พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,380 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องเป็นการครอบครองในฐานะเจ้าของ ผู้ครอบครองแทนเจ้าของเดิมไม่ได้กรรมสิทธิ์
ในการทำสัญญาจะซื้อขายที่พิพาท ผู้ร้องกับผู้ขายตกลงกันไว้ว่าให้ผู้ร้องชำระค่าที่พิพาทส่วนที่เหลือภายใน 1 ปี แล้วจึงจะโอนกรรมสิทธิ์กัน เมื่อผู้ร้องไม่ได้ชำระค่าที่พิพาทส่วนที่เหลือ แม้ผู้ขายจะมอบที่พิพาทให้ผู้ร้องเข้าครอบครองแล้วก็ถือไม่ได้ว่าผู้ขายมีเจตนาสละการครอบครองที่พิพาทให้ ผู้ร้องซึ่งเป็นเพียงผู้จะซื้อ การที่ผู้ร้องเข้าครอบครองที่พิพาทก็โดยอาศัยสิทธิของผู้ขายตามสัญญาจะซื้อขายเป็นการยึดถือแทนผู้ขาย มิใช่ยึดถือในฐานะเป็นเจ้าของ ผู้ร้องครอบครองที่พิพาทเกินกว่า 10 ปี ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องเป็นการครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของ และต้องไม่เป็นการครอบครองแทนเจ้าของเดิม
ผู้ร้องกับ พ. ทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทโดยตกลงกันว่าผู้ร้องจะชำระเงินส่วนที่เหลือภายใน 10 ปีแล้วจึงจะไปโอนที่พิพาทกัน เมื่อผู้ร้องไม่ได้ชำระเงินค่าที่พิพาทส่วนที่เหลือให้แก่ พ.แม้พ. จะได้มอบที่พิพาทให้ผู้ร้องเข้าครอบครองแล้วก็ถือไม่ได้ว่า พ. มีเจตนาสละการครอบครองที่พิพาท ดังนี้ ผู้ร้องครอบครองที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของ พ. แม้ผู้ร้องจะครอบครองที่พิพาทเกินกว่า 10 ปีก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องเป็นการครอบครองในฐานะเจ้าของ หากยังเป็นเพียงผู้จะซื้อ แม้ครอบครองเกิน 10 ปี ก็ไม่เกิดกรรมสิทธิ์
ในการทำสัญญาจะซื้อขายที่พิพาท ผู้ร้องกับผู้ขายตกลงกันไว้ว่าให้ผู้ร้องชำระค่าที่พิพาทส่วนที่เหลือภายใน 1 ปี แล้วจึงจะโอนกรรมสิทธิ์กัน เมื่อผู้ร้องไม่ได้ชำระค่าที่พิพาทส่วนที่เหลือ แม้ผู้ขายจะมอบที่พิพาทให้ผู้ร้องเข้าครอบครองแล้ว ก็ถือไม่ได้ว่าผู้ขายมีเจตนาสละการครอบครองที่พิพาทให้ผู้ร้องซึ่งเป็นเพียงผู้จะซื้อ การที่ผู้ร้องเข้าครอบครองที่พิพาทก็โดยอาศัยสิทธิของผู้ขายตามสัญญาจะซื้อขายเป็นการยึดถือแทนผู้ขาย มิใช่ยึดถือในฐานะเป็นเจ้าของ ผู้ร้องครอบครองที่พิพาทเกินกว่า 10 ปี ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6378/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลคดีครอบครองปรปักษ์: การคำนวณค่าฤชาธรรมเนียมที่ถูกต้องตามประเภทคดี
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ครอบครองที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยโดยสงบ เปิดเผยและด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเกินกว่า 10 ปีแล้วโจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดินแก่โจทก์ เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์คือราคาที่ดินซึ่งโจทก์ก็เสียมาถูกต้องแล้ว แม้ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยเหตุที่ว่าที่ดินตามฟ้องยังไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ โจทก์จึงขอบังคับให้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์มิได้ ก็ไม่ทำให้คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้กลายเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับโดยไม่คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกิน 200 บาทแก่โจทก์ จึงมิใช่เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นเรียกเก็บค่าขึ้นศาลเกินอัตราที่บัญญัติไว้ในตาราง 1 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ราคาที่ดิน ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง โดยสั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ การที่โจทก์อุทธรณ์เฉพาะในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมว่าเมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องโต้แย้งสิทธิแต่เป็นการใช้สิทธิทางศาล ศาลก็ชอบที่จะเรียกค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ขอให้คืนค่าฤชาธรรมเนียมส่วนที่เกิน เป็นการอุทธรณ์ว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมดังกล่าวมีผลเป็นการเรียกเก็บค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ราคาที่ดินอันเป็นการกำหนดหรือคำนวณค่าฤชาธรรมเนียมไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ถือได้ว่าโจทก์ได้อุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว และในกรณีอุทธรณ์ว่าค่าฤชาธรรมเนียมมิได้กำหนดหรือคำนวณให้ถูกต้องตามกฎหมายเช่นนี้ แม้จะมิได้อุทธรณ์ในเนื้อหาโดยตรงของคดีด้วย ก็ไม่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 168
โจทก์ฟ้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ราคาที่ดิน ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง โดยสั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ การที่โจทก์อุทธรณ์เฉพาะในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมว่าเมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องโต้แย้งสิทธิแต่เป็นการใช้สิทธิทางศาล ศาลก็ชอบที่จะเรียกค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ขอให้คืนค่าฤชาธรรมเนียมส่วนที่เกิน เป็นการอุทธรณ์ว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมดังกล่าวมีผลเป็นการเรียกเก็บค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ราคาที่ดินอันเป็นการกำหนดหรือคำนวณค่าฤชาธรรมเนียมไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ถือได้ว่าโจทก์ได้อุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว และในกรณีอุทธรณ์ว่าค่าฤชาธรรมเนียมมิได้กำหนดหรือคำนวณให้ถูกต้องตามกฎหมายเช่นนี้ แม้จะมิได้อุทธรณ์ในเนื้อหาโดยตรงของคดีด้วย ก็ไม่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 168
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6378/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลคดีครอบครองปรปักษ์: ศาลคำนวณผิดพลาด ต้องคืนเงินส่วนเกิน
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ครอบครองที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยโดยสงบ เปิดเผย และด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครอง ขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดินแก่โจทก์ เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์คือ ราคาที่ดินซึ่งโจทก์ก็เสียมาถูกต้องแล้ว แม้ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยเหตุที่ว่าที่ดินตามฟ้องยังไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ โจทก์จึงขอบังคับให้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์มิได้ก็ไม่ทำให้คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้กลายเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับโดยไม่คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกิน 200 บาทแก่โจทก์ จึงมิใช่เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นเรียกเก็บค่าขึ้นศาลเกินอัตราที่บัญญัติไว้ในตาราง 1 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โจทก์ฟ้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ราคาที่ดิน ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง โดยสั่งให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับการที่โจทก์อุทธรณ์เฉพาะในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมว่าเมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องโต้แย้งสิทธิแต่เป็นการใช้สิทธิทางศาลศาลก็ชอบที่จะเรียกค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ขอให้คืนค่าฤชาธรรมเนียมส่วนที่เกินเป็นการอุทธรณ์ว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมดังกล่าวมีผลเป็นการเรียกเก็บค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ราคาที่ดินอันเป็นการกำหนดหรือคำนวณค่าฤชาธรรมเนียมไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ถือได้ว่าโจทก์ได้อุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว และในกรณีอุทธรณ์ว่า ค่าฤชาธรรมเนียมมิได้กำหนดหรือคำนวณให้ถูกต้องตามกฎหมายเช่นนี้ แม้จะมิได้อุทธรณ์ในเนื้อหาโดยตรงของคดีด้วย ก็ไม่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 168
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5274/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการไม่มีเจตนาบุกรุก: จำเลยอยู่อาศัยในที่ดินโต้แย้งโดยสงบและเปิดเผยตลอดมา จึงไม่เข้าข่ายความผิดฐานบุกรุก
โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาบุกรุก จำเลยนำสืบต่อสู้ว่าเจ้าของที่ดินคนเดิมให้บิดาจำเลยปลูกบ้านลงในที่ดิน ก่อนตายบิดาจำเลยยกบ้านให้จำเลยและจำเลยอยู่ในบ้านหลังนี้ไม่เคยย้ายไปที่ใด จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ดังนี้การที่จำเลยคงอยู่ในที่พิพาทจึงเป็นการอยู่โดยเจ้าใจว่ามีสิทธิที่จะอยู่ได้ ไม่มีเจตนากระทำผิดอาญาฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4995-5000/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และเจตนาการซื้อขาย การที่โจทก์ทราบว่าผู้ขายไม่มีกรรมสิทธิ์มีผลต่อสิทธิในการครอบครอง
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า โจทก์รับซื้อฝากที่ดินมีโฉนดมาโดยเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต แม้จำเลยจะให้การต่อสู้ในส่วนที่เกี่ยวกับโจทก์รับโอนที่พิพาทเพียงว่า "โจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามฟ้องเพราะโจทก์ไม่ได้ซื้อมาจากเจ้าของกรรมสิทธิ์และสัญญาขายฝากไม่สมบูรณ์" ย่อมหมายความได้ว่า โจทก์ทราบว่าผู้ขายไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์แล้วยังรับซื้อไว้อีก พอถือได้แล้วว่าจำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนที่พิพาทโดยไม่สุจริต ไม่มีสิทธิดีกว่าจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง ดังนั้นจำเลยจึงมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่า จำเลยได้อยู่ในที่พิพาทโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4561-4562/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าเพื่อรับรู้สิทธิ vs. ครอบครองปรปักษ์: สิทธิในการครอบครองที่ดิน
จำเลยอยู่อาศัยในที่ดินของโจทก์ ต่อมาโจทก์จำเลยทำสัญญาเช่ากันขึ้นฉบับหนึ่งโดยไม่มีการตกลงในเรื่องค่าเช่า แสดงว่าโจทก์จำเลยมิได้ประสงค์ให้หนังสือสัญญาดังกล่าวผูกพันกันในลักษณะสัญญาเช่า แต่เป็นการทำสัญญาเพื่อรับรู้สิทธิของโจทก์ในที่ดิน การที่จำเลยครอบครองที่ดินโดยรับรู้ถึงสิทธิของโจทก์ดังกล่าว จึงเป็นการครอบครองโดยอาศัยสิทธิของโจทก์ มิใช่ครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของ แม้ครอบครองนานเพียงใดจำเลยก็หาได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ไม่ และที่โจทก์ฟ้องอ้างว่าสัญญาเช่าระงับไปแล้ว ขอให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไป ถือเป็นเรื่องเรียกทรัพย์คืน ไม่ใช่ฟ้องบังคับตามสัญญาเช่าและไม่ต้องอาศัยหนังสือสัญญาเช่า การที่ศาลฟังว่าจำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยสัญญาเช่าที่ทำขึ้นเพื่อรับรู้สิทธิของโจทก์ จำเลยไม่ได้กรรมสิทธิโดยการครอบครองปรปักษ์ ก็เป็นการวินิจฉัยว่าที่ดินเป็นของโจทก์ตามฟ้องนั่นเอง ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้อง ศาลจึงพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและยกฟ้องแย้งของจำเลยที่ขอให้แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3214/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้เจ้าของเดิมไม่ทราบว่าถูกรุกล้ำ
ขณะที่จำเลยให้การนั้น ยังไม่สามารถกำหนดได้โดยแน่ชัดว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์หรือของจำเลย ทั้งได้ความว่าเนื้อที่ที่จำเลยทำรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์เล็กน้อยเพียง2 ตารางวา การที่จำเลยให้การว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตที่ดินตามโฉนดของจำเลย หรือหากศาลฟังว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตที่ดินตามโฉนดของโจทก์แล้ว จำเลยก็ได้ครอบครองที่ดินพิพาทมาโดยปรปักษ์เช่นนี้จำเลยย่อมให้การได้ เพราะมีเหตุผลในการต่อสู้คดีของจำเลยจะอ้างว่าจำเลยมิได้ให้การยืนยันในเรื่องการรุกล้ำหาได้ไม่ ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ เมื่อจำเลยเข้าครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ หากครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1382 แล้ว หาจำต้องเป็นการครอบครองโดยรู้อยู่ว่าเป็นที่ดินของบุคคลอื่นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3214/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินแม้ไม่รู้ว่าเป็นที่ดินของผู้อื่น โดยการครอบครองโดยสงบ เปิดเผย และเจตนาเป็นเจ้าของ
ขณะที่จำเลยให้การนั้น ยังไม่สามารถกำหนดได้โดยแน่ชัดว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์หรือของจำเลย ทั้งได้ความว่าเนื้อที่ที่จำเลยทำรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์เล็กน้อยเพียง 2 ตารางวา การที่จำเลยให้การว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตที่ดินตามโฉนดของจำเลย หรือหากศาลฟังว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตที่ดินตามโฉนดของโจทก์แล้ว จำเลยก็ได้ครอบครองที่ดินพิพาทมาโดยปรปักษ์เช่นนี้จำเลยย่อมให้การได้ เพราะมีเหตุผลในการต่อสู้คดีของจำเลย จะอ้างว่าจำเลยมิได้ให้การยืนยันในเรื่องการรุกล้ำหาได้ไม่
ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ เมื่อจำเลยเข้าครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ หากครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้ว หาจำต้องเป็นการครอบครองโดยรู้อยู่ว่าเป็นที่ดินของบุคคลอื่นไม่.
ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ เมื่อจำเลยเข้าครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ หากครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้ว หาจำต้องเป็นการครอบครองโดยรู้อยู่ว่าเป็นที่ดินของบุคคลอื่นไม่.