พบผลลัพธ์ทั้งหมด 632 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7872/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย และการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนคดี ยาเสพติด
เหตุที่เจ้าพนักงานตำรวจไปจับจำเลยและพบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่บริเวณบ้านของจำเลยก็เพราะเจ้าพนักงานตำรวจจับ ส. ได้พร้อมเมทแอมเฟตามีน 20 เม็ด ส. ให้การว่าซื้อเมทแอมเฟตามีนมาจากจำเลย และจำเลยยังมีเมทแอมเฟตามีนอยู่ที่บ้าน เจ้าพนักงานตำรวจจึงไปจับจำเลยและพบเมทแอมเฟตามีน เมื่อเมทแอมเฟตามีนอยู่ภายในบริเวณบ้านของจำเลย และถูกฝังอยู่ใต้ดินในลักษณะมิดชิด ทั้งพยานโจทก์ก็ยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ขุดดินนำกล่องบรรจุเมทแอมเฟตามีนขึ้นมา จึงเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้ฝังไว้ พยานหลักฐานโจทก์จึงฟังได้มั่นคงว่า จำเลยกระทำความผิดจริง อย่างไรก็ตาม จำเลยให้การด้วยว่า นำเมทแอมเฟตามีนมาจาก ม. เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานตำรวจไปจับ ม. และยึดได้เมทแอมเฟตามีนจำนวนมากถึง 20,200 เม็ดนับได้ว่าจำเลยให้ข้อมูลสำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 100/2 ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำของกฎหมายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 675/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการครอบครองและจำหน่ายยาเสพติด รวมถึงการกำหนดโทษตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่
โจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดและความผิดฐานขายโดยมีไว้เพื่อขายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยโดยไม่ได้ปรับบทลงโทษความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดมาด้วย จึงไม่ชอบ ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้อง
หลังจากจำเลยกระทำความผิดได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 135 (พ.ศ.2539) กำหนดให้เมทแอมเฟตามีนเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองตั้งแต่ 20 กรัมขึ้นไป อันต้องด้วยข้อสันนิษฐานตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังกระทำความผิดมาตรา 15 วรรคสอง ที่ถือว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ข้อสันนิษฐานดังกล่าวไม่เป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยมากกว่า โดยต้องถือว่าจำเลยมีความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 ซึ่งมีอัตราโทษเบากว่าโทษตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง, 106 ทวิ และต่อมาระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นได้มี พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 8 และมาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 15 และมาตรา 67 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และให้ใช้ข้อความใหม่แทน แต่ในส่วนเงื่อนไขที่เป็นองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 เดิมเป็นคุณมากกว่า พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 ที่แก้ไขใหม่ จึงต้องใช้กฎหมายเดิมในส่วนที่เป็นบทความผิดบังคับแก่จำเลย ในส่วนโทษปรากฏว่าโทษจำคุกตามกฎหมายเดิมและกฎหมายที่แก้ไขใหม่มีระวางโทษจำคุกเท่ากัน โทษปรับตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่จะมีระวางโทษปรับสูงกว่า โทษปรับตามกฎหมายเดิม แต่ก็เป็นการบัญญัติให้ลงโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ แตกต่างจากกฎหมายเดิมที่กำหนดให้ลงโทษจำคุกและปรับเท่านั้น จึงต้องถือว่ากฎหมายที่แก้ไขใหม่เป็นคุณมากกว่ากฎหมายเดิมในส่วนที่เกี่ยวกับโทษซึ่งมีหลายสถานที่จะลงได้ แต่โทษปรับตามกฎหมายเดิมเป็นคุณมากกว่า จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยไม่ว่าทางใดตาม ป.อ. มาตรา 3 วรรคหนึ่ง มาปรับบทลงโทษจำเลย
ความผิดฐานขายโดยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อขายตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดเป็นความผิดตามมาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง มีโทษตามมาตรา 89 แต่ข้อหาฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกิน 100 กรัม ไว้ในครองครองเพื่อจำหน่ายตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังกระทำความผิด เป็นความผิดตามมาตรา 15 วรรคสอง มีโทษตามมาตรา 66 วรรคสอง มีโทษหนักกว่าโทษตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 จึงต้องใช้กฎหมายขณะกระทำความผิดซึ่งเป็นคุณมากกว่า และแม้ต่อมาระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นจะมี พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 8 และมาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 15 และมาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และให้ใช้ข้อความใหม่แทน แต่เมทแอมเฟตามีนของกลางมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกิน 100 กรัมขึ้นไป กฎหมายที่แก้ไขใหม่ตามมาตรา 66 วรรคสาม บัญญัติโทษหนักกว่าโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 เดิม กรณีจึงยังคงต้องใช้ พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 อันเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับขณะกระทำความผิดมาปรับบทลงโทษจำเลย ตาม ป.อ. มาตรา 3 วรรคหนึ่ง
เมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดและความผิดฐานขายโดยมีไว้เพื่อขายเมทแอมเฟตามีนเป็นจำนวนเดียวกันและเป็นการมีไว้คราวเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียว ต้องลงโทษจำเลยฐานขายโดยมีไว้เพื่อขายเมทแอมเฟตามีนตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ที่เป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียวตาม ป.อ. มาตรา 90 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความทั้งสองจะไม่ได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขเสียให้ถูกต้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
หลังจากจำเลยกระทำความผิดได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 135 (พ.ศ.2539) กำหนดให้เมทแอมเฟตามีนเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองตั้งแต่ 20 กรัมขึ้นไป อันต้องด้วยข้อสันนิษฐานตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังกระทำความผิดมาตรา 15 วรรคสอง ที่ถือว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ข้อสันนิษฐานดังกล่าวไม่เป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยมากกว่า โดยต้องถือว่าจำเลยมีความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 ซึ่งมีอัตราโทษเบากว่าโทษตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง, 106 ทวิ และต่อมาระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นได้มี พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 8 และมาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 15 และมาตรา 67 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และให้ใช้ข้อความใหม่แทน แต่ในส่วนเงื่อนไขที่เป็นองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 เดิมเป็นคุณมากกว่า พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 ที่แก้ไขใหม่ จึงต้องใช้กฎหมายเดิมในส่วนที่เป็นบทความผิดบังคับแก่จำเลย ในส่วนโทษปรากฏว่าโทษจำคุกตามกฎหมายเดิมและกฎหมายที่แก้ไขใหม่มีระวางโทษจำคุกเท่ากัน โทษปรับตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่จะมีระวางโทษปรับสูงกว่า โทษปรับตามกฎหมายเดิม แต่ก็เป็นการบัญญัติให้ลงโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ แตกต่างจากกฎหมายเดิมที่กำหนดให้ลงโทษจำคุกและปรับเท่านั้น จึงต้องถือว่ากฎหมายที่แก้ไขใหม่เป็นคุณมากกว่ากฎหมายเดิมในส่วนที่เกี่ยวกับโทษซึ่งมีหลายสถานที่จะลงได้ แต่โทษปรับตามกฎหมายเดิมเป็นคุณมากกว่า จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยไม่ว่าทางใดตาม ป.อ. มาตรา 3 วรรคหนึ่ง มาปรับบทลงโทษจำเลย
ความผิดฐานขายโดยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อขายตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดเป็นความผิดตามมาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง มีโทษตามมาตรา 89 แต่ข้อหาฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกิน 100 กรัม ไว้ในครองครองเพื่อจำหน่ายตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังกระทำความผิด เป็นความผิดตามมาตรา 15 วรรคสอง มีโทษตามมาตรา 66 วรรคสอง มีโทษหนักกว่าโทษตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 จึงต้องใช้กฎหมายขณะกระทำความผิดซึ่งเป็นคุณมากกว่า และแม้ต่อมาระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นจะมี พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 8 และมาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 15 และมาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และให้ใช้ข้อความใหม่แทน แต่เมทแอมเฟตามีนของกลางมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกิน 100 กรัมขึ้นไป กฎหมายที่แก้ไขใหม่ตามมาตรา 66 วรรคสาม บัญญัติโทษหนักกว่าโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 เดิม กรณีจึงยังคงต้องใช้ พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 อันเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับขณะกระทำความผิดมาปรับบทลงโทษจำเลย ตาม ป.อ. มาตรา 3 วรรคหนึ่ง
เมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดและความผิดฐานขายโดยมีไว้เพื่อขายเมทแอมเฟตามีนเป็นจำนวนเดียวกันและเป็นการมีไว้คราวเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียว ต้องลงโทษจำเลยฐานขายโดยมีไว้เพื่อขายเมทแอมเฟตามีนตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ที่เป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียวตาม ป.อ. มาตรา 90 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความทั้งสองจะไม่ได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขเสียให้ถูกต้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5522-5523/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีเกี่ยวกับยาเสพติด: จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง ไม่ใช่เพื่อจำหน่าย จึงไม่เข้าข่ายการริบทรัพย์สิน
ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ มาตรา 3 ได้ใช้คำนิยามคำว่า ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หมายความว่า การผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติด เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่า จำเลยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเท่านั้น จึงมิได้อยู่ในความหมายของความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามมาตรา 3 ดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจำเลยในคดีจำหน่ายและครอบครองยาเสพติดโดยให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงาน
เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยพร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีน 1,800 เม็ด ที่จำเลยจำหน่ายให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจริง พร้อมทั้งแจ้งว่ายังมีเมทแอมเฟตามีนอีกจำนวนหนึ่งอยู่ที่ห้องพักของจำเลย และพาเจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจค้นจนสามารถยึดเมทแอมเฟตามีนซึ่งซุกซ่อนอยู่ในหม้อหุงข้าวไฟฟ้าได้อีก 30 เม็ด เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานตำรวจสามารถดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย นับว่าจำเลยได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดต่อเจ้าพนักงานตำรวจ เห็นสมควรลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 100/2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3449/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย: ศาลฎีกาพิพากษากลับให้ลงโทษจำเลย
ทางพิจารณาปรากฏผลการตรวจพิสูจน์เมทแอมเฟตามีน 29 เม็ด ของกลางเฉพาะส่วนนี้ในรายงานการตรวจพิสูจน์ว่า คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 1.038 กรัม หรือ 1,038 มิลลิกรัม ซึ่งมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 375 มิลลิกรัมขึ้นไป อันต้องบทสันนิษฐานเด็ดขาดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 วรรคสาม (2) ว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
เมทแอมเฟตามีน 29 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 1,038 มิลลิกรัม ที่จำเลยร่วมกับพวกมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีน 429 เม็ด ของกลาง ที่โจทก์ได้บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยไว้แล้วศาลฎีกาจึงมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 215 และ 225 เพราะไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือมิได้กล่าวในฟ้อง
เมทแอมเฟตามีน 29 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 1,038 มิลลิกรัม ที่จำเลยร่วมกับพวกมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีน 429 เม็ด ของกลาง ที่โจทก์ได้บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยไว้แล้วศาลฎีกาจึงมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 215 และ 225 เพราะไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือมิได้กล่าวในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3433/2551 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีจำหน่ายยาเสพติด: แก้ไขโทษตามกฎหมายใหม่ & ล้างมลทินผู้ต้องโทษเดิม
แม้จะฟังได้ว่า เมื่อจำเลยที่ 1 สอบถามจำเลยที่ 2 ว่าไว้วางใจได้หรือไม่ แล้วจำเลยที่ 2 จะหันไปถามสิบตำรวจโท ป. ว่ามาจากไหนเมื่อได้รับคำตอบจากสิบตำรวจโท ป. ว่า "ไอ้รุ่งร้านยางบ้านโคกตายอให้มาซื้อของ" จำเลยที่ 2 จึงตอบจำเลยที่ 1 ไปว่า "ไว้ใจได้ขายเขาไปเถอะ" ก็ตาม ก็มิได้หมายความว่าอำนาจตัดสินใจในการซื้อขายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจะอยู่กับจำเลยที่ 2 การตัดสินใจซื้อขายเมทแอมเฟตามีนและการตกลงราคายังขึ้นอยู่กับจำเลยที่ 1 เท่านั้น นอกจากนี้ทางนำสืบของโจทก์ก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2 มีส่วนเกี่ยวข้องในการยึดถือหรือครอบครองดูแลหรือร่วมเป็นเจ้าของเมทแอมเฟตามีนของกลาง ทั้งไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 2 มีส่วนร่วมเจรจาซื้อขายเมทแอมเฟตามีนด้วย เมื่อตกลงซื้อขายกันแล้วจำเลยที่ 1 ก็เป็นผู้นำเมทแอมเฟตามีนที่ซุกซ่อนไว้มามอบให้สิบตำรวจโท ส. และจำเลยที่ 1 ก็เป็นผู้รับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนจากสิบตำรวจโท ส. เอง การกระทำของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวจึงยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องโจทก์ แต่การที่จำเลยที่ 2 ตอบจำเลยที่ 1 ไปว่า "ไว้ใจได้ขายเขาไปเถอะ" ย่อมเป็นการพูดเพื่อช่วยในการตัดสินใจของจำเลยที่ 1 ในอันที่จะขายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สิบตำรวจโท ส. ที่ปลอมตัวเป็นสายลับเข้าไปขอซื้อให้ง่ายและรวดเร็วขึ้น จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2744/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายยาเสพติด: การพิจารณาความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรม และผลกระทบของ พ.ร.บ.ล้างมลทิน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 4 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวให้แก่ผู้มีชื่อรวม 2 ครั้ง ครั้งละ 2 เม็ด โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามฟ้อง การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 4 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายในคราวเดียวกันแม้จำเลยได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ให้แก่ผู้มีชื่อไปก่อน และยังคงมีเมทแอมเฟตามีนอีก 2 เม็ด เหลืออยู่ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่จำเลยก็ได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวให้แก่ผู้มีชื่อไปแล้วทั้งหมดในการจำหน่ายครั้งที่สอง โดยไม่มีเมทแอมเฟตามีนเหลืออยู่ในครอบครองของจำเลยอีกต่อไป การกระทำของจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจึงเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนในแต่ละกรรม ซึ่งความผิดแต่ละฐานดังกล่าวมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ซึ่งคงลงโทษจำเลยได้รวม 2 กรรม เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7059-7060/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดหลายกรรมต่างกันจากการจำหน่ายยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท แม้จำหน่ายพร้อมกัน
เมทแอมเฟตามีนเป็นยาเสพติดให้โทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฯ ส่วนอีเฟดรีนเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประประสาท ฯ แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จะร่วมจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนของกลางในคราวเดียวกัน การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5792/2550 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฐานนำเข้ายาเสพติดเพื่อจำหน่าย: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคำฟ้องระบุชัดเจนถึงเจตนาจำหน่าย
โจทก์บรรยายฟ้องข้อ 1 ข ว่า "จำเลยได้บังอาจน์นำเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ ซึ่งเป็นเกลือของเมทแอมเฟตามีนและเป็นอนุพันธ์เมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงในประเภท 1 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ จำนวน 22 เม็ด น้ำหนักรวม 2.10 กรัม ซึ่งคำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 0.50 กรัม จากประเทศกัมพูชาเข้ามาในราชอาณาจักรไทยทางตำบลเทพนิมิต อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย" และคำฟ้องข้อ 1 ค บรรยายฟ้องว่า "จำเลยบังอาจมีเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ ซึ่งเป็นเกลือของเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงในประเภท 1 ดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 ข จำนวน 22 เม็ด น้ำหนักรวม 2.10 กรัม คำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 0.50 กรัม ซึ่งเป็นเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยนำมาจากประเทศกัมพูชาเข้ามาในราชอาณาจักรไทยดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 ข ไว้ในครอบครองของจำเลยเพื่อจำหน่ายอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย" จะเห็นได้ว่า แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 22 เม็ด เข้ามาในราชอาณาจักรตามคำฟ้องข้อ 1 ข แยกกับความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกันไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามคำฟ้องข้อ 1 ค ก็ตาม แต่คำฟ้องข้อ 1 ค โจทก์ได้บรรยายไว้โดยชัดแจ้งแล้วว่าเมทแอมเฟตามีนที่มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังกล่าวเป็นเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยนำมาจากประเทศกัมพูชาเข้ามาในราชอาณาจักรจึงเป็นเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกัน ซึ่งมีจำนวนหน่วยการใช้และปริมาณน้ำหนักสารบริสุทธิ์ที่กฎหมายให้ถือว่าเป็นการนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายเท่ากัน ทั้งโจทก์ได้อ้างบทมาตราขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายไว้แล้ว ถือได้ว่าคำฟ้องโจทก์ได้บรรยายไว้ชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยกระทำความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนของกลางเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องประสงค์ลงโทษจำเลยในความผิดฐานดังกล่าวตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) (6) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5792/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องความผิดฐานนำเข้ายาเสพติดเพื่อจำหน่าย: การพิจารณาความชัดเจนของคำฟ้องและการลงโทษ
แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรจำนวน 22 เม็ด ตามคำฟ้องข้อ 1 ข แยกกับความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกันไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามคำฟ้องข้อ 1 ค ก็ตาม แต่คำฟ้องข้อ 1 ค โจทก์ได้บรรยายไว้โดยแจ้งชัดแล้วว่าเมทแอมเฟตามีนที่มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังกล่าวเป็นเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยนำมาจากประเทศกัมพูชาเข้ามาในราชอาณาจักรจึงเป็นเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกัน ซึ่งมีจำนวนหน่วยการใช้และปริมาณน้ำหนักสารบริสุทธิ์ที่กฎหมายให้ถือว่าเป็นการนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายเท่ากัน ทั้งโจทก์ได้อ้างบทมาตราขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายแล้ว ถือได้ว่าคำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายไว้โดยชัดแจ้งว่า จำเลยกระทำความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนของกลางเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) (6) แล้ว