พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,780 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3375/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ-อำนาจฟ้องละเมิด: สัญญาประนีประนอมยอมความเป็นโมฆะ ไม่ตัดสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหาย
คดีเดิมภริยาโจทก์ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความอันสืบเนื่องมาจากจำเลยทำร้ายร่างกายของโจทก์ศาลพิพากษายกฟ้องเพราะสัญญาประนีประนอมยอมความมีวัตถุประสงค์ให้ระงับคดีอาญาแผ่นดินเป็นโมฆะคดีถึงที่สุดประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์และทำให้กล้องวีดีโอของโจทก์เสียหายอันเป็นการละเมิดประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่าจำเลยกระทำละเมิดหรือไม่ประเด็นแห่งคดีที่จะต้องวินิจฉัยในคดีนี้จึงมิใช่ประเด็นที่ได้วินิจฉัยมาแล้วโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีเดิมไม่เป็นฟ้องซ้ำ จำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์โจทก์มอบอำนาจให้ภริยาทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยแต่จำเลยไม่ชำระหนี้ตามสัญญาโจทก์จึงมอบอำนาจให้ภริยาฟ้องจำเลยเป็นคดีก่อนปรากฏว่าศาลพิพากษายกฟ้องเพราะสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นโมฆะดังนั้นสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นอันเสียเปล่าเท่ากับมิได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อกันจึงถือไม่ได้ว่าหนี้ละเมิดที่จำเลยกระทำต่อโจทก์ซึ่งเป็นมูลเหตุของการประนีประนอมยอมความที่โจทก์และจำเลยได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไปและได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญาประนีประนอมเป็นของโจทก์และจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา852โจทก์จึงฟ้องจำเลยฐานละเมิดเป็นคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3375/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความโมฆะไม่กระทบอำนาจฟ้องละเมิดเดิม โจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายฐานละเมิดได้
จำเลยที่1ทำร้ายร่างกายโจทก์ได้รับอันตรายสาหัสโจทก์มอบอำนาจให้ ร. ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่1ต่อมาจำเลยที่1ไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ร.จึงฟ้องจำเลยที่1ให้ชำระค่าเสียหายศาลชั้นต้นยกฟ้องเนื่องจากสัญญาประนีประนอมยอมความตกเป็นโมฆะดังนั้นสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นอันเสียเปล่าเท่ากับว่ามิได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อกันถือไม่ได้ว่าหนี้ละเมิดที่จำเลยที่1กระทำต่อโจทก์ซึ่งเป็นมูลเหตุของการทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์และจำเลยที่1ได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไปและได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา852การฟ้องคดีดังกล่าวจึงไม่มีผลต่ออำนาจฟ้องของโจทก์โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่1ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนฐานละเมิดคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3373/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้ต้องมีมูลหนี้จากการละเมิด หากไม่มีมูลหนี้เดิม การทำหนังสือรับสภาพหนี้ก็ไม่ผูกพัน
จำเลยที่2มิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์แม้จำเลยที่2จะทำหนังสือยอมรับผิดชอบตามหน้าที่ไว้ก็หาทำให้เอกสารดังกล่าวเป็นหนังสือรับสภาพหนี้เพราะไม่มีมูลหนี้เดิมอันเกิดจากการละเมิดที่จะให้รับสภาพหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3361/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีละเมิด: ผลการยกฟ้องคดีก่อนและระยะเวลาการฟ้องใหม่
การที่โจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยในคดีก่อนแม้มีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา173(เดิม)ก็ตามแต่เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องมาตรา174(เดิม)บัญญัติให้ไม่เป็นเหตุทำให้อายุความสะดุดหยุดลงแม้คดีก่อนศาลจะยกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคำฟ้องมายื่นใหม่ก็ตามก็ยังต้องอยู่ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยอายุความตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา148(3)บัญญัติไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3357/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการละเมิด: ค่ารักษาพยาบาล, การดูแล, และความเสียหายทางจิตใจ
ค่ารักษาพยาบาลเป็นค่าเสียหายฐานละเมิด แม้บิดาโจทก์จะเบิกจากทางราชการและทางราชการได้จ่ายค่าเสียหายในส่วนนี้แทนโจทก์ไปแล้วก็เป็นสิทธิเฉพาะตัวของบิดาโจทก์ไม่เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยที่ 2 โจทก์จึงยังมีสิทธิเรียกร้องเอาค่ารักษาพยาบาลจากจำเลยที่ 2 ผู้ต้องรับผิดฐานละเมิดได้ และกรณีเป็นคนละเรื่องกับการที่โจทก์มีสิทธิที่จะเรียกเอาค่าเสียหายอันมิใช่ตัวเงินในกรณีถูกทำละเมิดจนได้รับอันตรายแก่กายหรือถึงแก่ชีวิต
เมื่อโจทก์ออกจากโรงพยาบาลแล้ว โจทก์ยังต้องได้รับการรักษาโดยทางกายภาพบำบัด ต้องมีผู้มาทำกายภาพบำบัดให้ที่บ้านของโจทก์อีกเป็นเวลา 3 เดือน เชื่อว่าโจทก์ต้องเสียค่าจ้างคนมาทำกายภาพบำบัดให้ แม้โจทก์ไม่มีใบเสร็จรับเงินมาแสดง โจทก์ก็มีสิทธิเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้ได้
ค่าจ้างบุคคลอื่นดูแลโจทก์ในระหว่างการรักษาพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น แม้โจทก์จะไม่มีใบเสร็จรับเงินมาแสดงและไม่มีรายละเอียดว่าได้จ่ายค่าจ้างไปเท่าใดก็ตาม แต่การที่โจทก์ได้รับบาดเจ็บขาหักหลายแห่งต้องผ่าตัดหลายครั้งและต้องทำการกายภาพบำบัด ทั้งขณะอยู่ที่โรงพยาบาลและออกจากโรงพยาบาลแล้ว ใช้เวลารักษาในโรงพยาบาลนานถึง 129 วัน จำเป็นต้องมีผู้ดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด เพราะโจทก์ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้ได้
ขณะเกิดเหตุโจทก์เป็นนักเรียนกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 6โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส ต้องพักรักษาตัวหลายเดือน ต้องขาดเรียนและเรียนซ้ำชั้น โจทก์ย่อมได้รับความทุกข์ทรมานทางกายและจิตใจมาก โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกค่าเสียหายอันมิใช่ตัวเงินในส่วนนี้ได้ และไม่ใช่ค่าเสียหายที่ไกลเกินเหตุตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 446
เมื่อโจทก์ออกจากโรงพยาบาลแล้ว โจทก์ยังต้องได้รับการรักษาโดยทางกายภาพบำบัด ต้องมีผู้มาทำกายภาพบำบัดให้ที่บ้านของโจทก์อีกเป็นเวลา 3 เดือน เชื่อว่าโจทก์ต้องเสียค่าจ้างคนมาทำกายภาพบำบัดให้ แม้โจทก์ไม่มีใบเสร็จรับเงินมาแสดง โจทก์ก็มีสิทธิเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้ได้
ค่าจ้างบุคคลอื่นดูแลโจทก์ในระหว่างการรักษาพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น แม้โจทก์จะไม่มีใบเสร็จรับเงินมาแสดงและไม่มีรายละเอียดว่าได้จ่ายค่าจ้างไปเท่าใดก็ตาม แต่การที่โจทก์ได้รับบาดเจ็บขาหักหลายแห่งต้องผ่าตัดหลายครั้งและต้องทำการกายภาพบำบัด ทั้งขณะอยู่ที่โรงพยาบาลและออกจากโรงพยาบาลแล้ว ใช้เวลารักษาในโรงพยาบาลนานถึง 129 วัน จำเป็นต้องมีผู้ดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด เพราะโจทก์ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้ได้
ขณะเกิดเหตุโจทก์เป็นนักเรียนกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 6โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส ต้องพักรักษาตัวหลายเดือน ต้องขาดเรียนและเรียนซ้ำชั้น โจทก์ย่อมได้รับความทุกข์ทรมานทางกายและจิตใจมาก โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกค่าเสียหายอันมิใช่ตัวเงินในส่วนนี้ได้ และไม่ใช่ค่าเสียหายที่ไกลเกินเหตุตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 446
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3357/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลและค่าเสียหายทางจิตใจจากการถูกละเมิด แม้ผู้เสียหายได้รับการรักษาจากสวัสดิการอื่น
แม้บิดาโจทก์จะ เบิกค่ารักษาพยาบาลจาก ทางราชการและจ่ายแทนโจทก์ไปแล้วก็เป็น สิทธิเฉพาะตัวของบิดาโจทก์โจทก์จึงยังคงมี สิทธิเรียกร้องเอา ค่ารักษาพยาบาลจากผู้ก่อเหตุละเมิดต่อโจทก์ได้และเป็นคนละเรื่องกับการที่โจทก์จะใช้สิทธิเรียกเอา ค่าเสียหายอันมิใช่ตัวเงินในกรณีถูกทำละเมิดจนได้รับอันตรายแก่กาย โจทก์เป็นนักเรียนถูกจำเลยที่1ลูกจ้างของจำเลยที่2ขับรถยนต์ชนโดยละเมิดจนบาดเจ็บสาหัสต้องผ่าตัดรักษาตัวหลายครั้งอยู่ที่โรงพยาบาลนานถึง129วันและต้องรักษาตัวที่บ้านอีกหลายเดือนได้รับความทุกข์ทรมานเพราะบาดแผลที่ได้รับเป็นเวลานานทั้งต้องขาดเรียนและเรียนซ้ำชั้นเป็นความทุกข์ทรมานทางกายและจิตใจย่อมมีสิทธิเรียกค่าเสียหายอันมิใช่ตัวเงินและไม่ใช่เป็นค่าเสียหายที่ไกลเกินเหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3357/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่ารักษาพยาบาลจากละเมิด แม้มีประกัน/เบิกได้ ก็ยังเรียกร้องจากผู้ทำละเมิดได้ และสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายทางจิตใจ
ค่ารักษาพยาบาลโจทก์ซึ่งเป็นผู้เยาว์ที่ได้รับอันตรายแก่กายฐานละเมิดแม้บิดาโจทก์จะเบิกจากทางราชการและทางราชการได้จ่ายแทนโจทก์ไปแล้วก็ตามก็เป็นสิทธิเฉพาะตัวของบิดาโจทก์โจทก์จึงยังมีสิทธิเรียกร้องเอาค่ารักษาพยาบาลจากจำเลยผู้ทำละเมิดได้และกรณีเป็นคนละเรื่องกับการที่โจทก์มีสิทธิที่จะเรียกเอาค่าเสียหายอันมิใช่ตัวเงินในกรณีถูกทำละเมิดจนได้รับอันตรายแก่กาย จำเลยทำละเมิดเป็นเหตุให้โจทก์ขาหักหลายแห่งต้องรักษาโดยการผ่าตัดหลายครั้งและอยู่ที่โรงพยาบาลนานถึง129วันออกจากโรงพยาบาลแล้วต้องรักษาตัวที่บ้านหลายเดือนโจทก์ได้รับอันตรายถึงสาหัสต้องทนทุกข์ทรมานเป็นเวลานานต้องขาดเรียนและเรียนซ้ำชั้นได้รับความทุกข์ทรมานทางกายและจิตใจย่อมมีสิทธิเรียกค่าเสียหายอันมิใช่ตัวเงินในส่วนนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา446
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3357/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่ารักษาพยาบาลและค่าเสียหายอื่นจากละเมิด แม้มีประกันหรือเบิกจ่ายแล้ว ผู้เสียหายยังคงมีสิทธิเรียกร้องจากผู้กระทำละเมิดได้
ค่ารักษาพยาบาลเป็นค่าเสียหายฐานละเมิดแม้บิดาโจทก์จะเบิกจากทางราชการและทางราชการได้จ่ายค่าเสียหายในส่วนนี้แทนโจทก์ไปแล้วก็เป็นสิทธิเฉพาะตัวของบิดาโจทก์ไม่เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยที่2โจทก์จึงยังมีสิทธิเรียกร้องเอาค่ารักษาพยาบาลจากจำเลยที่2ผู้ต้องรับผิดฐานละเมิดได้และกรณีเป็นคนละเรื่องกับการที่โจทก์มีสิทธิที่จะเรียกเอาค่าเสียหายอันมิใช่ตัวเงินในกรณีถูกทำละเมิดจนได้รับอันตรายแก่กายหรือถึงแก่ชีวิต เมื่อโจทก์ออกจากโรงพยาบาลแล้วโจทก์ยังต้องได้รับการรักษาโดยทางกายภาพบำบัดต้องมีผู้มาทำกายภาพบำบัดให้ที่บ้านของโจทก์อีกเป็นเวลา3เดือนเชื่อว่าโจทก์ต้องเสียค่าจ้างคนมาทำกายภาพบำบัดให้แม้โจทก์ไม่มีใบเสร็จรับเงินมาแสดงโจทก์ก็มีสิทธิเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้ได้ ค่าจ้างบุคคลอื่นดูแลโจทก์ในระหว่างการรักษาพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลนั้นแม้โจทก์จะไม่มีใบเสร็จรับเงินมาแสดงและไม่มีรายละเอียดว่าได้จ่ายค่าจ้างไปเท่าใดก็ตามแต่การที่โจทก์ได้รับบาดเจ็บขาหักหลายแห่งต้องผ่าตัดหลายครั้งและต้องทำการกายภาพบำบัดทั้งขณะอยู่ที่โรงพยาบาลและออกจากโรงพยาบาลแล้วใช้เวลารักษาในโรงพยาบาลนานถึง129วันจำเป็นต้องมีผู้ดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดเพราะโจทก์ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้ได้ ขณะเกิดเหตุโจทก์เป็นนักเรียนกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่6โจทก์ได้รับอันตรายสาหัสต้องพักรักษาตัวหลายเดือนต้องขาดเรียนและเรียนซ้ำชั้นโจทก์ย่อมได้รับความทุกข์ทรมานทางกายและจิตใจมากโจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกค่าเสียหายอันมิใช่ตัวเงินในส่วนนี้ได้และไม่ใช่ค่าเสียหายที่ไกลเกินเหตุตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา446
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3345/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาพยาบาลจากเหตุละเมิด และขอบเขตค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องได้
บิดามารดาโจทก์เดินทางไปเฝ้าดูแลโจทก์ขณะที่โจทก์พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เนื่องจากโจทก์ช่วยตัวเองไม่ได้แพทย์ไม่ให้เคลื่อนไหวเพราะหากหกล้มจะเป็นอัมพาต จำเป็นต้อง มีผู้ดูแล ค่าเดินทางและค่าที่พักที่บิดามารดาโจทก์ใช้จ่ายไป จึงเป็นค่าใช้จ่ายอันจำเป็นในการรักษาพยาบาลโจทก์ โจทก์มีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้ ค่าขาดประโยชน์ที่บิดามารดาโจทก์ไม่ได้ประกอบการงานในระหว่างที่เฝ้าดูแลรักษาโจทก์ มิใช่เป็นค่าเสียหายที่โจทก์พึงเรียกร้องได้จากผู้ทำละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444,445 และ 446
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3345/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาพยาบาลจากเหตุละเมิด และขอบเขตค่าเสียหายที่เรียกร้องได้
บิดามารดาโจทก์เดินทางไปเฝ้าดูแลโจทก์ขณะที่โจทก์พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเนื่องจากโจทก์ช่วยตัวเองไม่ได้แพทย์ไม่ให้เคลื่อนไหวเพราะหากหกล้มจะเป็นอัมพาตจำเป็นต้องมีผู้ดูแลค่าเดินทางและค่าที่พักที่บิดามารดาโจทก์ใช้จ่ายไปจึงเป็นค่าใช้จ่ายอันจำเป็นในการรักษาพยาบาลโจทก์โจทก์มีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้ ค่าขาดประโยชน์ที่บิดามารดาโจทก์ไม่ได้ประกอบการงานในระหว่างที่เฝ้าดูแลรักษาโจทก์มิใช่เป็นค่าเสียหายที่โจทก์พึงเรียกได้จากผู้ทำละเมิดต่อโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา444,445และ446