พบผลลัพธ์ทั้งหมด 752 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดคำสั่งเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 ในคดีจราจร: กฎหมายจราจรไม่ได้ประสงค์ลงโทษผู้ไม่ไปรายงานตน
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 เป็นบทลงโทษผู้ที่ขัดคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ในกรณีทั่ว ๆ ไป ส่วนการที่จำเลยไม่ไปรายงานตนภายใน 24 ชั่วโมง ตามคำสั่งของตำรวจจราจรในกรณีจำเลยทำผิดกฎหมายจราจรจะเป็นผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 อีกด้วยหรือไม่นั้น ต้องระลึกถึงหลักการใช้กฎหมายอาญาว่า กฎหมายจราจรมีความประสงค์จะลงโทษบุคคลผู้ขัดคำสั่งของเจ้าพนักงานหรือไม่ซึ่งจะเห็นได้จากบทบัญญัติของกฎหมายนั้นๆเองเรื่องนี้ ถึงแม้จะมี พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 64 ให้อำนาจเจ้าพนักงานสั่งเป็นหนังสือให้ผู้ละเมิด พ.ร.บ. จราจรทางบกไปรายงานตนภายใน 24 ชั่วโมง ก็จริง แต่ พ.ร.บ. นี้ก็ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษแก่ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น เพราะข้อความในมาตรา 67 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดย พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2478 มาตรา 5 แสดงให้เห็นว่า การที่ให้ไปรายงานคนนั้น กฎหมายมีความประสงค์เพื่อความสะดวกทั้งสองฝ่ายเท่านั้น คือ ผู้ไปรายงานยอมให้เปรียบเทียบ ก็ไม่ต้องถูกฟ้องเป็นจำเลย ฝ่ายเจ้าพนักงานก็ไม่ต้องเสียเวลาสอบสวนพยานเพื่อดำเนินคดีต่อศาล แต่ถ้าผู้ได้รับคำสั่งไม่ไปรายงาน ก็เท่ากับผู้นั้นปฏิเสธความผิดไม่ยอมให้เปรียบเทียบ ซึ่งก็มีทางแก้อยู่แล้ว คือ
เจ้าพนักงานดำเนินคดีฟ้องต่อศาลดุจคดีอื่น ๆ ผู้ไม่ไปรายงานตนหามีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานซ้ำอีกกระทงหนึ่งไม่
(ควรเทียบดูกับฎีกาที่ 428/2502 ซึ่งวินิจฉัย โดยที่ประชุมใหญ่เกี่ยวกับปัญหาเช่นเดียวกันนี้ แต่ข้อวินิจฉัยมีต่างกันบ้าง)
เจ้าพนักงานดำเนินคดีฟ้องต่อศาลดุจคดีอื่น ๆ ผู้ไม่ไปรายงานตนหามีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานซ้ำอีกกระทงหนึ่งไม่
(ควรเทียบดูกับฎีกาที่ 428/2502 ซึ่งวินิจฉัย โดยที่ประชุมใหญ่เกี่ยวกับปัญหาเช่นเดียวกันนี้ แต่ข้อวินิจฉัยมีต่างกันบ้าง)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 ในคดีจราจร: เจตนาของกฎหมายคืออะไร?
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 เป็นบทลงโทษผู้ที่ขัดคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ในกรณีทั่วๆ ไปส่วนการที่จำเลยไม่ไปรายงานตนภายใน 24 ชั่วโมง ตามคำสั่งของตำรวจจราจรในกรณีจำเลยทำผิดกฎหมายจราจรจะเป็นผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 อีกด้วยหรือไม่นั้นต้องระลึกถึงหลักการใช้กฎหมายอาญาว่ากฎหมายจราจรมีความประสงค์จะลงโทษบุคคลผู้ขัดคำสั่งของเจ้าพนักงานหรือไม่ ซึ่งจะเห็นได้จากบทบัญญัติของกฎหมายนั้นๆเองเรื่องนี้ ถึงแม้จะมี พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2477 มาตรา 64 ให้อำนาจเจ้าพนักงานสั่งเป็นหนังสือให้ผู้ละเมิด พระราชบัญญัติจราจรทางบกไปรายงานตนภายใน 24 ชั่วโมง ก็จริง แต่ พระราชบัญญัตินี้ก็ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษแก่ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น เพราะข้อความในมาตรา 67 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัตจราจรทางบก พ.ศ.2478 มาตรา 5 แสดงให้เห็นว่า การที่ให้ไปรายงานตนนั้น กฎหมายมีความประสงค์เพื่อความสดวกของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น คือ ผู้ไปรายงานยอมให้เปรียบเทียบ ก็ไม่ต้องถูกฟ้องเป็นจำเลย ฝ่ายเจ้าพนักงานก็ไม่ต้องเสียเวลาสอบสวนพยานเพื่อดำเนินคดีต่อศาล แต่ถ้าผู้ได้รับคำสั่งไม่ไปรายงาน ก็เท่ากับผู้นั้นปฏิเสธความผิดไม่ยอมให้เปรียบเทียบ ซึ่งก็มีทางแก้อยู่แล้ว คือเจ้าพนักงานดำเนินคดีฟ้องต่อศาลดุจคดีอื่นๆผู้ไม่ไปรายงานตนหามีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานซ้ำอีกกระทงหนึ่งไม่
(ควรเทียบดูกับฎีกาที่ 728/2502 ซึ่งวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่เกี่ยวกับปัญหาเช่นเดียวกันนี้ แต่ข้อวินิจฉัยมีต่างกันบ้าง)
(ควรเทียบดูกับฎีกาที่ 728/2502 ซึ่งวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่เกี่ยวกับปัญหาเช่นเดียวกันนี้ แต่ข้อวินิจฉัยมีต่างกันบ้าง)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1655/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีธนบัตรปลอมเพื่อนำออกใช้ การกระทำความผิดฐานจำหน่ายธนบัตรปลอมเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 244
คำว่า มีไว้เพื่อใช้ในมาตรา 244 นั้น บัญญัติไว้เพื่อให้แตกต่างกับมีไว้เฉย ๆ
การที่จำเลยมีธนบัตรปลอมไว้แล้วนำออกขาย ถือว่า เป็นการมีไว้เพื่อนำออกใช้ ตามมาตรา 244 แล้ว (นัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1254/2503)
การที่จำเลยมีธนบัตรปลอมไว้แล้วนำออกขาย ถือว่า เป็นการมีไว้เพื่อนำออกใช้ ตามมาตรา 244 แล้ว (นัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1254/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1655/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีธนบัตรปลอมเพื่อจำหน่ายเข้าข่าย 'มีไว้เพื่อใช้' ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 244
คำว่า มีไว้เพื่อใช้ ในมาตรา 244 นั้นบัญญัติไว้เพื่อให้แตกต่างกันกับ มีไว้ เฉยๆ
การที่จำเลยมีธนบัตรปลอมไว้แล้วนำออกขาย ถือว่าเป็นการมีไว้เพื่อนำออกใช้ ตามมาตรา 244 แล้ว(นัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1654/2503)
การที่จำเลยมีธนบัตรปลอมไว้แล้วนำออกขาย ถือว่าเป็นการมีไว้เพื่อนำออกใช้ ตามมาตรา 244 แล้ว(นัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1654/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587-1588/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา การบรรยายรายละเอียดการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340
ฟ้องข้อ 1 ว่าจำเลยปล้นกระบือโดยใช้ปืนขู่เข็ญจะยิงพวกเจ้าทรัพย์ระบุการกระทำที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิดและระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่เกิดเหตุไว้ด้วย แต่ในฟ้องข้อ 1 นี้โจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยใช้ปืนยิงในการปล้นนี้เลย ต่อมาในข้อ 2 โจทก์จึงบรรยายว่า ในวันเวลาเดียวกันกับฟ้องข้อ 1 เจ้าพนักงานติดตามทันจำเลยกับพวกขณะกำลังไล่กระบือ 5 ตัว ที่จำเลยปล้นไป จำเลยกับพวกใช้ปืนยิงมายังเจ้าพนักงานเจ้าพนักงานจึงใช้ปืนยิงไปยังจำเลยกับพวกเพื่อป้องกันตัว กระสุนปืนถูกจำเลยบาดเจ็บแต่หลบหนีไปได้ เจ้าพนักงานจึงยึดได้กระบือ 5 ตัวเป็นของกลางและได้กระบือในที่ใกล้เคียงอีก 5 ตัว ถือว่าฟ้องของโจทก์ดังกล่าวไม่เป็นฟ้องที่ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามวรรคสี่ แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340(คือ ใช้ปืนยิงในการปล้น)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบียดบังทรัพย์สินร่วม ช้างเป็นทรัพย์สินที่เจ้าของร่วมกัน การกระทำดังกล่าวมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352
บรรยายฟ้องว่า ร่วมทุนกันซื้อช้างเป็นเจ้าของร่วมกันแล้วผลัดกันเลี้ยงเพื่อหาประโยชน์ ครั้นจำเลยเลี้ยงแล้วถึงคราวที่ต้องผลัดให้เจ้าของร่วมเลี้ยงบ้าง จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาไว้เลี้ยงเพื่อประโยชน์ตนเสียแต่ฝ่ายเดียว ดังนี้ ฟ้องมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ต้องรับไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษกักกันตามประมวลกฎหมายอาญา และผลของการปล่อยตัวผู้ต้องโทษโดยไม่ถือว่าเคยมีคำพิพากษาให้กักกัน
ประมวลกฎหมายอาญามีผลเพียงให้โทษกักกันที่จำเลยได้รับอยู่เดิมเปลี่ยนลักษณะมาเป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยอาญาจะมิได้ถือว่าการที่จำเลยถูกกักกันต่อมานั้นเป็นโทษก็ตาม ก็ยังเรียกไม่ได้ว่าจำเลยได้พ้นโทษกักกันนั้นไปแล้ว เพราะยังต้องถูกกักกันอยู่โดยผลแห่งคำพิพากษาของศาล
แต่เมื่อปรากฏว่า ศาลได้ปล่อยจำเลยไปโดยถือว่าจำเลยไม่เคยต้องคำพิพากษาให้กักกันศาลก็จะรื้อฟื้นขึ้นมาจำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้กักกัน (เพื่อจะนำมาพิจารณาร่วมกับการกระทำผิดครั้งหลังให้กักกันตามมาตรา 41 แห่งประมวลกฎหมายอาญา) หาได้ไม่
แต่เมื่อปรากฏว่า ศาลได้ปล่อยจำเลยไปโดยถือว่าจำเลยไม่เคยต้องคำพิพากษาให้กักกันศาลก็จะรื้อฟื้นขึ้นมาจำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้กักกัน (เพื่อจะนำมาพิจารณาร่วมกับการกระทำผิดครั้งหลังให้กักกันตามมาตรา 41 แห่งประมวลกฎหมายอาญา) หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอม (เครื่องหมายทะเบียนปืน) โดยรู้ว่าเป็นของปลอม มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268
อักษรและเลขหมายที่พานท้ายปืนอันเป็นเครื่องหมายทะเบียนอาวุธปืนของเจ้าพนักงานนั้น ไม่ใช่รอยตราของเจ้าพนักงานตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 251 แต่เป็นเอกสารตาม มาตร า1(7)
จำเลยรู้อยู่แล้วว่าอักษรเลขหมายที่พานท้ายปืนของจำเลยเป็นของทำปลอมขึ้นเมื่อเจ้าพนักงานมาขอค้นจำเลยได้ นำปืนดังกล่าวออกแสดงให้เจ้าพนักงานดูพร้อมในอนุญาตของจำเลยดังนี้ ต้องถือว่า จำเลยได้ใช้หรืออ้างเอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268
จำเลยรู้อยู่แล้วว่าอักษรเลขหมายที่พานท้ายปืนของจำเลยเป็นของทำปลอมขึ้นเมื่อเจ้าพนักงานมาขอค้นจำเลยได้ นำปืนดังกล่าวออกแสดงให้เจ้าพนักงานดูพร้อมในอนุญาตของจำเลยดังนี้ ต้องถือว่า จำเลยได้ใช้หรืออ้างเอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอม (เครื่องหมายทะเบียนปืน) โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของปลอม มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268
อักษรและเลขหมายที่พานท้ายปืนอันเป็นเครื่องหมายทะเบียนอาวุธปืนของเจ้าพนักงานนั้น ไม่ใช่รอยตราของเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 251 แต่เป็นเอกสารตามมาตรา 1(7)
จำเลยรู้อยู่แล้วว่าอักษรเลขหมายที่พานท้ายปืนของจำเลยเป็นของทำปลอมขึ้น เมื่อเจ้าพนักงานมาขอค้นจำเลยได้นำปืนดังกล่าวออกแสดงให้เจ้าพนักงานดูพร้อมใบอนุญาตของจำเลยดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยได้ใช้หรืออ้างเอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268
จำเลยรู้อยู่แล้วว่าอักษรเลขหมายที่พานท้ายปืนของจำเลยเป็นของทำปลอมขึ้น เมื่อเจ้าพนักงานมาขอค้นจำเลยได้นำปืนดังกล่าวออกแสดงให้เจ้าพนักงานดูพร้อมใบอนุญาตของจำเลยดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยได้ใช้หรืออ้างเอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายด้วยเกี๊ยะจนเกิดบาดแผลบวมนูน ถือเป็นอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295
จำเลยตีผู้เสียหาย 2 คน ด้วยเกี๊ยะ ฐานแผลถึงบวมนูน แพทย์ผู้ชันสูตรประมาณว่ารักษาหายภายใน 3 วัน และ 2 วันตามลำดับ โจทก์นำสืบว่า ผู้เสียหาย รักษา 7 วัน 5 วัน หาย เห็นว่าลักษณะการกระทำของจำเลยและฐานแผลของผู้เสียหาย ต้องรักษาอยู่หลายวัน ถือได้ว่าเป็นอันตราย แก่กาย ไม่จำเป็นต้องมีโลหิตไหลเป็นอันตรายแก่กาย ย่อมมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295