คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจ้าพนักงาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,471 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2960/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจประเมินภาษีหลังมีกฎกระทรวงใหม่: เจ้าพนักงานเดิมยังมีอำนาจหน้าที่เดิมตราบเท่าที่ยังพิจารณารายการที่ยื่นไว้ก่อนกฎกระทรวงใหม่มีผลบังคับใช้
ปัญหาที่ว่าเจ้าพนักงานของรัฐมีอำนาจกระทำการประเมินภาษีโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
โจทก์ยื่นรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับระหว่างที่กฎกระทรวง ฉบับที่ 99 (พ.ศ. 2497) และ 112 (พ.ศ. 2500) ใช้บังคับซึ่งเจ้าพนักงานประเมินภาษีเงินได้เพียงคนเดียวมีอำนาจพิจารณารายการที่ยื่นเพื่อประเมินภาษีเงินได้ ในระหว่างการพิจารณาของเจ้าพนักงานประเมินดังกล่าว มีกฎกระทรวง ฉบับที่ 119 (พ.ศ. 2502) ออกใช้บังคับกำหนดให้บุคคลสามฝ่ายเป็นเจ้าพนักงานประเมินภาษีเงินได้ แต่กฎกระทรวงฉบับนี้มิได้กล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานประเมินตามกฎกระทรวงฉบับก่อนไว้อย่างใด ดังนั้น ย่อมไม่เป็นเหตุให้อำนาจและหน้าที่ของเจ้าพนักงานประเมินที่มีอยู่แล้วเกี่ยวกับการพิจารณารายการเงินได้พึงประเมินที่ได้ยื่นไว้ก่อนมีกฎกระทรวงฉบับใหม่ใช้บังคับ ต้องยกเลิกเปลี่ยนแปลงไปเจ้าพนักงานประเมินนั้นยังมีอำนาจที่จะประเมินภาษีเงินได้แจ้งจำนวนค่าภาษีที่ต้องชำระไปยังผู้รับประเมินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2129/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จ - การแจ้งข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงต่อเจ้าพนักงาน และการนำข้าวของผู้อื่นไปขาย
กระทรวงเศรษฐการรับซื้อข้าวจากชาวนาเพื่อพยุงราคาได้ขอความร่วมมือมายังจังหวัด จังหวัดแจ้งมายังอำเภอเพื่อให้ตรวจสอบรับรองว่าผู้ที่จะขายข้าวเป็นชาวนาทำนาและขายข้าวที่ทำได้เอง จำเลยเป็นประธานกลุ่มชาวนา ได้รวบรวมรายชื่อสมาชิกที่จะขายข้าวและจำนวนข้าวที่จะขายกรอกแบบพิมพ์ยื่นต่อเจ้าหน้าที่เกษตรกรรมอำเภอ อันเป็นการแจ้งความต่อเจ้าพนักงานเมื่อจำเลยมิได้ปลอมลายมือชื่อของสมาชิกคนใดและไม่อาจรู้ว่าลายมือชื่อปลอมหรือไม่ ย่อมไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแบบพิมพ์แล้วเสนอนายอำเภอ นายอำเภอตรวจแล้วเห็นว่าถูกต้อง จึงออกหนังสือรับรองให้ มีสมาชิก 3 คนไม่ยอมเฉลี่ยออกค่าใช้จ่ายในการนำข้าวไปขาย จำเลยเอาข้าวของ 3 คนนั้นไปขายไม่ได้ จึงเอาข้าวของสมาชิกอื่นที่ไม่ได้ลงชื่อไปขายเพื่อให้ครบแต่การนำข้าวไปขายต่อคณะกรรมการสำรองข้าวนี้เป็นเพียงผลแห่งการแจ้งข้อความชั้นอำเภอ มิได้มีการแจ้งข้อความอย่างใดต่อเจ้าพนักงานชั้นคณะกรรมการสำรองข้าวอีก จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จเช่นเดียวกัน
เรื่องเจตนาทุจริตไม่ใช่องค์ประกอบในความผิดฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา 137

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2129/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จ – การแจ้งข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงต่อเจ้าพนักงาน – ไม่มีเจตนา – ผลของการแจ้งความชั้นอำเภอ
กระทรวงเศรษฐการรับซื้อข้าวจากชาวนาเพื่อพยุงราคาได้ขอความร่วมมือมายังจังหวัด จังหวัดแจ้งมายังอำเภอเพื่อให้ตรวจสอบรับรองว่าผู้ที่จะขายข้าวเป็นชาวนาทำนาและขายข้าวที่ทำได้เอง จำเลยเป็นประธานกลุ่มชาวนา ได้รวบรวมรายชื่อสมาชิกที่จะขายข้าวและจำนวนข้าวที่จะขายกรอกแบบพิมพ์ยื่นต่อเจ้าหน้าที่เกษตรกรรมอำเภอ อันเป็นการแจ้งความต่อเจ้าพนักงานเมื่อจำเลยมิได้ปลอมลายมือชื่อของสมาชิกคนใดและไม่อาจรู้ว่าลายมือชื่อปลอมหรือไม่ ย่อมไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแบบพิมพ์แล้วเสนอนายอำเภอ นายอำเภอตรวจแล้วเห็นว่าถูกต้อง จึงออกหนังสือรับรองให้มีสมาชิก 3 คนไม่ยอมเฉลี่ยออกค่าใช้จ่ายในการนำข้าวไปขาย จำเลยเอาข้าวของ 3 คนนั้นไปขายไม่ได้ จึงเอาข้าวของสมาชิกอื่นที่ไม่ได้ลงชื่อไปขายเพื่อให้ครบแต่การนำข้าวไปขายต่อคณะกรรมการสำรองข้าวนี้เป็นเพียงผลแห่งการแจ้งข้อความชั้นอำเภอมิได้มีการแจ้งข้อความอย่างใดต่อเจ้าพนักงานชั้นคณะกรรมการสำรองข้าวอีก จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จเช่นเดียวกัน
เรื่องเจตนาทุจริตไม่ใช่องค์ประกอบในความผิดฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา 137

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของเจ้าพนักงาน: ต้องมีหน้าที่จัดการทรัพย์โดยตรง ไม่ใช่แค่เกี่ยวข้อง
การกระทำที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151ก็ต่อเมื่อผู้กระทำผิดมีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ แล้วใช้อำนาจในตำแหน่งแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายจากตัวทรัพย์นั้นโดยมิได้เอาตัวทรัพย์ไป ไม่ใช่เพียงแต่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์นั้นเท่านั้น จำเลยได้รับแต่งตั้งให้ดำเนินงานควบคุมจัดการกิจการประปาของเทศบาล ได้ติดตั้งการใช้น้ำประปาให้ ส. กับพวกแล้วไม่ลงทะเบียนผู้ใช้น้ำประปาเรียกเก็บค่าใช้น้ำประปาทุกเดือน และออกหลักฐานจำนวนก๊อกน้ำประปาของผู้ติดตั้งน้อยกว่าความจริงแล้วเก็บเงินมากกว่าจำนวนค่าธรรมเนียมที่เทศบาลกำหนด และโจทก์บรรยายฟ้องเจาะจงว่า จำเลยเบียดบังยักยอกเอาเงินรายได้ 3,955 บาท จากกิจการประปาของเทศบาลที่จำเลยรับไว้จาก ส. กับพวก ไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว โดยทุจริต ดังนี้ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 เท่านั้น จำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 151 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1468/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกเงินค่าสมัครอบรม: จำเลยไม่มีหน้าที่เก็บรักษาเงินตามระเบียบ จึงมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ธรรมดา ไม่ใช่เจ้าพนักงานเบียดบังยักยอกทรัพย์
จำเลยเป็นเสมียนประจำแผนกศึกษาธิการอำเภอ มีหน้าที่เกี่ยวกับการรับจ่ายเงินได้ยักยอกเงินค่าสมัครอบรมสอบวิชาชุดครูซึ่งแผนกศึกษาธิการอำเภอเรียกเก็บจากผู้สมัคร แต่หน้าที่รับสมัครและรับเงินดังกล่าวนี้ผู้ช่วยศึกษาธิการมีคำสั่งให้ ป. ครูช่วยราชการแผนกศึกษาธิการอำเภอเป็นผู้ทำ ป. ไปราชการณ.ครูช่วยราชการได้รับสมัครและรับเงินค่าสมัครไว้แทน ป. แล้วได้มอบเงินให้จำเลยเก็บรักษาไว้ การที่จำเลยรับเงินมาเก็บรักษาไว้นี้จึงมิใช่จัดการเก็บรักษาไว้ตามหน้าที่ราชการของจำเลย เมื่อจำเลยยักยอกไป จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 เท่านั้น ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 147

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานปฏิบัติการนอกหน้าที่ ไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 157
องค์ประกอบความผิดของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นั้นจะต้องได้ความว่าการปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติของเจ้าพนักงานนั้นอยู่ในหน้าที่ โจทก์พา ส. ไปแล้วได้จดทะเบียนสมรสกัน ม. บิดาของ ส. ไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครปฐมว่าโจทก์ฉุดคร่า ส. จำเลยที่ 2 เป็นนายตำรวจอยู่กองทะเบียนประวัติอาชญากรได้จับโจทก์บอกว่ามีคนแจ้งให้จับเรื่องฉุดผู้หญิง และขู่ให้ถอนทะเบียนสมรสเสีย เมื่อไปถึงสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครปฐมจำเลยที่ 2 ได้พาโจทก์ไปพบจำเลยที่ 1 ที่บ้านจำเลยที่ 1เป็นนายตำรวจอยู่กองบังคับการตำรวจภูธรเขต 7ตำแหน่งนายเวรได้พูดขู่จะทำร้ายโจทก์และให้คนไปตามม.มา ม. บอกว่าจัดการก็แล้วกัน จำเลยที่ 1 ก็ให้จำเลยที่ 2 พาโจทก์ไปมอบให้นายร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครปฐม การกระทำของจำเลยดังนี้ เป็นการปฏิบัติการนอกหน้าที่ ไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 157 เพราะจำเลยมิได้มีหน้าที่เกี่ยวกับคดีที่ ม. แจ้งความไว้นั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานปฏิบัติการนอกหน้าที่ ไม่เข้าข่ายความผิดมาตรา 157
องค์ประกอบความผิดของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นั้นจะต้องได้ความว่าการปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติของเจ้าพนักงานนั้นอยู่ในหน้าที่ โจทก์พา ส. ไปแล้วได้จดทะเบียนสมรสกัน ม. บิดาของ ส. ไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครปฐมว่าโจทก์ฉุดคร่า ส. จำเลยที่ 2 เป็นนายตำรวจอยู่กองทะเบียนประวัติอาชญากรได้จับโจทก์บอกว่ามีคนแจ้งให้จับเรื่องฉุดผู้หญิง และขู่ให้ถอนทะเบียนสมรสเสีย เมื่อไปถึงสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครปฐมจำเลยที่ 2 ได้พาโจทก์ไปพบจำเลยที่ 1 ที่บ้านจำเลยที่ 1 เป็นนายตำรวจอยู่กองบังคับการตำรวจภูธรเขต 7ตำแหน่งนายเวร ได้พูดขู่จะทำร้ายโจทก์และให้คนไปตามม.มา ม. บอกว่าจัดการก็แล้วกัน จำเลยที่ 1 ก็ให้จำเลยที่ 2 พาโจทก์ไปมอบให้นายร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครปฐม การกระทำของจำเลยดังนี้ เป็นการปฏิบัติการนอกหน้าที่ ไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 157 เพราะจำเลยมิได้มีหน้าที่เกี่ยวกับคดีที่ ม. แจ้งความไว้นั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 744-745/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์สินของราชการโดยทุจริต การแจ้งความเท็จเป็นเหตุแสดงเจตนา
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ใช้และเก็บรักษาปืนคาร์บิน แมกกาซีน และกระสุนปืน ซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการตำรวจเพื่อใช้ในการตรวจตรา ปราบปรามโจรผู้ร้าย จำเลยจึงเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ใช้และรักษาปืนคาร์บินกระสุนปืน และแมกกาซีน ที่จำเลยได้รับมอบหมาย จำเลยเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 744-745/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ของราชการโดยทุจริต: ความผิดตามมาตรา 147
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ใช้และเก็บรักษาปืนคาร์บิน แมกกาซีน และกระสุนปืน ซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการตำรวจเพื่อใช้ในการตรวจตราปราบปรามโจรผู้ร้าย จำเลยจึงเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ใช้และรักษาปืนคาร์บิน กระสุนปืน และแมกกาซีน ที่จำเลยได้รับมอบหมายจำเลยเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามฆ่าจากการใช้ปืนยิงเจ้าพนักงาน แม้กระสุนขัดลำกล้อง ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษา
จำเลยใช้อาวุธปืนพกสั้นแบบโอโตเมติคบรรจุกระสุนปืน 2 นัด ยิงเจ้าพนักงานตำรวจในระยะห่าง 1 เมตร แต่กระสุนปืนขัดลำกล้องจึงไม่ลั่น ปืนของกลางนี้เป็นปืนที่ใช้ยิงได้ไม่ชำรุด กระสุนปืนทั้ง 2 นัดก็ใช้ยิงได้ ปืนและกระสุนปืนของกลางใช้ยิงด้วยกันได้ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289,80, (ตามนัยฎีกาที่ 771/2513, 147/2504 และ 980/2502)
of 148