คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,111 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 48/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาอุกฉกรรจ์ พยานหลักฐานโจทก์ไม่หนักแน่นเพียงพอที่จะพิสูจน์ความผิดจำเลยได้ ศาลฎีกายกฟ้อง
คดีอุกฉกรรจ์มีโทษหนักถึง ประหารชีวิต พยานหลักฐานโจทก์จะต้องชัดแจ้งหนักแน่นมั่นคงโดยไม่มีข้อตำหนิใดๆให้เป็นที่ประจักษ์ได้เมื่อโจทก์ ไม่มีประจักษ์พยานคงมีแต่พยานเหตุผลแวดล้อมกรณีซึ่งเบิกความไม่สอดคล้องกันจึงไม่น่าเชื่อถือประกอบกับจำเลยให้ การปฏิเสธตลอดมาตั้งแต่ต้นคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4792/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมโทษคดีอาญา: คดีไม่เกี่ยวพันกันไม่อาจรวมโทษได้
คำร้องของจำเลยที่ขอให้นับโทษคดีนี้รวมกับโทษจำคุกตลอดชีวิตอีกคดีหนึ่งนั้นมิได้แสดงว่าคดีทั้งสองเกี่ยวพันกันอย่างไร และโจทก์อาจฟ้องรวมกันมาในคดีเดียวกันได้หรือไม่ หรือหากโจทก์ฟ้องแยกกันมาศาลอาจมีคำสั่งให้รวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันเพื่อความสะดวกแก่การพิจารณาพิพากษา ทั้งยังปรากฏว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าผู้อื่น ส่วนคดีที่จำเลยขอให้นับโทษคดีนี้รวมกับคดีดังกล่าวนั้น จำเลยถูกฟ้องในข้อหาต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ โดยเหตุเกิดต่างวันกันด้วย จึงเป็นคดีที่ไม่เกี่ยวพันกัน ไม่อาจรวมการพิจารณาพิพากษาได้ หากจะให้รวมการนับโทษตามคำร้องของจำเลยก็เท่ากับว่าผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุก 50 ปีถ้ากระทำความผิดอื่นอีกก็ไม่ต้องรับโทษ ซีงมิใช่เจตนารมณ์ของกฎหมายประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4792/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษคดีอาญาที่เกี่ยวพันกัน: ต้องแสดงความเกี่ยวพันที่อาจฟ้องรวมกันได้
คำร้องของจำเลยที่ขอให้นับโทษคดีนี้รวมกับโทษจำคุกตลอดชีวิตอีกคดีหนึ่งนั้นมิได้แสดงว่าคดีทั้งสองเกี่ยวกับพันกันอย่างไรและโจทก์อาจฟ้องรวมกันมาในคดีเดียวกันได้หรือไม่หรือหากโจทก์ฟ้องแยกกันมาศาลอาจมีคำสั่งให้รวมการพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันเพื่อความสะดวกแก่การพิจารณาพิพากษาทั้งยังปรากฏว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าผู้อื่นส่วนคดีที่จำเลยขอให้นับโทษคดีนี้รวมกับคดีดังกล่าวนั้นจำเลยถูกฟ้องในข้อหาต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่โดยเหตุเกิดต่างกันด้วยจึงเป็นคดีที่ไม่เกี่ยวพันกันไม่อาจรวมการพิจารณาพิพากษาได้หากจะให้รวมการนับโทษตามคำร้องของจำเลยก็เท่ากับว่าผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุก50ปีถ้ากระทำความผิดอื่นอีกก็ไม่ต้องรับโทษซึ่งมิใช่เจตนารมณ์ของกฎหมายประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4788/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขบทและโทษในคดีอาญา: ศาลอุทธรณ์แก้ไขเป็นบทหนักกว่าเดิมได้หรือไม่ และการวินิจฉัยข้อกฎหมายของศาลฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่2มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา290วรรคแรกจำคุก4ปีศาลอุทธรณ์ภาค3พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่2มีความผิดตามมาตรา288อีกบทหนึ่งให้ลงโทษตามมาตรา288ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก20ปีโดยแก้ไขทั้งบทและโทษเป็นการแก้ไขมากจึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่2ฐานร่วมกับพวกฆ่าผู้ตายโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288,83ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยที่2กับพวกทำร้ายผู้ตายโดยไม่มีเจตนาฆ่าจึงลงโทษตามมาตรา290วรรคแรกหากศาลอุทธรณ์ภาค3ฟังว่าจำเลยที่2ทำร้ายผู้ตายโดยมีเจตนาฆ่าก็ต้องปรับบทลงโทษตามมาตรา288,83ตามฟ้องเพียงบทเดียวจะพิพากษาว่าจำเลยที่2มีความผิดตามมาตรา288,83อีกบทหนึ่งและลงโทษตามบทนี้ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดไม่ได้และเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4779/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลต้องถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีอาญา
คดีแพ่งคู่ความตกลงกันให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีไปตามคำเบิกความของพยานในคดีอาญาโดยไม่มีการสืบพยาน เมื่อปรากฏว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งตามที่ตกลงกันดังกล่าวศาลก็ต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4779/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกัน ศาลต้องถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาอาญา
คดีแพ่งคู่ความตกลงกันให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีไปตามคำเบิกความของพยานในคดีอาญาโดยไม่มีการสืบพยานเมื่อปรากฎว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งตามที่ตกลงกันดังกล่าวศาลก็ต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา46ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4702/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสอบสวนคดีอาญา: พิจารณาจากภูมิลำเนาจำเลย และการสอบสวนความผิดต่างกรรม
คดีนี้ไม่ว่าความผิดอาญาได้เกิดในเขตอำเภอ ดอนสักจังหวัดสุราษฎร์ธานีหรือเกิดในเขตอำเภอ ขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราชก็ตามแต่เมื่อปรากฎว่าจำเลยทั้งเจ็ดมีที่อยู่ในเขตอำนาจของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอ ขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราชแล้วพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอ ขนอม ย่อมมีอำนาจสอบสวนความผิดคดีนี้ได้การสอบสวนจึงชอบแล้วโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องต่อศาลชั้นต้นซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนในท้องที่ดังกล่าวได้ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ การแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา134นั้นหาได้หมายความว่าพนักงานสอบสวนจะต้องแจ้งข้อหาทุกกระทงความผิดไม่แม้เดิมตั้งข้อหาหนึ่งแต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฎว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดข้อหาอื่นด้วยก็เรียกได้ว่ามีการสอบสวนในความผิดข้อหาหลังตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา120แล้วทั้งการทำไม้หวงห้ามการแปรรูปไม้ในเขตควบคุมการมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองและการมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นการกระทำอันเป็นความผิดต่างกรรมกันดังนั้นแม้จะมิได้มีการแจ้งข้อหาจำเลยที่4และที่7ฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปแต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฎว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดข้อหานี้ด้วยก็เรียกได้ว่ามีการสอบสวนในความผิดข้อหานี้แล้วโจทก์มีอำนาจฟ้องศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยที่4และที่7ในความผิดข้อหานี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3631/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า vs. ทำร้ายร่างกาย: การลงโทษซ้ำซ้อนในคดีอาญา
เมื่อวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำโดยมีเจตนาฆ่าและลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายแล้วการกระทำอันเดียวกันนี้เองจำเลยไม่มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายอีกบทหนึ่งคงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายเพียงบทเดียวเท่านั้นปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์และฎีกาในคดีอาญาที่มีอัตราโทษจำกัดตามกฎหมาย
เฉพาะข้อหาความผิดตาม ป.อ.มาตรา 371 ที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษนั้น อัตราโทษอย่างสูงที่กฎหมายกำหนดไว้ให้ปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาท ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา 193 ทวิ การที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งหมดรวมถึงอุทธรณ์ดุลพินิจในการกำหนดโทษซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงสำหรับข้อหาความผิดตามมาตรา 371 ด้วย โดยมิได้รับอนุญาตจากผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรืออัยการสูงสุดลงลายมือชื่อรับรองในอุทธรณ์ว่ามีเหตุอันควรที่ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยตามที่ ป.วิ.อ.มาตรา193 ตรี บัญญัติไว้ จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงในข้อหาความผิดดังกล่าว ความผิดในข้อหาดังกล่าวย่อมยุติเพียงศาลชั้นต้น ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 221 หาได้ไม่ เพราะมิใช่กรณีฎีกาของจำเลยต้องห้ามฎีกาตามมาตรา 218, 219 และ 220 การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยมาทั้งหมดจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับสภาพหนี้ที่เกิดจากการไกล่เกลี่ยคดีอาญา มีผลเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ เช็คชำระหนี้ตามสัญญามีผลผูกพัน
แม้เอกสารที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ จะใช้ชื่อว่า หนังสือรับสภาพหนี้แต่การทำหนังสือดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่โจทก์ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีอาญาแก่จำเลย และโจทก์เข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการศาลทหารกรุงเทพดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยที่ออกเช็คชำระหนี้แก่โจทก์และโจทก์ไม่ได้รับเงินตามเช็ค เมื่อมีการไกล่เกลี่ย โจทก์และจำเลยตกลงในยอดหนี้ใหม่กันได้ จำเลยตกลงชำระหนี้ให้โจทก์เป็นเช็ครวม 37 ฉบับ โจทก์จึงถอนคำร้องทุกข์ในคดีอาญาดังกล่าว กรณีเป็นที่เห็นได้ชัดว่า หนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวเป็นข้อตกลงระหว่างโจทก์และจำเลยเพื่อที่จะระงับข้อพิพาทที่มีขึ้นตามมูลหนี้ซึ่งโจทก์และจำเลยได้พิพาทกันจนมีการดำเนินคดีอาญาให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน เอกสารดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอม-ยอมความตาม ป.พ.พ. มาตรา 850 เมื่อเช็คพิพาทที่นำมาฟ้องคดีนี้เป็นคดีที่จำเลยชำระหนี้ตามมูลหนี้ในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ และเมื่อจำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงมิใช่การออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่เกิดจากการกู้ยืมเงินและเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราอันเป็นเช็คที่มีมูลหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังที่จำเลยนำสืบต่อสู้
of 312