที่ 558,559 ให้แก่จำเลยทั้งจำเลยยังทำหนังสือขึ้นอีกฉบับหนึ่งว่าภรรยาโจทก์ให้ความยินยอมในการทำนิติกรรมนั้นโดยโจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้จำเลยกระทำการเช่นนั้นเลย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 โจทก์เป็นเจ้าของลายมือชื่อเมื่อจำเลยเอาลายมือชื่อไปใช้โดยโจทก์ไม่ยินยอม โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายโดยไม่จำต้องวินิจฉัยว่าที่ดินที่ไปจัดการโอนตามใบมอบอำนาจจะเป็นของโจทก์หรือไม่ การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกลักเอาหนังสือมอบอำนาจที่โจทก์ลงลายมือชื่อในช่องผู้มอบอำนาจไว้แล้วไปกรอกข้อความลงในหนังสือมอบอำนาจเป็นการปลอมเอกสารสิทธิ ต่อมาจำเลยใช้เอกสารปลอมดังกล่าวไปยื่นต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อให้หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ถือได้แล้วว่า โจทก์ได้บรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ซึ่งเป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว ไม่จำต้องระบุว่ามีบุคคลใดร่วมหรือสมคบกับจำเลยเพราะโจทก์ไม่ได้ฟ้องบุคคลอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2720/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องทุกข์ไม่ใช่เอกสารสิทธิ การหลอกลวงให้ถอนคำร้องทุกข์ไม่เป็นความผิดฉ้อโกง
คำร้องทุกข์มิใช่เอกสารสิทธิตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1(9) ดังนั้นไม่ว่าจำเลยจะมีเจตนาทุจริตหลอกลวงผู้เสียหายให้ถอนคำร้องทุกข์หรือไม่ก็ตาม ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2599/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารสิทธิ-ความผิดฐานปลอมแปลง-ใช้เอกสารปลอม: ศาลแก้เป็นกรรมเดียว
สมุดคู่ฝากบัญชีเงินฝากพิเศษมีข้อความแสดงว่าผู้ฝากได้ฝากเงินไว้ที่ธนาคารย่อมเป็นหลักฐานแห่งการก่อตั้งสิทธิแก่ผู้ฝากที่จะเรียกถอนเงินฝากคืน หาใช่เพียงแต่แสดงรายการการฝากเงินและชื่อ ผู้ฝากไม่ จึงเป็นเอกสารสิทธิ การที่จำเลยที่ 1 ปลอมเอกสารต่าง ๆ แล้วนำไปยื่นแสดงต่อ ว.ผู้ช่วยกงสุล สถานกงสุลสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทยนั้น กระทำไปเพื่อประสงค์ให้เจ้าหน้าที่กงสุลดังกล่าวออกหนังสือผ่านแดน (วีซ่า)ให้จำเลยที่ 1 เดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา การปลอมเอกสารของจำเลยที่ 1 ย่อมเห็นได้ว่ามีเจตนาอย่างเดียวที่จะให้เจ้าหน้าที่กงสุลดังกล่าวออกหนังสือผ่านแดน (วีซ่า) ให้เท่านั้น ดังนั้น การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการตาม ป.อ. มาตรา 265 เพียงกรรมเดียว แม้เอกสารที่จำเลยที่ 1 ทำปลอมขึ้นจะเป็นเอกสารต่างชนิดกันก็หาทำให้เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันไม่ และการที่จำเลยที่ 1นำเอกสารต่าง ๆ ตามฟ้องไปยื่นแสดงต่อ ว. ซึ่งเป็นความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการปลอมอีกกรรมหนึ่ง แต่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ปลอมเอกสารเหล่านั้นเอง จึงลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานใช้เอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการปลอมได้เพียงกระทงเดียว ตามป.อ. มาตรา 268 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5709/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีพิพาทที่ดิน: การโต้แย้งสิทธิเดิม และการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอผ่อนผันแจ้งการครอบครองเพื่อขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ต่อที่ดินอำเภอในที่พิพาทต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ซึ่งดำรงตำแหน่งนายอำเภอ ที่ดินอำเภอ และปลัดอำเภอตามลำดับเป็นผู้รับผิดชอบและมีอำนาจออกเอกสารใบจอง หนังสือรับรองการทำประโยชน์และทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินในเขตอำนาจ ย่อมทราบดีว่าที่ดินแปลงใดเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่าหรือไม่ ได้ร่วมกันดำเนินการจัดสรรออกใบจอง และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทับที่พิพาทให้จำเลยที่ 4 กับทำนิติกรรมโอนขายที่ดินระหว่างจำเลยที่ 4 กับที่ 6ถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยโดยไม่จำต้องฟังผลคำพิพากษาอีกคดีหนึ่งว่าใครเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท
ปัญหาว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้อนหรือไม่ ศาลได้มีคำพิพากษาในประเด็นข้อนี้แล้วว่าไม่เป็นฟ้องซ้อน ปัญหาข้อนี้จึงยุติ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
การที่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยที่ 4 บางส่วนได้ออกทับที่ดินของโจทก์ เป็นการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์คลาดเคลื่อนอันกระทบกระเทือนสิทธิของโจทก์ในส่วนที่ไม่ถูกต้องเท่านั้น ซึ่งสามารถแก้ไขให้ถูกต้องตามความเป็นจริงได้ โจทก์จะขอให้เพิกถอนทั้งหมดหาได้ไม่
ปัญหาว่า ที่พิพาทคดีนี้เป็นคนละแปลงกับที่ดินซึ่งศาลพิพากษาว่าเป็นที่ของโจทก์ในอีกคดีหนึ่งนั้น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทั้งมิได้เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
ปัญหาว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้อนหรือไม่ ศาลได้มีคำพิพากษาในประเด็นข้อนี้แล้วว่าไม่เป็นฟ้องซ้อน ปัญหาข้อนี้จึงยุติ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
การที่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยที่ 4 บางส่วนได้ออกทับที่ดินของโจทก์ เป็นการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์คลาดเคลื่อนอันกระทบกระเทือนสิทธิของโจทก์ในส่วนที่ไม่ถูกต้องเท่านั้น ซึ่งสามารถแก้ไขให้ถูกต้องตามความเป็นจริงได้ โจทก์จะขอให้เพิกถอนทั้งหมดหาได้ไม่
ปัญหาว่า ที่พิพาทคดีนี้เป็นคนละแปลงกับที่ดินซึ่งศาลพิพากษาว่าเป็นที่ของโจทก์ในอีกคดีหนึ่งนั้น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทั้งมิได้เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.