พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 604/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปล้นทรัพย์ vs ลักทรัพย์: การแบ่งแยกความรับผิดของจำเลยตามพฤติการณ์ที่แตกต่างกัน
จำเลยที่ 1 กับอีกคนหนึ่งถือมีดคุมเชิงอยู่ใกล้ ๆ ในขณะที่คนร้ายอีกคนหนึ่งขู่เข็ญจะทำร้ายเจ้าทรัพย์ ดังนี้จำเลยที่ 1 มีผิด ตามมาตรา 301
ส่วนจำเลยที่2,3 เมื่อได้ปืนก็ปลีกตัวไปเสียก่อนยังไม่ได้มีการขู่เข็ญเจ้าทรัพย์มาเกิดการขู่เข็ญขึ้นภายหลัง เป็นการขาดตอนมิได้เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 2,3 แล้ว จำเลยทั้งสองจึงเพียงแต่มีผิดตาม ม. 294 ตอน 2 ประกอบด้วย ม.293 ข้อ 7-11 และ ม.294 ข้อ 1 เท่านั้น
ฟ้องว่าปล้นทรัพย์ได้ความว่าลักทรัพย์ลงโทษได้
ส่วนจำเลยที่2,3 เมื่อได้ปืนก็ปลีกตัวไปเสียก่อนยังไม่ได้มีการขู่เข็ญเจ้าทรัพย์มาเกิดการขู่เข็ญขึ้นภายหลัง เป็นการขาดตอนมิได้เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 2,3 แล้ว จำเลยทั้งสองจึงเพียงแต่มีผิดตาม ม. 294 ตอน 2 ประกอบด้วย ม.293 ข้อ 7-11 และ ม.294 ข้อ 1 เท่านั้น
ฟ้องว่าปล้นทรัพย์ได้ความว่าลักทรัพย์ลงโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 578/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากพฤติการณ์ยิงด้วยอาวุธร้ายแรง แม้ไม่ถูกอวัยวะสำคัญเข้าข่ายพยายามฆ่า
จำเลยใช้ปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงอีกฝ่ายหนึ่งในขณะวิวาทกันถูกข้อมือกระดูกแตกและยังมีบาดแผลที่หางคิ้วและเหนือใบหูขวาอีกด้วยดังนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าให้ตายหากกระสุนไม่ถูกอวัยวะที่สำคัญจำเลยต้องมีความผิดตาม มาตรา24960
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการยักยอกทรัพย์: พฤติการณ์บ่งชี้เจตนาจากการใช้เงินผิดหน้าที่
เจตนาทุจริตของจำเลยศาลไม่อาจหยั่งรู้ควมในใจอันแท้จริงได้ นอกจากจะอนุโลมโดยอาศัยเหตุผลทั่ว ๆ ไปตามที่ปรากฎในท้องสำนวน
ผู้เสียหายมอบเงินจำเลยให้นำไปชำระแก่เจ้าหนี้ของผู้เสียหายจำเลยเอาไปใช้ส่วนตัวเสียบางส่วนแม้จะได้ไปบอกเจ้าหนี้ว่า ผู้เสียหายได้มอบเงินมาชำระครบแล้วแต่จำเลยเอาไปใช้เสียบางส่วน คงส่งให้แต่ส่วนที่เหลือ รับจะใช้คืนให้โดยไม่ต้องไปทวงจากผู้เสียหายอีก พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยเอาเงินรายนี้ไปใช้โดยเจตนาทุจริต คดีนี้จำเลยมีหน้าที่จะนำเงินไปมอบให้เจ้าหนี้ตามที่รับมอบมา เงินแม้จะเป็นธนบัตรเปลี่ยนมือให้หากจำเลยเอาไปใช้เมื่อถึงคราวจะนำไปให้เจ้าหนี้จำเลยก็ต้องพร้อมที่จะมอบเงินในจำนวนนั้นให้แก่เจ้าหนี้ทันที มิใช่หวังเอาเองอย่างเลื่อนลอยว่าเจ้าหนี้คงจะยอมเปลี่ยนตัวลูกหนี้ให้อนึ่งการไปบอกความจริงแก่เจ้าหนี้ดังกล่าวเป็นการสารภาพผิดมิใช่การแสดงความบริสุทธิ์ของจำเลย
ผู้เสียหายมอบเงินจำเลยให้นำไปชำระแก่เจ้าหนี้ของผู้เสียหายจำเลยเอาไปใช้ส่วนตัวเสียบางส่วนแม้จะได้ไปบอกเจ้าหนี้ว่า ผู้เสียหายได้มอบเงินมาชำระครบแล้วแต่จำเลยเอาไปใช้เสียบางส่วน คงส่งให้แต่ส่วนที่เหลือ รับจะใช้คืนให้โดยไม่ต้องไปทวงจากผู้เสียหายอีก พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยเอาเงินรายนี้ไปใช้โดยเจตนาทุจริต คดีนี้จำเลยมีหน้าที่จะนำเงินไปมอบให้เจ้าหนี้ตามที่รับมอบมา เงินแม้จะเป็นธนบัตรเปลี่ยนมือให้หากจำเลยเอาไปใช้เมื่อถึงคราวจะนำไปให้เจ้าหนี้จำเลยก็ต้องพร้อมที่จะมอบเงินในจำนวนนั้นให้แก่เจ้าหนี้ทันที มิใช่หวังเอาเองอย่างเลื่อนลอยว่าเจ้าหนี้คงจะยอมเปลี่ยนตัวลูกหนี้ให้อนึ่งการไปบอกความจริงแก่เจ้าหนี้ดังกล่าวเป็นการสารภาพผิดมิใช่การแสดงความบริสุทธิ์ของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการรับของโจร: การพิจารณาจากพฤติการณ์และคำรับสารภาพ
เจตนาของผู้กระทำผิดฐานรับของโจรนั้นต้องดูตามพฤติการณ์ทั่ว ๆ ไปประกอบกันเมื่อได้ความว่าจำเลยซื้อนาฬิกาของกลางไว้ในราคาถูกประการหนึ่ง ทั้งในชั้นสอบสวนจำเลยก็รับว่าได้รับซื้อไว้โดยรู้ในขณะนั้น (ขณะซื้อ ) ว่าเป็นของที่ถูกลักมา พฤติการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ประกอบกันฟังได้ว่าจำเลยรับของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของที่ได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย จึงผิดตามมาตรา 321
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 314/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการรับของโจร พิจารณาจากพฤติการณ์โดยรวม การซื้อในราคาถูกและรับสารภาพเป็นหลักฐานสำคัญ
เจตนาของผู้กระทำผิดฐานรับของโจรนั้นต้องดูตามพฤติการณ์ทั่วๆ ไปประกอบกัน
เมื่อได้ความว่าจำเลยซื้อนาฬิกาของกลางไว้ในราคาถูกประการหนึ่ง ทั้งในชั้นสอบสวนจำเลยก็รับว่าได้รับซื้อไว้โดยรู้ในขณะนั้น(ขณะซื้อ) ว่าเป็นของที่ถูกลักมาพฤติการณ์ต่างๆ เหล่านี้ประกอบกันฟังได้ว่าจำเลยรับของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของที่ได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย จึงผิดตามมาตรา 321
เมื่อได้ความว่าจำเลยซื้อนาฬิกาของกลางไว้ในราคาถูกประการหนึ่ง ทั้งในชั้นสอบสวนจำเลยก็รับว่าได้รับซื้อไว้โดยรู้ในขณะนั้น(ขณะซื้อ) ว่าเป็นของที่ถูกลักมาพฤติการณ์ต่างๆ เหล่านี้ประกอบกันฟังได้ว่าจำเลยรับของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของที่ได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย จึงผิดตามมาตรา 321
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาผู้รับของโจร: การพิสูจน์ความรู้ว่าเป็นของร้าย และพฤติการณ์ปิดบังซ่อนเร้น
เจตนาของผู้กระทำผิดฐานรับของโจรนั้นต้องดูตามพฤติการณ์ทั่ว ๆ ไปประกอบกัน
เดิมรถจักรยานสองล้อของกลางที่จับได้จากจำเลยมีเลขทะเบียนเมื่อค้นได้ไม่มี แต่หมายเลขใต้อานปรากฎว่าตรงกันกับในทะเบียนของเจ้าทรัพย์ ข้อนี้ทำให้ข้อนำสืบของจำเลยที่ว่าซื้อมาจากผู้มีชื่อก่อนเกิดเหตุสองปีมาแล้วฟังไม่ได้ก็ตาม โจทก์มีหน้าที่นำสืบว่าจำเลยรับไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้ายแต่พะยานโจทก์ว่าเมื่อไปค้นบ้านนั้นรถคันนี้อยู่ในที่เปิดเผย กรณีจึงอาจเป็นว่าจำเลยรับไว้โดยชื่อแต่จงใจปิดบังผู้โอนรถให้หาโดยเกรงว่าจะศูนย์เสียกรรมสิทธิ์ในรถนี้ก็ได้ เมื่อพะยานโจทก์และเหตุผล(พฤติการณ์) ในคดีล้วงไปไม่ถึงว่าจำเลยได้รับรถมาโดยรุ้ว่าเป็นของร้ายเช่นนี้ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
เดิมรถจักรยานสองล้อของกลางที่จับได้จากจำเลยมีเลขทะเบียนเมื่อค้นได้ไม่มี แต่หมายเลขใต้อานปรากฎว่าตรงกันกับในทะเบียนของเจ้าทรัพย์ ข้อนี้ทำให้ข้อนำสืบของจำเลยที่ว่าซื้อมาจากผู้มีชื่อก่อนเกิดเหตุสองปีมาแล้วฟังไม่ได้ก็ตาม โจทก์มีหน้าที่นำสืบว่าจำเลยรับไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้ายแต่พะยานโจทก์ว่าเมื่อไปค้นบ้านนั้นรถคันนี้อยู่ในที่เปิดเผย กรณีจึงอาจเป็นว่าจำเลยรับไว้โดยชื่อแต่จงใจปิดบังผู้โอนรถให้หาโดยเกรงว่าจะศูนย์เสียกรรมสิทธิ์ในรถนี้ก็ได้ เมื่อพะยานโจทก์และเหตุผล(พฤติการณ์) ในคดีล้วงไปไม่ถึงว่าจำเลยได้รับรถมาโดยรุ้ว่าเป็นของร้ายเช่นนี้ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายโดยไม่ได้สมคบคิด ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์เฉพาะของการกระทำ
จำเลยกับพวกพากันไปท้าทายผู้มีชื่อผู้หนึ่ง ผู้เสียหายซึ่งเป็นคนไม่มีสาเหตุกันเข้ามาห้าม จำเลยได้ชกผู้เสียหายไปหนึ่งทีเพราะความเมา พวกจำเลยคนหนึ่งได้ใช้สนับมือชกผู้เสียหายถึงบาดเจ็บสาหัสจำเลยไม่ได้ซ้ำเติมอีก กรณีเป็นเรื่องต่างคนต่างทำ ไม่ใช้เรื่องสมคบกัน จะลงโทษจำเลยฐานสมคบกับพวกทำร้ายร่างกายสาหัสไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าหรือไม่? การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีดพก ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์และอาวุธที่ใช้
จำเลยกับผู้เสียหายไม่มีสาเหตุต่อกันจำเลยเมาใช้มีดพกเล็กๆกว้าง 2 ซม.ยาว111/2ซม. แทงผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส พฤติการณ์ดังกล่าวยังไม่มีอะไรแสดงให้เห็นว่าจำเลยได้มีเจตนาจะฆ่าให้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1704/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บริวารในสัญญาเช่า: แม้ชื่อเป็นผู้เช่า แต่พฤติการณ์แสดงถึงการเป็นบริวารของสามี ทำให้ต้องออกไปกับสามีเมื่อถูกบังคับคดี
เดิมโจทก์ฟ้องขับไล่นางเจิมในคดีแดงที่ 722/2493 ศาลพิพากษาให้ขับไล่นางเจิม โจทก์อ้างว่าจำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นสามีภรรยาเป็นบริวารของนางเจิมขอให้ขับไล่ด้วย จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยไม่ใช่บริวารของนางเจิม นางอุไรภรรยาเป็นผู้เช่าจากนางเจิมได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
โจทก์จึงฟ้องขอให้ขับไล่สามีที่สุดโจทก์กับสามีตกลงประนีประนอมยอมความกันที่ศาล คือโจทก์ยอมให้สามีเช่าอยู่ต่อไปอีก 2 ปี ครบกำหนดโจทก์ขอให้ศาลบังคับสามีและภรรยา สามียอมออกแต่ภรรยาไม่ยอมออก อ้างว่าตนเป็นผู้เช่าได้รับความคุ้มครอง คำพิพากษาย่อมไม่ผูกพันตนเพราะตนเป็นผู้เช่าสามีไม่มีอำนาจไปทำยอม และได้หย่าขาดจากสามีภรรยาก่อนศาลพิพากษาตามยอมแล้ว
ดังนี้แม้จะได้ความว่าภรรยามีชื่อเป็นผู้เช่า แต่ขณะนั้นสามีภรรยายังอยู่กินในห้องพิพาท เวลาทำสัญญาสามีก็มาด้วยและลงชื่อเป็นพยานในสัญญาเช่า เมื่อคราวศาลเรียกสามีภรรยามาสอบในคดีก่อนคือคดีแดงที่ 722/2493 ภรรยาทราบแต่ไม่มา สามีมาแถลงต่อศาลว่าตนกับภรรยาอยู่ในห้องโดยตนเป็นผู้เช่าจากนางเจิม เมื่อสามีทำยอมกับโจทก์ที่ศาล ภรรยาก็ทราบระหว่างนั้นภรรยายังนำค่าเช่ามาชำระให้โจทก์ด้วย พฤติการณ์ดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นชัดว่าภรรยายอมถือว่าสามีเป็นผู้เช่าห้องพิพาทภรรยาย่อมตกเป็นบริวาร ที่ภรรยาอ้างว่าหย่าขาดนั้นเป็นเพียงโล่ห์บังหน้าเพื่อเลี่ยงการบังคับ
โจทก์จึงฟ้องขอให้ขับไล่สามีที่สุดโจทก์กับสามีตกลงประนีประนอมยอมความกันที่ศาล คือโจทก์ยอมให้สามีเช่าอยู่ต่อไปอีก 2 ปี ครบกำหนดโจทก์ขอให้ศาลบังคับสามีและภรรยา สามียอมออกแต่ภรรยาไม่ยอมออก อ้างว่าตนเป็นผู้เช่าได้รับความคุ้มครอง คำพิพากษาย่อมไม่ผูกพันตนเพราะตนเป็นผู้เช่าสามีไม่มีอำนาจไปทำยอม และได้หย่าขาดจากสามีภรรยาก่อนศาลพิพากษาตามยอมแล้ว
ดังนี้แม้จะได้ความว่าภรรยามีชื่อเป็นผู้เช่า แต่ขณะนั้นสามีภรรยายังอยู่กินในห้องพิพาท เวลาทำสัญญาสามีก็มาด้วยและลงชื่อเป็นพยานในสัญญาเช่า เมื่อคราวศาลเรียกสามีภรรยามาสอบในคดีก่อนคือคดีแดงที่ 722/2493 ภรรยาทราบแต่ไม่มา สามีมาแถลงต่อศาลว่าตนกับภรรยาอยู่ในห้องโดยตนเป็นผู้เช่าจากนางเจิม เมื่อสามีทำยอมกับโจทก์ที่ศาล ภรรยาก็ทราบระหว่างนั้นภรรยายังนำค่าเช่ามาชำระให้โจทก์ด้วย พฤติการณ์ดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นชัดว่าภรรยายอมถือว่าสามีเป็นผู้เช่าห้องพิพาทภรรยาย่อมตกเป็นบริวาร ที่ภรรยาอ้างว่าหย่าขาดนั้นเป็นเพียงโล่ห์บังหน้าเพื่อเลี่ยงการบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1676/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบคิดฆ่าผู้อื่น: พฤติการณ์ที่ไม่พอฟังว่ามีเจตนา
นายสุพีจำเลยทำอนาจารบุตรผู้เสียหาย ที่สุดจำเลยกับพวกได้ไปสู่ขอหญิงตามประเพณี เมื่อไม่ตกลงค่าสินสอดกัน จำเลยคนหนึ่งกล่าวว่าไม่ตกลงก็กลับ ฝ่ายหญิงว่านายสุเทพกลับได้แต่ต้องขอตัวนายสุพีไว้ก่อน นายสุเทพว่าอยากได้คนหรือเงินก็ไปฟ้องเอา ฝ่ายหญิงบอกให้ผู้ตายไปคุมตัวนายสุพีไว้พอผู้ตายลุกขึ้น นายสุเทพพูดว่าพวกเราจัดการ จัดการอะไรไม่ได้กล่าว อาจหมายเพียงให้ขัดขวางมิให้จับกุมหรืออย่างใดไม่แน่ทั้งนั้น ส่วนนายคลังจำเลยอีกคนตวักปืนออกมาขู่ให้นั่งที่สุดยิงไป 1 นัด หันปากกระบอกไปทางไม่มีคน แสดงว่าไม่เจตนายิงใคร ดังนี้แม้พวกจำเลยอีกคนหนึ่งซึ่งหลบหนีไปจะได้แทงผู้ตายตาย พฤติการณ์เช่นนี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งสองสมคบกับพวกที่หลบหนีไปฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยทั้งสองไม่มีความผิด