คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่ปฏิบัติตาม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 120 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1837/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ปฏิบัติตามคำรับรองศาลเรื่องพยาน และผลของการขอเลื่อนคดี
จำเลยระบุอ้างพยานบุคคลไว้ 3 ปาก พยานสองปากแรกเป็นพยานนำพยานปากที่ 3 เป็นพยานหมาย แต่ในวันสืบพยานจำเลยนัดแรกและนัดที่ 2 จำเลยมิได้ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานแต่อย่างใดเพิ่งขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานให้มาศาลในนัดที่ 3 โดยมีคำขอก่อนวันนัดเพียง 6 วัน แล้วอ้างว่าส่งหมายเรียกไม่ได้และขอเลื่อนคดีอีก อันเป็นการขัดต่อคำรับรองของจำเลยที่ได้แถลงในนัดก่อนว่าถ้าพยานไม่มาก็ให้ถือว่าไม่ติดใจสืบ จึงไม่มีเหตุผลสมควรให้เลื่อนคดีอีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องฎีกาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล แม้จะมีการระบุวันรับทราบคำสั่งในเอกสาร
ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยและให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฎีกา แม้จำเลยยื่นฎีกาในวันที่ 5 เมษายน 2532 และศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันที่ 7 เมษายน2532 โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยลงชื่อทราบคำสั่งของศาลในวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งก็ตาม แต่ในคำฟ้องฎีกาดังกล่าวมีข้อความให้ผู้ฎีกามาทราบคำสั่งของศาลในวันที่ 10 เมษายน 2532 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว และทนายจำเลยได้ลงชื่อรับทราบไว้ตอนท้ายข้อความ จึงต้องถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งของศาลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2532 แล้ว การที่จำเลยมิได้นำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงเป็นการทิ้งฟ้องฎีกา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องฎีกาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกาให้คู่ความ
จำเลยที่ 1 ยื่นฎีกาในวันที่ 5 เมษายน 2532 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 ในวันที่ 7 เมษายน 2532 และให้จำเลยที่ 1 นำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฎีกาแม้จะไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ลงชื่อรับทราบคำสั่งของศาลในวันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งก็ตาม แต่เมื่อในคำฟ้องฎีกามีข้อความบันทึกให้ผู้ฎีกามาทราบคำสั่งของศาลในวันที่ 10 เมษายน 2532 ถ้าไม่มาให้ถือว่าทราบคำสั่งแล้ว และทนายจำเลยที่ 1 ได้ลงชื่อรับทราบไว้ตอนท้ายข้อความดังกล่าว กรณีเช่นนี้จึงต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ได้ทราบคำสั่งของศาลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2532 แล้ว การที่จำเลยที่ 1 มิได้นำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดจึงเป็นการทิ้งฟ้องฎีกา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการวางเงินหรือหาประกันเพื่ออุทธรณ์คำสั่งศาล
ในการตรวจ อุทธรณ์ที่จำเลยยื่นต่อ ศาลชั้นต้นนั้น ศาลชั้นต้นอาจตรวจ ทั้งในข้อที่คดีต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๔ ๒๓๐ รวมตลอด ทั้งตรวจ อุทธรณ์-เพื่อปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์นั้นในเหตุอื่นตาม มาตรา ๒๓๐วรรคสอง และมาตรา ๒๓๒ ด้วย.
ศาลชั้นต้นตรวจ อุทธรณ์ของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๒ แล้วมีคำสั่งว่าอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ไม่รับอุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งว่าผู้อุทธรณ์ไม่วางเงินและหาประกันมาวางเพื่อใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมและหนี้ตาม คำพิพากษาให้ส่งอุทธรณ์ไปศาลอุทธรณ์ ซึ่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๓๔ บัญญัติว่า ให้ผู้อุทธรณ์นำค่าฤชาธรรมเนียมและเงินที่ต้อง ชำระตาม คำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อ ศาล เมื่อจำเลยมีหน้าที่ต้อง ปฏิบัติตาม บทกฎหมายดังกล่าวแต่ ไม่ปฏิบัติ ศาลอุทธรณ์จึงถือว่าคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นชอบแล้ว จำเลยจะฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่าจำเลยไม่จำต้องนำเงินหรือหาประกันตาม บทกฎหมายดังกล่าวหาได้ไม่ คำสั่งศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฎีกาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกาและไม่แถลงเหตุผล
จำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา ให้จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ นำส่งสำเนาฎีกาภายใน ๑๕ วัน ส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ มิฉะนั้นถือ ว่าทิ้งฎีกาเจ้าหน้าที่ศาลส่งหมายนัด สำเนาฎีกาให้โจทก์ไม่ได้ เมื่อจำเลยที่ ๓ที่ ๔ เพิกเฉย มิได้แถลงให้ศาลดำเนินการอย่างไรต่อไปภายในกำหนด ๑๕วันนับแต่วันที่ส่งหมายนัดสำเนาฎีกาให้โจทก์ไม่ได้ตาม คำสั่งศาลชั้นต้น ถือว่าจำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ทิ้งฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๔(๒).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฎีกาเนื่องจากจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกาและไม่ได้ดำเนินการใดๆ เมื่อส่งไม่ได้
จำเลยที่ 3 ที่ 4 ยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา ให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 นำส่งสำเนาฎีกาภายใน 15 วัน ส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฎีกาเจ้าหน้าที่ศาลส่งหมายนัด สำเนาฎีกาให้โจทก์ไม่ได้ เมื่อจำเลยที่ 3ที่ 4 เพิกเฉย มิได้แถลงให้ศาลดำเนินการอย่างไรต่อไปภายในกำหนด15 วันนับแต่วันที่ส่งหมายนัด สำเนาฎีกาให้โจทก์ไม่ได้ตามคำสั่งศาลชั้นต้น ถือว่าจำเลยที่ 3 ที่ 4 ทิ้งฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทิ้งฎีกาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการนำส่งสำเนาฎีกาและการแถลงเหตุ
จำเลยที่ 3 ที่ 4 ยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา ให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 นำส่งสำเนาฎีกาภายใน 15 วัน ส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ มิฉะนั้นถือ ว่าทิ้งฎีกาเจ้าหน้าที่ศาลส่งหมายนัด สำเนาฎีกาให้โจทก์ไม่ได้ เมื่อจำเลยที่ 3ที่ 4 เพิกเฉย มิได้แถลงให้ศาลดำเนินการอย่างไรต่อไปภายในกำหนด 15วันนับแต่วันที่ส่งหมายนัดสำเนาฎีกาให้โจทก์ไม่ได้ตาม คำสั่งศาลชั้นต้น ถือว่าจำเลยที่ 3 ที่ 4 ทิ้งฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2532 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการรอการลงโทษและคุมประพฤติเนื่องจากจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดแล้ว
ในคดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด ๓ เดือนและปรับ ๑,๕๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ๒ ปี คุมประพฤติ๑ ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ ๓ เดือนต่อครั้งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ จำเลยไม่ไปรายงานตัวตามกำหนดศาลชั้นต้นยกเลิกการคุมประพฤติและเปลี่ยนโทษจากการรอการลงโทษจำคุกเป็นไม่รอการลงโทษ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษาแล้วคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๓ ย่อมเป็นที่สุดตามพระราชบัญญัติวิธีดำเนินการคุมประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๒๒มาตรา๑๗ วรรคสอง จำเลยจะฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3277/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดหลายกรรมจากการก่อสร้างผิดกฎหมายและการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน
ฟ้องโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ให้รื้อถอนอาคารตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ. 2522 มาตรา 42 วรรคสอง และมาตรา 65 ด้วยนั้น เมื่อตามมาตรา 65 ดังกล่าวระบุว่า "ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา42 วรรคสอง...ต้องระวางโทษ..." ดังนี้ เมื่อจำเลยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 42 วรรคสอง ย่อมหมายถึงจำเลยได้กระทำความผิดฐานนี้ด้วย จำเลยจึงต้องรับโทษตามมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวอีกกรรมหนึ่ง การที่จำเลยก่อสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ถือเป็นการกระทำความผิดไปกรรมหนึ่งแล้วเมื่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งให้ระงับการก่อสร้าง จำเลยยังคงสร้างต่อไปอีก จึงเป็นการกระทำผิดกรรมหนึ่งต่างไปจากกรรมแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3003/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันจากการท้าสาบาน - การไม่ปฏิบัติตามถือว่ายอมแพ้คดี
ใบแต่งทนายความของจำเลยระบุให้ทนายความมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใดไปในทางจำหน่ายสิทธิของจำเลยได้ เช่น การยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง การประนีประนอมยอมความ ฯลฯในวันชี้สองสถาน ทนายโจทก์และทนายจำเลยตกลงท้ากันว่า หากโจทก์และผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกับโจทก์ไปสาบานที่ วัดพระแก้วกับ วัดบ้านแหลม โดยจำเลยจะเป็นผู้นำสาบานว่าโจทก์กับพวกไม่ได้เคลื่อนย้ายหลักเขตที่ดินมุม ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ แล้วจำเลยไม่ติดใจถือว่ายอมแพ้ ก่อนถึงวันนัดสาบานตามคำท้า ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยโดยอ้างว่าความคิดเห็นไม่ตรงกัน เนื่องจากได้แจ้งเรื่องคำท้าให้จำเลยทราบแล้วจำเลยไม่ยอมรับ คำท้า แต่จะให้มีการสืบพยานต่อไป ในคำร้องดังกล่าวจำเลยได้ลงชื่อรับทราบข้อความและไม่คัดค้านไว้ ทั้งในวันนัดสาบานตามคำท้าทนายจำเลยก็แถลงยืนยันตามข้อความในคำร้องดังกล่าวจึงต้องฟังว่าจำเลยได้ทราบวันนัดสาบานตามคำท้าแล้ว แม้ในวันที่คู่ความแถลงท้ากันจำเลยไม่ได้ไปศาลก็ตาม เมื่อคำท้ามีผลผูกพันจำเลย จำเลยสามารถปฏิบัติตามคำท้านั้นได้โดยไปเป็นผู้นำสาบานตามคำท้า แต่จำเลยไม่ไป ถือได้ว่าจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามคำท้าจึงต้องตกเป็นฝ่ายแพ้คดี
of 12