พบผลลัพธ์ทั้งหมด 55 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวหรือต่างกรรมกัน: ศาลฎีกาไม่รับพิจารณาประเด็นข้อเท็จจริงที่ศาลล่างตัดสินแล้ว
การกระทำของจำเลยเปนกรรมและวาระเดียวกันหรือไม่เปนข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 870/2478
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการครอบครองทรัพย์สินหาย: ปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา
ข้อตีว่าจำเลยกระทำโดยเจตนาทุจจริตหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง อ้างฎีกา 915/2477
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 423/2478
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปัญหาข้อเท็จจริงเบิกความเท็จ: ศาลฎีกาไม่รับพิจารณาหากเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ปัญหาข้อเท็จจริงคำเบิกความเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริงอ้างฎีกาที่ 783/2476 ที่ 664/2477 ที่ 256/2478
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11102/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และการกำหนดทุนทรัพย์ที่ผิดพลาด ทำให้ฎีกาไม่รับพิจารณา
คดีนี้ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยจดทะเบียนขายฝากที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างแก่โจทก์ราคา 50,000 บาท และวินิจฉัยว่าจำเลยใช้สิทธิไถ่ถอนการขายฝากไม่ชอบเนื่องจากก่อนนำเงินสินไถ่ไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์จำเลยไม่เคยมาพบโจทก์เพื่อขอชำระหนี้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตกเป็นของโจทก์ และพิพากษาให้ขับไล่จำเลยพร้อมบริวารออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ขายฝาก กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ฝ่ายเดียวโดยโจทก์มิได้แก้อุทธรณ์ ข้อเท็จจริงย่อมฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยทำสัญญาขายฝากที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ในราคา 50,000 บาท จึงถือได้ว่าทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ในส่วนฟ้องเดิมและฟ้องแย้งมีเพียง 50,000 บาท ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดทุนทรัพย์ชั้นอุทธรณ์ 51,000 บาท โดยนำเงินที่จำเลยวางเป็นค่าใช้จ่ายการวางทรัพย์ 1,000 บาท มารวมเป็นทุนทรัพย์ชั้นอุทธรณ์จึงไม่ถูกต้อง อุทธรณ์ของจำเลยจึงต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยใช้สิทธิไถ่ถอนการขายฝากโดยชอบเพราะก่อนที่จำเลยจะนำเงินไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์นั้น จำเลยได้พบโจทก์และขอให้โจทก์รับสินไถ่แล้ว อุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้น จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยย่อมเป็นการไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 242 (1) ปัญหาตามฎีกาของโจทก์จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 4 ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13056/2553
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาฎีกาต้องมีเหตุสุดวิสัย หรือเหตุพิเศษก่อนสิ้นกำหนด มิเช่นนั้นฎีกาไม่รับพิจารณา
การขอขยายระยะเวลาฎีกาเป็นการขอขยายระยะเวลาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 จะกระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและศาลมีคำสั่งหรือคู่ความมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลานั้น เว้นแต่กรณีมีเหตุสุดวิสัย ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2552 จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาฎีกาเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2552 ซึ่งเป็นการยื่นคำร้องต่อศาลเมื่อสิ้นระยะเวลาฎีกาแล้ว ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาได้เฉพาะเมื่อมีเหตุสุดวิสัย ตามคำร้องดังกล่าวจำเลยอ้างเหตุว่าทนายจำเลยมิได้ร่วมรับฟังการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 และทางศาลแจ้งให้ทนายจำเลยทราบภายหลัง ประกอบกับทนายจำเลยต้องการเวลาในการจัดทำข้อมูลเพื่อให้แพทย์ประจำเรือนจำจังหวัดราชบุรีตรวจสอบว่าจำเลยเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งตัวและเสื่อมสมรรถภาพทางเพศจริงหรือไม่ ข้ออ้างตามคำร้องของจำเลยไม่ใช่เหตุสุดวิสัยที่ทำให้จำเลยไม่อาจยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาฎีกาภายในกำหนดฎีกาได้ คำร้องขอขยายระยะเวลาฎีกาของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติข้างต้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาฎีกาถึงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2542 ตามคำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่ 16 ตุลาคม 2552 จึงไม่ชอบ จำเลยไม่มีสิทธิยื่นฎีกาเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ให้จำเลยฟัง ปัญหานี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาแต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 ดังนั้น การที่จำเลยยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งล่วงเลยกำหนดฎีกาดังกล่าวแล้วจึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 216 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกามานั้นไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลย