คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไต่สวน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 271 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4285/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดี: ศาลต้องไต่สวนเหตุผล หากมีเหตุผลสมควร แม้ใบมอบฉันทะมีปัญหา
จำเลยที่1ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนและเพิกถอนคำสั่งขาดนัดพิจารณาโดยอ้างว่าได้ทำใบมอบฉันทะมอบให้ธ. มาแล้วแต่ธ.ไม่ได้นำไปแสดงต่อศาลเพราะหลงลืมทั้งได้คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลไว้ด้วยคำร้องจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208แล้วศาลต้องไต่สวนและมีคำสั่งตามรูปคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา209และการที่ธ.ไม่ได้นำใบมอบฉันทะมาแสดงต่อศาลก็ดีการที่ธ. ปลอมใบมอบฉันทะก็ดีเป็นการกระทำของธ. ไม่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยที่1ซึ่งเป็นฝ่ายขาดนัดมาศาลได้หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4285/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนคำสั่ง ศาลต้องไต่สวนหากจำเลยอ้างเหตุสมควร
จำเลยที่1ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งไต่สวนและเพิกถอนคำสั่งที่สั่งว่าจำเลยที่1ขาดนัดพิจารณาโดยอ้างว่าได้ทำใบมอบฉันทะมอบให้เสมียนทนายมาแล้วแต่เสมียนทนายไม่ได้นำไปแสดงต่อศาลในการขอเลื่อนสืบพยานจำเลยเพราะหลงลืมทั้งในคำร้องได้คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นไว้ด้วยคำร้องของจำเลยที่1จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208แล้วการที่เสมียนทนายไม่ได้นำใบมอบฉันทะมาแสดงต่อศาลก็ดีหรือการที่เสมียนทนายปลอมใบมอบฉันทะก็ดีเป็นการกระทำของเสมียนทนายไม่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยที่1ซึ่งเป็นฝ่ายขาดนับมาศาลได้หรือไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา209ศาลชั้นต้นต้องทำการไต่สวนและมีคำสั่งต่อไปตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2778/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไต่สวนคำร้องขอเป็นคู่ความแทนจำเลยผู้มรณะก่อนอ่านคำพิพากษา ศาลต้องดำเนินการให้ถูกต้องก่อน
จำเลยถึงแก่กรรมระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค3ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค3ให้ก. ฟังโดยระบุว่าเป็นทนายจำเลยโดยไม่ได้ทำการไต่สวนคำร้องของก. ที่ขอเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยผู้มรณะดังนั้นศาลอุทธรณ์ภาค3จะพิพากษาคดีไปโดยที่ยังไม่มีคำสั่งอนุญาตให้ทายาทของจำเลยผู้มรณะหรือผู้จัดการทรัพย์มรดกของจำเลยผู้มรณะเป็นคู่ความแทนจำเลยผู้มรณะหาได้ไม่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค3จึงไม่ชอบยังถือไม่ได้ว่าก. ทายาทได้เข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยโดยชอบแต่ประการใดก. จึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1187/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพคำฟ้องโดยผู้ไม่รู้ภาษาไทย: การไต่สวนและพิสูจน์ความเข้าใจ
ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยเป็นคนไทยแต่ไม่รู้ภาษาไทยเพียงพอและขณะศาลชั้นต้นสอบคำให้การจำเลยไม่มีล่ามช่วยแปลนั้นศาลชั้นต้นได้ไต่สวนปัญหานี้ตามคำสั่งของศาลฎีกาแล้วปรากฏว่าจำเลยสามารถพูดและเข้าใจภาษาไทยสามารถตอบคำถามทนายจำเลยโจทก์และศาลเป็นภาษาไทยโดยมิต้องใช้ล่ามแปลดังนั้นเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพโดยเข้าใจสภาพแห่งข้อหาและคำฟ้องแล้วกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นสอบคำให้การจำเลยบันทึกคำให้การรับสารภาพของจำเลยไว้จึงเป็นกระบวนพิจารณาที่ชอบไม่ชอบเหตุที่จะให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ จำเลยอ้างว่าเป็นคนมีสัญชาติไทยจำเลยก็อาจขอพิสูจน์สัญชาติได้ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ.2522มาตรา57

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตยื่นคำให้การและการไต่สวนข้อเท็จจริงว่าจำเลยทราบการถูกฟ้องหรือไม่ ศาลต้องไต่สวนก่อน
การที่จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การโดยอ้างว่าขณะที่มีการปิดสำเนาคำฟ้องที่ภูมิลำเนาของจำเลยจำเลยไปพักอาศัยอยู่กับบุตรที่ต่างจังหวัดนั้นยังไม่พอฟังว่าจำเลยจงใจจะไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนดการที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโดยไม่ได้ไต่สวนให้ได้ความว่าจำเลยทราบว่าตนถูกฟ้องแล้วไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนดก่อนจึงไม่ชอบและการที่ศาลอุทธรณ์ภาค1วินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคหนึ่งก็เป็นการไม่ชอบเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8178/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไต่สวนคำร้องขอตั้งผู้จัดการประกอบกิจการพาณิชย์ - พฤติการณ์ประวิงคดี
นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์จนถึงวันที่จำเลยยื่นคำร้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 307 เป็นเวลาประมาณ 8 เดือนจำเลยทั้งสองมิได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์แต่อย่างใด และจำเลยยังไม่เคยติดต่อโจทก์เพื่อจะชำระหนี้ด้วย พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยมิได้ขวนขวายที่จะชำระหนี้ให้แก่โจทก์ หากจำเลยประกอบการพาณิชยกรรมมีรายได้ประจำปีเพียงพอที่จะชำระหนี้ให้แก่โจทก์ได้จริง จำเลยก็สามารถจะระบุมาในคำร้องได้ว่าจำเลยมีรายได้จากกิจการดังกล่าวมากน้อยเพียงใด และจะชำระหนี้ให้แก่โจทก์ได้ครบถ้วนเมื่อใด การที่จำเลยกล่าวในคำร้องลอย ๆ ว่า จำเลยใช้ทรัพย์สินที่ถูกยึดประกอบการพาณิชยกรรมมีรายได้ประจำปีเพียงพอที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ โดยมิได้กล่าวถึงจำนวนรายได้และกำหนดเวลาที่จะชำระให้เสร็จสิ้นมาด้วยเช่นนี้ จึงไม่มีเหตุให้น่าเชื่อว่าจำเลยจะมีรายได้จากการที่กล่าวแล้วพอที่จะชำระหนี้ให้แก่โจทก์ดังที่อ้าง พฤติการณ์ของจำเลยน่าเชื่อว่าเป็นการประวิงคดีมิให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาในเวลาอันควร กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะไต่สวนเพื่อตั้งผู้จัดการประกอบกิจการพาณิชยกรรมแทนการสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินตาม ป.วิ.พ.มาตรา 307 และตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 21 (4) ก็มิได้บังคับว่าศาลต้องทำการไต่สวนทุกกรณีที่คู่ความยื่นคำร้องขอเข้ามา แต่ให้อำนาจศาลที่จะไต่สวนตามคำขอหรือไม่ แล้วแต่ศาลพิจารณาเห็นสมควร ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องโดยไม่ไต่สวนก่อนชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6684/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการไต่สวนสัญญาจำนำประกันหนี้ ศาลต้องไต่สวนสืบพยานให้ครบถ้วนก่อนมีคำสั่ง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานเพิกถอนการบังคับคดี เพิกถอนการยึด และมีคำสั่งให้ปล่อยเงินที่ยึดจำนวน 2,400,200 บาท กับขอให้ไต่สวนข้อโต้แย้งและการปฏิเสธส่งเงินจากบัญชีเงินฝากประจำของจำเลยที่มีอยู่กับผู้ร้องซึ่งผู้ร้องอ้างว่าเงินฝากประจำศาลแพ่งสั่งอายัดชั่วคราวไว้ และบัญชีเงินฝากประจำดังกล่าว จำเลยได้จำนำประกันหนี้ของจำเลยที่มีอยู่กับผู้ร้อง และจำเลยมีหนังสือยินยอมให้หักเงินในบัญชีชำระหนี้ผู้ร้องได้ ดังนี้เป็นกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าจำเลยไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินฝากคืนจากผู้ร้อง โจทก์จึงไม่มีสิทธิขออายัดอันเป็นกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าศาลแรงงานออกหมายบังคับคดีและดำเนินการบังคับคดีเอาแก่ผู้ร้องเป็นการไม่ชอบ ซึ่งศาลแรงงานจะต้องไต่สวนตามที่เห็นสมควรแล้วมีคำสั่งอนุญาตหรือยกคำขอนั้น แต่ในการไต่สวนศาลแรงงานสอบข้อเท็จจริงจากผู้ร้องเพียงฝ่ายเดียว และผู้ร้องส่งอ้างเอกสารเป็นพยานแล้วศาลแรงงานมีคำสั่งให้งดการไต่สวน และมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง เมื่อปรากฏว่าคดีนี้ผู้ร้องไม่ได้นำสืบพยานบุคคลประกอบว่าการจำนำตามบัญชีเงินฝากดังกล่าวของจำเลยมีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดอย่างไร ผู้ร้องจึงไม่ยอมส่งเงินตามที่ศาลสั่งอายัด สำหรับฝ่ายโจทก์ซึ่งคัดค้านเข้ามา ก็ไม่ปรากฏว่าศาลแรงงานได้สอบถามว่ายอมรับข้อเท็จจริงข้อไหนอย่างไร ที่ผู้ร้องอ้างมาบ้าง ดังนั้น ข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานได้มาจากการสอบถามกับเอกสารที่ผู้ร้องส่งอ้างเป็นพยานก็ดีและข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยของศาลแรงงานก็ดี ยังไม่เพียงพอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมายของศาลฎีกาในปัญหาว่าที่ศาลแรงงานมีคำสั่งยืนยันให้ผู้ร้องส่งเงินอายัดเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 311ประกอบด้วยมาตรา 312 วรรคหนึ่ง เพราะจะต้องไต่สวนและเห็นว่าเป็นที่พอใจว่าหนี้ที่เรียกร้องนั้นมีอยู่จริงก่อนมีคำสั่งยืนยันให้ผู้ร้องส่งเงินตามที่โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดไปหรือไม่ และหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าหนี้ที่เรียกร้องไม่มีอยู่จริง การออกหมายบังคับเอาแก่ผู้ร้องต่อมาจะเป็นการออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้นอันผู้ร้องจะยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานมีคำสั่งให้ยกหมายบังคับคดีเสียได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 296 วรรคแรก และวรรคสามประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522มาตรา 31 หรือไม่ ซึ่งศาลฎีกาไม่อาจก้าวล่วงไปวินิจฉัยข้อเท็จจริงของคดีแรงงานได้ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา56 ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานทำการพิจารณาสืบพยานในข้อที่เกี่ยวกับสัญญาจำนำประกันหนี้ต่าง ๆ ที่จำเลยมีกับผู้ร้อง ตลอดถึงข้อกำหนดและเงื่อนไขเกี่ยวกับการจำนำระหว่างผู้ร้องกับจำเลย แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6684/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีจากคำสั่งอายัดทรัพย์สิน จำเป็นต้องไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องสัญญาจำนำและสิทธิเรียกร้องอย่างละเอียดก่อน
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานเพิกถอนการบังคับคดีเพิกถอนการยึด และมีคำสั่งให้ปล่อยเงินที่ยึดจำนวน2,400,200 บาท กับขอให้ไต่สวนข้อโต้แย้งและการปฏิเสธส่งเงินจากบัญชีเงินฝากประจำของจำเลยที่มีอยู่กับผู้ร้องซึ่งผู้ร้องอ้างว่าเงินฝากประจำศาลแพ่งสั่งอายัดชั่วคราวไว้ และบัญชีเงินฝากประจำดังกล่าว จำเลยได้จำนำประกันหนี้ของจำเลยที่มีอยู่กับผู้ร้อง และจำเลยมีหนังสือยินยอมให้หักเงินในบัญชีชำระหนี้ผู้ร้องได้ ดังนี้เป็นกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าจำเลยไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินฝากคืนจากผู้ร้อง โจทก์จึงไม่มีสิทธิขออายัดอันเป็นกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าศาลแรงงานออกหมายบังคับคดีและดำเนินการบังคับคดีเอาแก่ผู้ร้องเป็นการไม่ชอบ ซึ่งศาลแรงงานจะต้องไต่สวนตามที่เห็นสมควรแล้วมีคำสั่งอนุญาตหรือยกคำขอนั้นแต่ในการไต่สวนศาลแรงงานสอบข้อเท็จจริงจากผู้ร้องเพียงฝ่ายเดียว และผู้ร้องส่งอ้างเอกสารเป็นพยานแล้วศาลแรงงานมีคำสั่งให้งดการไต่สวน และมีคำสั่งยกคำร้องของ ผู้ร้อง เมื่อปรากฏว่าคดีนี้ผู้ร้องไม่ได้นำสืบพยานบุคคลประกอบว่าการจำนำตามบัญชีเงินฝากดังกล่าวของจำเลยมีเงื่อนไขหรือข้อจำกัดอย่างไร ผู้ร้องจึงไม่ยอมส่งเงินตามที่ศาลสั่งอายัด สำหรับฝ่ายโจทก์ซึ่งคัดค้านเข้ามาก็ไม่ปรากฏว่าศาลแรงงานได้สอบถามว่ายอมรับข้อเท็จจริงข้อไหนอย่างไร ที่ผู้ร้องอ้างมาบ้าง ดังนั้น ข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานได้มาจากการสอบถามกับเอกสารที่ผู้ร้องส่งอ้าง เป็นพยานก็ดีและข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยของศาลแรงงานก็ดี ยังไม่เพียงพอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมายของศาลฎีกาในปัญหาว่าที่ศาลแรงงานมีคำสั่งยืนยันให้ผู้ร้องส่งเงินอายัดเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 311 ประกอบด้วยมาตรา 312 วรรคหนึ่ง เพราะจะต้องไต่สวนและ เห็นว่าเป็นที่พอใจว่าหนี้ที่เรียกร้องนั้นมีอยู่จริงก่อนมีคำสั่งยืนยันให้ผู้ร้องส่งเงินตามที่โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดไปหรือไม่ และหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าหนี้ที่เรียกร้องไม่มีอยู่จริง การออกหมายบังคับเอาแก่ผู้ร้องต่อมาจะเป็นการออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้นอันผู้ร้องจะยื่นคำร้องขอให้ศาลแรงงานมีคำสั่งให้ยก หมายบังคับคดีเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคแรกและวรรคสาม ประกอบด้วย พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 หรือไม่ซึ่งศาลฎีกาไม่อาจก้าวล่วงไปวินิจฉัยข้อเท็จจริงของคดีแรงงานได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 56 ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานทำการพิจารณาสืบพยานในข้อที่เกี่ยวกับสัญญาจำนำประกันหนี้ต่าง ๆ ที่จำเลยมีกับผู้ร้อง ตลอดถึงข้อกำหนดและเงื่อนไขเกี่ยวกับการจำนำระหว่างผู้ร้องกับจำเลย แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4694/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยป่วย: ศาลต้องไต่สวนเพื่อพิสูจน์อาการป่วยก่อนวินิจฉัย
ในวันนัดสืบพยานนัดแรกซึ่งเป็นการนัดสืบพยานจำเลยทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุว่าไม่สามารถมาศาลได้เนื่องจากป่วยเป็นไข้หวัดมีอาการปวดศีรษะไอเจ็บคออ่อนเพลียโจทก์รับสำเนาคำร้องแล้วแถลงคัดค้านว่าทนายจำเลยไม่ป่วยจริงดังนั้นศาลชอบที่จะดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา41วรรคหนึ่งคือตั้งเจ้าพนักงานไปทำการตรวจทนายจำเลยหรือให้แพทย์ไปตรวจด้วยแล้วพิจารณาจากรายงานของผู้ที่ศาลตั้งให้ไปตรวจดังกล่าวหากเชื่อว่าทนายจำเลยป่วยจริงก็อนุญาตให้เลื่อนคดีไปตามขอแต่หากอาการป่วยไม่ร้ายแรงถึงกับจะมาศาลไม่ได้ก็ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการขาดนัดหรือการไม่มาศาลของทนายจำเลยการที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไปในทันทีว่าไม่น่าเชื่อว่าทนายจำเลยจะป่วยถึงขนาดมาศาลไม่ได้จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบโดยไม่ได้ดำเนินการไต่สวนหรือตั้งผู้ใดไปตรวจสอบจึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3574/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินการตามคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การที่ถูกต้อง การนัดสืบพยานย่อมยกเลิกหากยังไม่ได้ไต่สวนคำร้อง
ศาลชั้นต้นกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่27ธันวาคม2536และจำเลยทราบนัดแล้วแต่ก่อนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การเมื่อวันที่21ธันวาคม2536ว่าจำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องวันที่7พฤศจิกายน2536จึงได้ติดต่อโจทก์โจทก์นัดให้จำเลยมาทำยอมที่ศาลวันที่17ธันวาคม2536ครั้นถึงกำหนดนัดโจทก์ไม่มาศาลโจทก์หลอกลวงจำเลยเพื่อให้พ้นกำหนดระยะเวลายื่นคำให้การจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การศาลชั้นต้นสั่งคำร้องจำเลยในวันเดียวกันว่า"สำเนาให้โจทก์นัดไต่สวนให้จำเลยนำส่งภายใน7วันไม่พบหรือไม่มีผู้รับให้ปิด"ดังนี้จำเลยต้องนำส่งสำเนาให้แก่โจทก์ภายในวันที่28ธันวาคม2536ซึ่งยังไม่แน่นอนว่าจะส่งหมายให้แก่โจทก์ได้หรือไม่หรืออาจจะต้องปิดหมายตามคำสั่งของศาลชั้นต้นกรณีถือได้ว่าจำเลยได้แจ้งให้ศาลทราบก่อนเริ่มสืบพยานถึงเหตุที่ตนมิได้ยื่นคำให้การ เมื่อยังไม่ปรากฏว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่หรือมีเหตุสมควรประการอื่นใดศาลชอบที่จะได้ทำการไต่สวนเสียก่อนที่จะมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การตามที่จำเลยร้องขอเมื่อศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนไว้แม้จะมิได้กำหนดวันนัดไต่สวนไว้ด้วยก็ต้องถือว่าคดีอยู่ระหว่างการนัดไต่สวนคำร้องวันนัดสืบพยานโจทก์ที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ในวันที่27ธันวาคม2536ซึ่งยังอยู่ในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยนำส่งสำเนาคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การให้แก่โจทก์ย่อมถือว่ายกเลิกไปโดยปริยายจนกว่าศาลชั้นต้นจะดำเนินการไต่สวนแล้วเสร็จและมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การเสียก่อนการที่ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่27ธันวาคม2536ว่านัดสืบพยานโจทก์และนัดไต่สวนขออนุญาตยื่นคำให้การของจำเลยจำเลยไม่มาศาลถือว่าจำเลยไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุนคำร้องให้ฟังได้ว่าการขาดนัดยื่นคำให้การของจำเลยมิได้เป็นไปโดยจงใจและยกคำร้องนั้นจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา199วรรคหนึ่งและวรรคสองเพราะศาลชั้นต้นมิได้นัดไต่สวนคำร้องขอยื่นคำให้การของจำเลยในวันดังกล่าวและการที่สั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวก็เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบเช่นกันเพราะคดียังอยู่ในระหว่างระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยนำส่งสำเนาคำร้องขอยื่นคำให้การแก่โจทก์และวันนัดสืบพยานโจทก์เป็นอันยกเลิกไปแล้ว
of 28