พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,733 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5007/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการชำระหนี้ & อัตราดอกเบี้ย: ตั๋วสัญญาใช้เงิน, การนำเงินชำระหนี้ไปหักต้นเงิน/ดอกเบี้ย, สิทธิคิดดอกเบี้ย
เมื่อสัญญาระบุลำดับการชำระหนี้ไว้โดยชัดแจ้งว่าต้องชำระเงินต้นก่อน เมื่อชำระเงินต้นครบถ้วนแล้วจึงจะชำระดอกเบี้ย ดังนั้นเงินที่ชำระหนี้จึงต้องนำไปหักจากต้นเงินตามที่ได้ตกลงกันไว้ จะนำไปหักจากดอกเบี้ยที่ค้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 329 ไม่ได้ เพราะบทบัญญัติดังกล่าวเป็นกรณีที่ไม่ได้ระบุลำดับการชำระหนี้กันไว้ ตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกตกลงคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19.5 และ 18 ต่อปี เป็นการตกลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 911,968(1)ประกอบด้วยมาตรา 985 ซึ่งกฎหมายไม่ได้วางข้อจำกัดอันใดไว้จึงแล้วแต่คู่กรณีจะตกลงกัน การที่จำเลยที่ 1 ยินยอมให้ดอกเบี้ยตามที่ระบุไว้ในตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นก็เป็นผลประโยชน์ที่จำเลยที่ 1 ลูกหนี้ยินยอมเพื่อตอบแทนการที่โจทก์ยอมให้กู้อันเป็นที่มาแห่งมูลหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน หาใช่เป็นการกู้ยืมเงินและเป็นการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทซึ่งมีรายการใช้เงินเป็นจำนวนแน่นอนพร้อมดอกเบี้ย จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นตามมาตรา 900 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โจทก์ในฐานะสถาบันการเงินมีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากการให้กู้ยืม เงินในระหว่างอัตราร้อยละ 18.5 ถึง 19.5 ต่อปีตามที่มีประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ ดังนั้นที่มีการตกลงเรื่องดอกเบี้ยกันไว้ในตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทในอัตราร้อยละ 19.5 และ 18 ต่อปี จึงเป็นไปตามสิทธิที่โจทก์จะเรียกดอกเบี้ยอัตราดังกล่าวได้จนกว่าจะชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จสิ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4934/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความลาภมิควรได้: การฟ้องภายใน 1 ปีนับจากวันที่รู้สิทธิเรียกร้อง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยโดยตั้งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ฐานลาภมิควรได้ว่า จำเลยได้เงินจากโจทก์โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และมีคำขอบังคับให้จำเลย คืนเงินตามสภาพแห่งข้อหาดังกล่าว จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 419 ในเรื่องลาภมิควรได้ ดังนั้น เมื่อโจทก์รู้ว่าโจทก์มีสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลยเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2529แต่โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2531 พ้นกำหนดปีหนึ่งนับแต่เวลาที่โจทก์รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกเงินคืนฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 419
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4934/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความลาภมิควรได้: การฟ้องข้ามปีหนึ่งนับแต่วันที่ทราบสิทธิเรียกร้อง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยโดยตั้งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ฐานลาภมิควรได้ว่า จำเลยได้เงินจากโจทก์โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และมีคำขอบังคับให้จำเลยคืนเงินตามสภาพแห่งข้อหาดังกล่าว จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 419ในเรื่องลาภมิควรได้ ดังนั้น เมื่อโจทก์รู้ว่าโจทก์มีสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลยเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2529 แต่โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2531 พ้นกำหนดปีหนึ่งนับแต่เวลาที่โจทก์รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกเงินคืน ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 419
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องล้มละลายต้องมีสิทธิเรียกร้องบังคับคดีได้ก่อน หากหมดสิทธิแล้ว ก็ไม่มีสิทธิฟ้องล้มละลาย
ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำเลยและให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม2518 ศาลอาญาออกหมายบังคับคดีลงวันที่ 1 สิงหาคม 2527 ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์จำเลยทั้งสอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 การบังคับคดีมิได้หมายความแต่เพียงว่าโจทก์ดำเนินการให้ศาลออกหมายบังคับคดีเท่านั้นแต่หมายถึงโจทก์ต้องไปแถลงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดทรัพย์จำเลยทั้งสองมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามหมายบังคับคดีด้วย จึงจะสมบูรณ์ เมื่อปรากฏตามฟ้องโจทก์ว่าจำเลยทั้งสองไม่มีทรัพย์สินใด ๆ ที่จะยึดมาขายทอดตลาดชำระหนี้ได้จึงแสดงอยู่ในตัวแล้วว่าโจทก์ไม่อาจขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองได้ การที่โจทก์ขอศาลออกหมายบังคับคดีภายในสิบปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาโดยมิได้มีการดำเนินการบังคับคดีแก่จำเลยทั้งสองตามขั้นตอนให้ครบถ้วนจนถึงขณะโจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นเวลาพ้นกำหนดสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะบังคับคดีตามคำพิพากษาดังกล่าวจากจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 การที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ล้มละลายโดยอาศัยมูลหนี้ตามคำพิพากษา จึงต้องพิจารณาเอาความจริงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 9 หรือมาตรา 10ดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสองให้ล้มละลายในมูลหนี้เดียวกันนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4619/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับโอนเช็คที่ไม่มีมูลหนี้จากการเล่นแชร์ วางแผนฉ้อฉล ทำให้ผู้รับโอนไม่มีสิทธิเรียกร้อง
โจทก์ จำเลย และบุคคลอื่นอีกหลายคนตกลงเล่นแชร์โดยมี ก. เป็นนายวง จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คเพื่อชำระค่าแชร์โดยระบุชื่อ ก. เป็นผู้รับเงินและขีดคร่อมมอบให้ ก.ต่อมา ก.หลบหนีไป ดังนี้ การที่โจทก์เข้าร่วมประชุมตั้งวงแชร์และตกลงเข้าเป็นสมาชิกวงแชร์ด้วย โจทก์จึงอยู่ในฐานะที่ต้องรู้ถึงข้อตกลงในการเล่นแชร์ตลอดทั้งการที่สมาชิกต้องสั่งจ่ายเช็คชำระหนี้ค่าวงแชร์ด้วย เมื่อก. หลบหนี เช็คที่สมาชิกสั่งจ่ายชำระค่าวงแชร์จึงเป็นเช็คที่ไม่มีมูลหนี้ การที่โจทก์รับโอนเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายเพื่อชำระค่าแชร์มาไว้ในครอบครอง จึงเป็นการรับโอนเช็คด้วยคบคิดกันฉ้อฉล โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4590/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับจ้างซ่อมรถยนต์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายแทนเจ้าของรถจากละเมิดของบุคคลภายนอก หากไม่มีสัญญารับผิดชอบ
โจทก์เป็นเพียงผู้รับจ้างซ่อมรถยนต์แล้วรถยนต์ได้รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของจำเลย ไม่ปรากฏว่ามีสัญญาระหว่างโจทก์กับผู้ว่าจ้างหรือเจ้าของรถยนต์ที่รับไว้ซ่อมว่า โจทก์ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นเนื่องจากความประมาทเลินเล่อของบุคคลภายนอก ทั้งไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ผู้รับจ้างรับช่วงสิทธิในกรณีนี้ได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายในส่วนที่โจทก์ได้ใช้จ่ายไปแทนผู้ว่าจ้างจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งเงินตามหมายอายัดที่ไม่ผูกมัดผู้รับโอนสิทธิเรียกร้อง และความเสียหายจากการชำระหนี้แก่ผู้ไม่มีสิทธิ
การที่คดีก่อนจำเลยที่ 3 ฟ้องจำเลยที่ 2 แล้วขอให้ศาลอายัดเงินที่จำเลยที่ 2 จะได้รับจากจำเลยที่ 1 ตามสัญญาจ้างทำของไว้ก่อนพิพากษา และศาลมีคำสั่งให้อายัดตามคำขอนั้น เมื่อปรากฏว่าเงินค่าจ้างทำของเดิมเป็นสิทธิเรียกร้องของห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.โดยจำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้ทำสัญญาจ้างทำของกับจำเลยที่ 1 แต่ต่อมาได้โอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวให้โจทก์ไปก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งให้อายัดแล้ว ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. และจำเลยที่ 2 ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องดังกล่าวต่อจำเลยที่ 1 อีกต่อไปคำสั่งให้อายัดจึงไม่มีผลบังคับจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ปฏิเสธหรือโต้แย้งหนี้ตามคำสั่งให้อายัด แต่กลับส่งเงินไปยังศาลก็เป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าวของตนเอง หาทำให้สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะได้รับชำระหนี้เงินค่าจ้างทำของจากจำเลยที่ 1 ตามที่โจทก์ได้รับโอนมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัด บ. ต้องเสื่อมเสียไปแต่อย่างใดไม่ การกระทำของจำเลยดังกล่าวไม่ทำให้โจทก์เสียหายจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ตามสิทธิเรียกร้องที่โอนให้แก่โจทก์ แม้มีการอายัดเงินแต่สิทธิเรียกร้องได้โอนไปแล้ว การชำระเงินจึงไม่เป็นการละเมิด
การที่จำเลยที่ 3 ฟ้องจำเลยที่ 2 และขอให้ศาลอายัดเงินที่จำเลยที่ 2 จะได้รับจากจำเลยที่ 1 ตามสัญญาจ้างทำของไว้ก่อนพิพากษา และศาลมีคำสั่งให้อายัดไว้ก่อนพิพากษาตามคำขอของจำเลยที่ 3 ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ส่งเงินค่าจ้างทำของไปยังศาลตามหมายอายัดชั่วคราว และในที่สุดจำเลยที่ 3 ได้รับเงินดังกล่าวไปจากศาลนั้น เมื่อปรากฏว่าเงินค่าจ้างทำของนี้เดิมเป็นสิทธิเรียกร้องของห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญลาภและบุตร ซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาจ้างทำของกับจำเลยที่ 1 และต่อมาห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญลาภและบุตรโดยจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการได้โอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวให้แก่โจทก์ไปก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งให้อายัดแล้ว ห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญลาภและบุตรและจำเลยที่ 2 ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องดังกล่าวต่อจำเลยที่ 1 อีกต่อไป คำสั่งให้อายัดจึงไม่มีผลบังคับจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 1 ไม่ได้ปฏิเสธหรือโต้แย้งหนี้ตามคำสั่งให้อายัดแต่กลับส่งเงินไปยังศาลก็เป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าวของตนเอง หาทำให้สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะได้รับชำระหนี้เงินค่าจ้างทำของจากจำเลยที่ 1 ตามที่โจทก์ได้รับโอนมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญลาภและบุตร ต้องเสื่อมเสียไปแต่อย่างใดไม่ การกระทำของจำเลยดังกล่าวมาไม่ทำให้โจทก์เสียหายจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้ในมูลละเมิดเป็นการขอให้ชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งไม่ได้ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) ประกอบด้วยมาตรา 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4392/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิเรียกร้องและการหักกลบลบหนี้หลังการโอนสิทธิ จำเลยมิอาจหักกลบลบหนี้จากข้อผิดสัญญาหลังโอนสิทธิ
จำเลยได้รับการบอกกล่าวการโอนสิทธิเรียกร้องซึ่งถึงกำหนดชำระแล้วและได้ยินยอมด้วยในการโอนดังกล่าวโดยมิได้อิดเอื้อน ทั้งผู้โอนเพิ่งผิดสัญญาจ้างภายหลังการโอน จำเลยจะอ้างสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในการที่ผู้โอนผิดสัญญาจ้างภายหลังมาหักกลบลบหนี้กับสิทธิเรียกร้องของผู้โอนที่มีต่อจำเลยแต่ได้โอนไปให้โจทก์ทั้งสองก่อนแล้วไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 308 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4138/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบี้ยปรับกับการบอกเลิกสัญญา: สิทธิเรียกร้องเบี้ยปรับรายวันย่อมสิ้นสุดลงเมื่อมีการใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา
สัญญาซื้อขายข้อ 9 ระบุว่า "ข้อ 9 เบี้ยปรับสำหรับการส่งของล่าช้า หากผู้ขายมิได้ส่งมอบของให้แก่ผู้ซื้อได้ครบถ้วนภายในกำหนดเวลาส่งมอบตามที่ระบุไว้ในสัญญา ไม่ว่าความล่าช้านั้นเกิดขึ้นเพราะเหตุใดก็ตาม... ผู้ซื้อย่อมมีสิทธิที่จะเรียกเบี้ยปรับจากผู้ขายเป็นเงินวันละเศษ 1 ส่วน 5 ของหนึ่งส่วนร้อย (0.2%) ต่อวัน หรือส่วนของวันของราคาตามสัญญาของหน่วยสำเร็จแต่ละหน่วยที่ส่งมอบไม่ครบถ้วน ทั้งนี้ จนกว่าผู้ขายได้ส่งมอบของให้ได้ครบถ้วนตามสัญญา..." และข้อ 11 กำหนดว่า หากผู้ขายละเลยการปฏิบัติอย่างใด ๆ ตามข้อตกลงในสัญญา ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและผู้ขายจะต้องรับผิดชอบสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะเหตุทำผิดสัญญา นอกจากนี้ ผู้ซื้อยังจะได้รับค่าชดเชยจากเอกสารค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาที่ผู้ซื้อถืออยู่ด้วย ดังนี้ ตามสัญญาข้อ 9 เป็นการกำหนดเบี้ยปรับในกรณีที่ผู้ขายผิดสัญญาไม่ส่งมอบของแก่ผู้ซื้อให้ครบถ้วนภายในกำหนดเวลาตามสัญญาและผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญากับยอมให้ผู้ขายนำสิ่งของที่ซื้อขายมาส่งมอบต่อไป ผู้ซื้อจึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับรายวันจากผู้ขายตามสัญญาข้อ 9 ได้ นับแต่วันครบกำหนดส่งมอบจนถึงวันที่ส่งมอบของแก่ผู้ซื้อครบถ้วนตามสัญญา
จำเลยที่ 1 ผู้ขายไม่ส่งมอบของแก่โจทก์ผู้ซื้อเลย และโจทก์ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาตามสัญญาซื้อขายข้อ 11 ไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับรายวันจากจำเลยที่ 1 ตามสัญญาซื้อขายข้อ 9 ได้อีก
จำเลยที่ 1 ผู้ขายไม่ส่งมอบของแก่โจทก์ผู้ซื้อเลย และโจทก์ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาตามสัญญาซื้อขายข้อ 11 ไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับรายวันจากจำเลยที่ 1 ตามสัญญาซื้อขายข้อ 9 ได้อีก