คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลอุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,244 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3796/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาถึงที่สุด: สิทธิครอบครองที่ดิน
สามีของผู้ร้องและบุตรของผู้ร้องอีก 4 คนได้ร่วมกันฟ้องผู้ประกันเกี่ยวกับที่พิพาท ศาลฎีกาพิพากษาว่าที่พิพาทในคดีนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่พิพาทในคดีดังกล่าวเป็นของผู้ประกัน ต่อมาผู้ประกันได้ฟ้องขับไล่ผู้ร้องและบุตรออกจากที่พิพาทศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้พิพากษาถึงที่สุดว่าที่พิพาทเป็นของผู้ประกันให้ขับไล่ผู้ร้องและพวกผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงผูกพันผู้ร้อง ซึ่งเป็นคู่ความในคดีนั้นตามป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคแรก ผู้ร้องจะกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ผู้ประกันจึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3597/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความหลังศาลชั้นต้น: ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยแม้ศาลอุทธรณ์ไม่หยิบยก
คดีความผิดต่อส่วนตัว หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วจำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหาย และผู้เสียหายได้ยื่นคำร้องพร้อมอุทธรณ์ของจำเลยว่าประสงค์จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยากับจำเลย ไม่ติดใจดำเนินคดีกับจำเลยอีกต่อไป ฝ่ายโจทก์ไม่โต้แย้งเป็นอย่างอื่น ถือได้ว่าผู้เสียหายและจำเลยได้ยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษาลงโทษจำเลยโดยมิได้หยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นวินิจฉัย ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยปัญหาดังกล่าว โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3497/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีอาญาต่อส่วนตัว ทำให้สิทธิฟ้องระงับ แม้ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัย
คดีความผิดต่อส่วนตัว หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วจำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหาย และผู้เสียหายได้ยื่นคำร้องพร้อมอุทธรณ์ของจำเลยว่าประสงค์จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยากับจำเลย ไม่ติดใจดำเนินคดีกับจำเลยอีกต่อไป ฝ่ายโจทก์ไม่โต้แย้งเป็นอย่างอื่น ถือได้ว่าผู้เสียหายและจำเลยได้ยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาลงโทษจำเลยโดยมิได้หยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นวินิจฉัย ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยปัญหาดังกล่าว โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3405/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์และการฎีกาของผู้คัดค้านในคดีครอบครองปรปักษ์
แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 จะพิพากษาให้ผู้คัดค้านทั้งหกชนะคดี แต่ผู้คัดค้านทั้งหกฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ว่าพิพากษาเกินคำร้องขอของผู้ร้อง ซึ่งไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้านทั้งหก ฎีกาของผู้คัดค้านทั้งหกจึงเป็นฎีกาที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ว่าพิพากษาไม่ถูกต้องตรงตามประเด็นและผลของคำพิพากษาทำให้เสียสิทธิของผู้คัดค้านทั้งหก ผู้คัดค้านทั้งหกจึงมีสิทธิฎีกาได้
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 ขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้อง ผู้คัดค้านทั้งหกคัดค้านว่า ที่ดินพิพาทเป็นของผู้คัดค้านทั้งหกมิใช่เป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องเป็นเพียงผู้อาศัย คดีจึงมีประเด็นข้อพิพาทเพียงว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองหรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2ฟังข้อเท็จจริงไปด้วยว่าที่ดินพิพาทฟังไม่ได้ว่า ห.ได้ยกให้ ท.กับ ล.และมิได้ครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ ที่ดินพิพาทจึงเป็นมรดกของ ห.ตกทอดได้แก่ทายาทรวมทั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 ถึงที่ 4 และส.ซึ่งเป็นบุตรของ ท.ซึ่งมีสิทธิเข้ารับมรดกแทนที่ ผู้ร้องจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1382 คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในส่วนที่ฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยพยานหลักฐานของผู้คัดค้านทั้งหกที่นำสืบหักล้างพยานหลักฐานของผู้ร้อง อันเป็นการฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในคดีประกอบเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีนั้น หาใช่เป็นการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาเกินคำร้องขอของผู้ร้องไม่ เมื่อคำวินิจฉัยในส่วนนี้มิใช่การฟังข้อเท็จจริงในประเด็นข้อพิพาทโดยตรงแล้วย่อมไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้านทั้งหกตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145
ผู้คัดค้านทั้งหกอุทธรณ์และฎีกาโดยเพียงแต่มีคำขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 และศาลฎีกาพิพากษาว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นบางส่วนไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้านทั้งหก ไม่ได้ขอให้ผู้คัดค้านทั้งหกชนะคดี โดยเห็นด้วยในผลของคำพิพากษาที่ให้ยกคำร้องขอของผู้ร้อง จึงเป็นอุทธรณ์และฎีกาที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ตาม ตาราง1 ท้าย ป.วิ.พ ข้อ (3) (ก)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3405/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาของผู้คัดค้านมีสิทธิ เพราะศาลอุทธรณ์วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในคดี ไม่เกินคำร้อง
แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ผู้คัดค้านชนะคดี แต่เมื่อผู้คัดค้านฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำร้องของผู้ร้องไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้าน จึงเป็นฎีกาที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าพิพากษาไม่ถูกต้องตรงตามประเด็นและผลของคำพิพากษาทำให้เสียสิทธิของผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านมีสิทธิฎีกาได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนที่ฟังข้อเท็จจริงที่มิใช่ข้อเท็จจริงในประเด็นข้อพิพาทโดยตรง หากแต่เป็นการฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในคดีประกอบเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทแห่งคดี ย่อมไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้าน จึงหาใช่เป็นการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำร้องขอของผู้ร้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3365/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต้องผ่านศาลอุทธรณ์ก่อน ไม่สามารถอุทธรณ์ไปยังศาลฎีกาโดยตรงได้
การอุทธรณ์คำพิพากษา หรือคำสั่งศาลชั้นต้นในข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายมีบัญญัติไว้โดยชัดแจ้งใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๓ วรรคแรก แล้วว่าให้อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ จึงจะนำ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๓ ทวิ มาอนุโลม บังคับใช้หาได้ไม่ การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ยกฟ้องของศาลชั้นต้นโดยตรงมายังศาลฎีกาจึงเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3365/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต้องผ่านศาลอุทธรณ์ก่อน ไม่อาจอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาโดยตรง
การอุทธรณ์คำพิพากษา หรือคำสั่งศาลชั้นต้นในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายมีบัญญัติไว้โดยชัดแจ้งในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคแรกแล้วว่าให้อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ จึงจะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ มาอนุโลมบังคับใช้หาได้ไม่ การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์คำสั่งยกฟ้องของศาลชั้นต้นโดยตรงมายังศาลฎีกาจึงเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3209/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาขัดกับกรอบเวลา: การขออนุญาตฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงหลังพ้นกำหนด
จำเลยยื่นฎีกาต่อศาลชั้นต้นพร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิจารณาคดีอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง โดยยื่นเมื่อล่วงเลยระยะเวลาฎีกาตามกฎหมายแล้ว ฎีกาจำเลยจึงไม่มีประโยชน์ที่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิจารณาคดีจะอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามคำร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 32/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันต่อศาล: คำวินิจฉัยศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด ห้ามฎีกาอีก
ในกรณีที่ผิดสัญญาประกันต่อศาลและศาลสั่งบังคับตามสัญญาประกันแล้วเมื่อมีคำอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยสั่งเป็นประการใดแล้วคำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด ผู้ประกันจะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับค่าปรับตามสัญญาประกันต่อไปอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3020/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้เพื่อบำเหน็จสินจ้าง: ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยได้แม้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นเฉพาะ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จดทะเบียนยกที่ดินให้จำเลยโดยเสน่หาจำเลยให้การว่ามิใช่การให้โดยเสน่หา แต่เป็นการให้โดยมีค่าตอบแทน ทั้งมีค่าภารติดพันในที่ดินพิพาท โดยจำเลยตกลงกันให้โจทก์เก็บค่าเช่าในที่ดินจนกว่าโจทก์จะถึงแก่กรรม และเมื่อโจทก์ถึงแก่กรรม จำเลยจะออกค่าทำศพให้ เท่ากับจำเลยต่อสู้ว่าการยกให้ที่ดินรายนี้ เป็นการให้ทั้งมีค่าภารติดพันและเป็นบำเหน็จสินจ้างโดยแท้ ฉะนั้นแม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า การให้ตามฟ้องเป็นการให้โดยมีค่าภารติดพันหรือไม่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ก็มีอำนาจวินิจฉัยว่าการให้ของโจทก์มิใช่เป็นการให้โดยมีค่าภารติดพัน แต่เป็นการให้เพื่อเป็นบำเหน็จสินจ้างโดยแท้ ไม่ได้เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกคำให้การแต่อย่างใด
of 225