พบผลลัพธ์ทั้งหมด 784 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิเรียกร้องในสัญญาประกันก่อสร้างและการยึดทรัพย์: สิทธิเรียกร้องตกเป็นของผู้รับโอนก่อนการอายัติ
จำเลยวางเงินจำนวนหนึ่งเป็นประกันในการรับเหมา ทำการปลูปสร้างตึกแถวให้แก่บุคคลหนึ่ง แล้วจำเลยได้โอนขายสิทธิเรียกร้องในการรับเงินรายนี้ให้แก่ผู้ร้องๆ ได้แจ้งการโอนสิทธิรายนี้แก่บุคคล - นั้นก่อนมีการอายัติเงินที่วางประกันดังกล่าวแล้ว สิทธิที่จะรับเงินวางประกันคืนก็ตกมาเป็นของผู้ร้องขาดจากการเป็นสิทธิ หรือทรัพย์สินของจำเลยแล้ว เจ้าหนี้ของจำเลยย่อมไม่มีสิทธิจะทำการยึดหรืออายัติได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้ซื้อที่ดินก่อนการยึดและการเพิกถอนสัญญายอมความ ต้องดำเนินการผ่านการฟ้อง ไม่ใช่คำร้อง
โจทก์นำยึดนามีโฉนดของจำเลย ขอให้ศาลประกาศขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาท้ายยอม ปรากฏว่านารายนี้จำเลยได้ทำสัญญาขายให้ผู้ร้องไปครอบครองปีกว่าแล้ว แต่ยังติดขัดโอนโฉนดกันยังไม่ได้ เมื่อเกิดมีคดีระหว่างโจทก์จำเลยขึ้น ผู้ร้องจึงยื่นฟ้องจำเลยบ้างขอให้โอนที่นาพิพาทแก่ผู้ร้อง และเมื่อนาพิพาทถูกโจทก์ยึดดังกล่าว ผู้ร้องจึงร้องสอดเข้ามาในคดีนี้ ขอให้ศาลเพิกถอนสัญญายอมความระหว่างโจทก์จำเลยตามคำพิพากษาท้ายยอมและให้ถอนการยึด ดังนี้ วินิจฉัยว่า ผู้ร้องยังไม่มีสิทธิจะมาร้องขอให้ถอนการยึดได้ และการขอให้จำเลยทำลายสัญญายอมความและคำพิพากษาท้ายยอม ก็ต้องทำเป็นฟ้องไม่ใช่ทำเป็นคำร้อง แม้ในคดีที่ผู้ร้องฟ้องจำเลยให้โอนนาพิพาทให้แก่ผู้ร้องศาลจะได้พิพากษาในภายหลังให้จำเลยโอนนาพิพาทให้ผู้ร้องตามสัญญาซื้อขายก็ดี ก็เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะต้องดำเนินการบังคับคดีนั้นต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์โดยสุจริตของผู้บังคับคดีไม่เป็นละเมิด แม้จะยึดทรัพย์ผิดแปลง
จ้าหนี้นำยึดบ้านเรือน โดยมีเหตุผลให้เชื่อโดยสุจริตวา บ้านเรือนที่ยึดเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาจนขายทอดตลาดบ้านเรือนนั้นไป ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำที่โดยใช้สิทธิทางศาล เมื่อเจ้าหนี้หรือผู้แทนกระทำไปโดยมิได้ประมาทเลินเล่อแต่อย่างใดแล้ว ถึงแม้จะปรากฎว่าบ้านเรือนที่นำยึดเป็นของผู้อื่นก็ดี การกระทำของเจ้าหนี้ก็ไม่เป็นการละเมิด
(อ้างฎีกาที่ 960/2485)
(อ้างฎีกาที่ 960/2485)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 764/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์อู่ซ่อมรถในที่เช่า: การยึดทรัพย์บังคับคดีขัดต่อสัญญาระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่า
เช่าที่ดินเขาแล้วปลูกอู่ซ่อมรถยนต์ลงในที่เช่านั้นโดยข้อสัญญาว่า ผู้เช่าจะรักษาที่เช่าทุกส่วนให้เรียบร้อยจนกว่าค่าเช่าจะออกจากที่เช่าหรือหมดอายุสัญญาเช่าต้องเลิกกันเพราะผิดสัญญา ผู้เช่าจะรื้อถอนอู่ซ่อมรถยนต์ที่ปลูกไว้มิได้ ต้องปล่อยให้ตกเป็นของผู้ให้เช่าโดยไม่เรียกร้องเอาค่าอะไรจากผู้ให้เช่า และสัญญาเช่ารายนี้ก็เป็นสัญญาเฉพาะตัวผู้เช่ากับบริวารเท่านั้นมีสิทธิจะอยู่ได้ จะให้ผู้อื่นเช่าช่วงหรือให้ผู้อื่นเข้าอยู่แทนเช่นให้อาศัยก็ไม่ได้ ฉะนั้นเมื่ออู่รถยนต์นี้ทุกเจ้าหนี้ของผู้เช่ายึดทรัพย์บังคับคดีตามคำพิพากษา ก็เป็นอันว่าผู้เช่าต้องออกจากทรัพย์ที่เช่านี้โดยปริยายตามอำนาจของการยึดทรัพย์ ฉะนั้นอู่รถยนต์นี้ก็ต้องตกเป็นกรรมสิทธิของผู้ให้เช่าคือเจ้าของที่ดินตามข้อสัญญา คดีจึงตกอยู่ในบังคับตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 285(2) กล่าวคือเป็นทรัพย์สินที่โอนกันไม่ได้ หรือไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ศาลต้องสั่งถอนการยึดอู่รถยนต์รายนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 764/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อู่ซ่อมรถบนที่เช่า: สิทธิของผู้ให้เช่าเมื่อผู้เช่าถูกยึดทรัพย์
เช่าที่ดินเขาแล้วปลูกอู่ซ่อมรถยนต์ลงในที่เช่านั้นโดยมีข้อสัญญาว่าผู้เช่าจะรักษาที่เช่าทุกส่วนให้เรียบร้อยจนกว่าผู้เช่าจะออกจากที่เช่าหรือหมดอายุสัญญาเช่าหรือผิดสัญญาหรือสัญญาเช่าต้องเลิกกันเพราะผิดสัญญาผู้เช่าจะรื้อถอนอู่ซ่อมรถยนต์ที่ปลูกไว้มิได้ ต้องปล่อยให้ตกเป็นของผู้ให้เช่าโดยไม่เรียกร้องเอาค่าอะไรจากผู้ให้เช่า และสัญญาเช่ารายนี้ก็เป็นสัญญาเฉพาะตัวผู้เช่ากับบริวารเท่านั้นมีสิทธิ์จะอยู่ได้ จะให้ผู้อื่นเช่าช่วงหรือให้ผู้อื่นเข้าอยู่แทนเช่นให้อาศัยก็ไม่ได้ ฉะนั้นเมื่ออู่รถยนต์นี้ถูกเจ้าหนี้ของผู้เช่ายึดทรัพย์บังคับคดีตามคำพิพากษา ก็เป็นอันว่าผู้เช่าต้องออกจากทรัพย์ที่เช่านี้โดยปริยายตามอำนาจของการยึดทรัพย์ ฉะนั้นอู่รถยนต์นี้ก็ต้องตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่าคือเจ้าของที่ดินตามข้อสัญญา คดีจึงตกอยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 285(2). กล่าวคือเป็นทรัพย์สินที่โอนกันไม่ได้ หรือไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ศาลต้องสั่งถอนการยึดอู่รถยนต์รายนี้ (ประชุมใหญ่)ครั้งที่ 5/2494
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกรรมสิทธิ์เรือโดยไม่จดทะเบียน และการยึดทรัพย์ของบุคคลที่ไม่ใช่ศัตรูต่อสหประชาชาติ
เจ้าหนี้ได้รับมอบเรือในการตีใช้หนี้ค่าส่งอาหาร แล้วจำเลยยึดเรือนั้นไป เจ้าหนี้จึงฟ้องเรียกเรือคืน แม้ในฟ้องจะไม่กล่าวถึงรายละเอียดในเรื่องอาหารที่ได้ส่งให้ลูกหนี้ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะข้อนี้เป็นแต่มูลเหตุที่ได้เรือมา ไม่ใช่ข้อประเด็นโดยตรง
กองทัพยี่ปุ่นลูกหนี้มอบเรือซึ่งยังไม่เคยมีทะเบียนตีใช้หนี้ให้เจ้าหนี้ แม้จะไม่ได้จดทะเบียนการโอน อย่างน้อยเจ้าหนี้ก็มีสิทธิ์ครอบครองดีกว่าคนอื่น รวมทั้ง ก.ท.ส.ที่เข้ายึดเรืออันนับว่าเป็นผู้ใช้สิทธิ์ของกองทัพยี่ปุ่นซึ่งไม่มีสิทธิ์จะเอาเรือนั้นกลับคืนจากโจทก์
โจทก์เป็นจีนฮกเกี้ยนไม่ใช่บุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติ โจทก์ได้รับเรือใช้หนี้จากกองทัพยี่ปุ่นก่อนยี่ปุ่นแพ้สงคราม เรือนั้นย่อมพ้นสภาพเรือใช้ในการสงคราม
ก.ท.ส.มีอำนาจแต่เฉพาะในทรัพย์สินของสัตรูต่อสหประชาชาติ เมื่อ ก.ท.ส.ทำตามอำนาจและหน้าที่ แต่ทำผิดไปโดยไปยึดทรัพย์ของโจทก์ที่ไม่ใช่สัตรูต่อสหประชาชาติโดยไม่มีอำนาจ ก.ท.ส.ก็ต้องคืนเรือนั้นเมื่อคืนไม่ได้โดยไม่ข้อแก้ตัวก็ต้องใช้ราคา
ศาลพิาพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือจำเลยจะอ้างว่าจำเลยมีสิทธิ์ใช้เงินแต่เฉพาะที่หักจากเงินของสัตรูต่อสหประชาชาติ จำเลยไม่มีเงินของตนเอง ดังนี้การที่จำเลยจะมีสินทรัพย์ใช้ให้ได้หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือได้
กองทัพยี่ปุ่นลูกหนี้มอบเรือซึ่งยังไม่เคยมีทะเบียนตีใช้หนี้ให้เจ้าหนี้ แม้จะไม่ได้จดทะเบียนการโอน อย่างน้อยเจ้าหนี้ก็มีสิทธิ์ครอบครองดีกว่าคนอื่น รวมทั้ง ก.ท.ส.ที่เข้ายึดเรืออันนับว่าเป็นผู้ใช้สิทธิ์ของกองทัพยี่ปุ่นซึ่งไม่มีสิทธิ์จะเอาเรือนั้นกลับคืนจากโจทก์
โจทก์เป็นจีนฮกเกี้ยนไม่ใช่บุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติ โจทก์ได้รับเรือใช้หนี้จากกองทัพยี่ปุ่นก่อนยี่ปุ่นแพ้สงคราม เรือนั้นย่อมพ้นสภาพเรือใช้ในการสงคราม
ก.ท.ส.มีอำนาจแต่เฉพาะในทรัพย์สินของสัตรูต่อสหประชาชาติ เมื่อ ก.ท.ส.ทำตามอำนาจและหน้าที่ แต่ทำผิดไปโดยไปยึดทรัพย์ของโจทก์ที่ไม่ใช่สัตรูต่อสหประชาชาติโดยไม่มีอำนาจ ก.ท.ส.ก็ต้องคืนเรือนั้นเมื่อคืนไม่ได้โดยไม่ข้อแก้ตัวก็ต้องใช้ราคา
ศาลพิาพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือจำเลยจะอ้างว่าจำเลยมีสิทธิ์ใช้เงินแต่เฉพาะที่หักจากเงินของสัตรูต่อสหประชาชาติ จำเลยไม่มีเงินของตนเอง ดังนี้การที่จำเลยจะมีสินทรัพย์ใช้ให้ได้หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในเรือที่ได้มาจากการตีใช้หนี้: สิทธิครอบครองดีกว่าสิทธิของ ก.ท.ส. ที่ยึดทรัพย์ผิด
เจ้าหนี้ได้รับมอบเรือในการตีใช้หนี้ค่าส่งอาหาร แล้วจำเลยยึดเรือนั้นไป เจ้าหนี้จึงฟ้องเรียกเรือคืน แม้ในฟ้องจะไม่กล่าวถึงรายละเอียดในเรื่องอาหารที่ได้ส่งให้ลูกหนี้ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะข้อนี้เป็นแต่มูลเหตุที่ได้เรือมา ไม่ใช่ข้อประเด็นโดยตรง
กองทัพญี่ปุ่นลูกหนี้มอบเรือซึ่งยังไม่เคยมีทะเบียนตีใช้หนี้ให้เจ้าหนี้ แม้จะไม่ได้จดทะเบียนการโอน อย่างน้อยเจ้าหนี้ก็มีสิทธิครอบครองดีกว่าคนอื่นรวมทั้ง ก.ท.ส. ที่เข้ายึดเรืออันนับว่าเป็นผู้ใช้สิทธิ์ของกองทัพญี่ปุ่นซึ่งไม่มีสิทธิจะเอาเรือนั้นกลับคืนจากโจทก์
โจทก์เป็นจีนฮกเกี้ยนไม่ใช่บุคคลที่เป็นศัตรูต่อสหประชาชาติ โจทก์ได้รับเรือตีใช้หนี้จากกองทัพญี่ปุ่นก่อนญี่ปุ่นแพ้สงคราม เรือนั้นย่อมพ้นสภาพเรือที่ใช้ในการสงคราม
ก.ท.ส.มีอำนาจแต่เฉพาะในทรัพย์สินของศัตรูต่อสหประชาชาติ เมื่อก.ท.ส.ทำตามอำนาจและหน้าที่ แต่ทำผิดไปโดยไปยึดทรัพย์ของโจทก์ที่ไม่ใช่ศัตรูต่อสหประชาชาติโดยไม่มีอำนาจ ก.ท.ส.ก็ต้องคืนเรือนั้นเมื่อคืนไม่ได้โดยไม่มีข้อแก้ตัวก็ต้องใช้ราคา
ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือจำเลยจะอ้างว่าจำเลยมีสิทธิใช้เงินแต่เฉพาะที่หักจากเงินของศัตรูต่อสหประชาชาติ จำเลยไม่มีเงินของตนเองดังนี้ การที่จำเลยจะมีสินทรัพย์ใช้ให้ได้หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือได้
กองทัพญี่ปุ่นลูกหนี้มอบเรือซึ่งยังไม่เคยมีทะเบียนตีใช้หนี้ให้เจ้าหนี้ แม้จะไม่ได้จดทะเบียนการโอน อย่างน้อยเจ้าหนี้ก็มีสิทธิครอบครองดีกว่าคนอื่นรวมทั้ง ก.ท.ส. ที่เข้ายึดเรืออันนับว่าเป็นผู้ใช้สิทธิ์ของกองทัพญี่ปุ่นซึ่งไม่มีสิทธิจะเอาเรือนั้นกลับคืนจากโจทก์
โจทก์เป็นจีนฮกเกี้ยนไม่ใช่บุคคลที่เป็นศัตรูต่อสหประชาชาติ โจทก์ได้รับเรือตีใช้หนี้จากกองทัพญี่ปุ่นก่อนญี่ปุ่นแพ้สงคราม เรือนั้นย่อมพ้นสภาพเรือที่ใช้ในการสงคราม
ก.ท.ส.มีอำนาจแต่เฉพาะในทรัพย์สินของศัตรูต่อสหประชาชาติ เมื่อก.ท.ส.ทำตามอำนาจและหน้าที่ แต่ทำผิดไปโดยไปยึดทรัพย์ของโจทก์ที่ไม่ใช่ศัตรูต่อสหประชาชาติโดยไม่มีอำนาจ ก.ท.ส.ก็ต้องคืนเรือนั้นเมื่อคืนไม่ได้โดยไม่มีข้อแก้ตัวก็ต้องใช้ราคา
ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือจำเลยจะอ้างว่าจำเลยมีสิทธิใช้เงินแต่เฉพาะที่หักจากเงินของศัตรูต่อสหประชาชาติ จำเลยไม่มีเงินของตนเองดังนี้ การที่จำเลยจะมีสินทรัพย์ใช้ให้ได้หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ราคาเรือได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษาและการบังคับคดี แม้จำเลยไม่ได้รับแจ้ง ย่อมมีผลบังคับใช้ได้
การยึดทรัพย์จำเลยก่อนคำพิพากษานั้น แม้การยึดทรัพย์เจ้าพนักงานจะมิได้แจ้งให้จำเลยทราบเพราะไม่พบตัวจำเลยก็ไม่ทำให้การยึดนั้นเสียไป
จำเลยขายทรัพย์ที่ถูกยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนคำพิพากษาแก่ผู้อื่น แม้ผู้ซื้อจะซื้อโดยสุจริต ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 259,305 และในภายหลังปรากฏว่าจำเลยถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราว เพราะมีผู้ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่สามารถเข้าครอบครองทรัพย์ที่ถูกยึดดังกล่าวข้างต้นได้ เนื่องจากเมื่อซื้อขายทรัพย์ที่ถูกยึดกันแล้ว ผู้ซื้อก็ขนเอาทรัพย์นั้นไปหมด โดยผู้ดูแลรักษาทรัพย์นั้นได้รู้เห็น ดังนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าพนักงานบังคับคดี ย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องให้ผู้ซื้อทรัพย์นั้นกับผู้ดูแลรักษาทรัพย์นั้นส่งทรัพย์ที่เอาไปได้ ถ้าส่งไม่ได้ก็ต้องใช้ราคา
จำเลยขายทรัพย์ที่ถูกยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนคำพิพากษาแก่ผู้อื่น แม้ผู้ซื้อจะซื้อโดยสุจริต ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 259,305 และในภายหลังปรากฏว่าจำเลยถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราว เพราะมีผู้ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่สามารถเข้าครอบครองทรัพย์ที่ถูกยึดดังกล่าวข้างต้นได้ เนื่องจากเมื่อซื้อขายทรัพย์ที่ถูกยึดกันแล้ว ผู้ซื้อก็ขนเอาทรัพย์นั้นไปหมด โดยผู้ดูแลรักษาทรัพย์นั้นได้รู้เห็น ดังนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าพนักงานบังคับคดี ย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องให้ผู้ซื้อทรัพย์นั้นกับผู้ดูแลรักษาทรัพย์นั้นส่งทรัพย์ที่เอาไปได้ ถ้าส่งไม่ได้ก็ต้องใช้ราคา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจบังคับคดีและการขัดขวางสิทธิเจ้าหนี้หลังยึดทรัพย์
เมื่อเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดทรัพย์ของลูกหนี้เพื่อขายทอดตลาดแล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 278 ให้ทรัพย์ที่ยึดและเงินที่ขายทอดตลาดตกอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดี ลูกหนี้ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์ไม่มีอำนาจจะกระทำการอันเป็นการเสื่อมเสียต่อการบังคับคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เช่นลูกหนี้ทำสัญญายกเงินที่ขายทอดตลาดให้แก่ผู้ใด ผู้นั้นก็หามีอำนาจที่จะยกสิทธินั้นมาอ้างเพื่อขัดขวางสิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่บังคับคดีหรือขอเฉลี่ยทรัพย์ ได้ไม่ และเมื่อปรากฏว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ยึดทรัพย์ลูกหนี้ขายทอดตลาดแล้วเจ้าหนี้อื่นก็ไม่มีสิทธิขัดขวางสิทธิของเจ้าหนี้ที่ได้ดำเนินการบังคับคดีนั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ก็อนุญาตเฉพาะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะร้องขอเฉลี่ยในเงินที่ขายทอดตลาดได้เท่านั้น จะไปขอยึดทรัพย์นั้นโดยวิธีการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ก็หาทำให้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 714/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของเจ้าหนี้ในการคัดค้านการถอนการยึดทรัพย์ในคดีล้มละลาย
การที่มีผู้คัดค้านให้ถอนการยึดทรัพย์ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดไว้ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งให้ถอนการยึด ดังนี้โจทก์ย่อมร้องต่อศาลได้ตาม ม. 146