คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เช่าซื้อ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 746 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของเช่าซื้อในการติดตามเรียกคืนทรัพย์สินจากผู้รับจำนำ แม้มีข้อจำกัดตามพรบ.โรงรับจำนำ
เจ้าของจักรได้ให้เช่าซื้อจักรไปโดยมีข้อสัญญาว่าผู้เช่าซื้อจะไม่นำไปจำนำแก่บุคคลอื่น เมื่อผู้เช่าซื้อนำไปจำนำ โจทก์ผู้เป็นเจ้าของชอบที่จะกลับเข้าครอบครองจักรรายพิพาทได้ และใช้สิทธิติดตามฟ้องเรียกคืนจากผู้รับจำนำได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 เว้นแต่ผู้รับจำนำจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ แต่ปรากฏว่าเวลาที่รับจำนำจักรรายพิพาทยังอยู่ในระหว่างเวลาที่พระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2480 และพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2484 ยังใช้บังคับ ซึ่งกำหนดให้โรงรับจำนำรับจำนำแต่ละรายไม่เกิน 400 บาท เมื่อผู้รับจำนำรับจำนำไว้แต่ละรายเกินกว่า 400 บาท ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำดังกล่าว ส่วนพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ.2505 ก็ไม่อาจนำมาใช้บังคับ เพราะผู้รับจำนำรับจำนำไว้ก่อน โจทก์ไม่จำต้องนำสืบว่าผู้เช่าซื้อมีเจตนาทุจริตหรือไม่และไม่จำต้องฟ้องเรียกร้องตามสัญญาจากผู้ค้ำประกันก่อน โจทก์มีสิทธิติดตามฟ้องเรียกจักรรายพิพาทคืนจากผู้รับจำนำได้โดยตรง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของเช่าซื้อในการติดตามเอายานพาหนะคืนจากโรงรับจำนำ แม้เกินวงเงินจำกัดตามกฎหมาย
เจ้าของจักรได้ให้เช่าซื้อจักรไปโดยมีข้อสัญญาว่าผู้เช่าซื้อจะไม่นำไปจำนำแก่บุคคลอื่น เมื่อผู้เช่าซื้อนำไปจำนำ โจทก์ผู้เป็นเจ้าของชอบที่จะกลับเข้าครอบครองจักรรายพิพาทได้ และใช้สิทธิติดตามฟ้องเรียกคืนจากผู้รับจำนำได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 เว้นแต่ผู้รับจำนำจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำแต่ปรากฏว่าเวลาที่รับจำนำจักรรายพิพาทยังอยู่ในระหว่างเวลาที่พระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ.2480 และพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2484 ยังใช้บังคับ ซึ่งกำหนดให้โรงรับจำนำรับจำนำแต่ละรายไม่เกิน 400 บาท เมื่อผู้รับจำนำรับจำนำไว้แต่ละรายเกินกว่า 400บาท ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติโรงรับจำนำดังกล่าว ส่วนพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 ก็ไม่อาจนำมาใช้บังคับ เพราะผู้รับจำนำรับจำนำไว้ก่อน โจทก์ไม่จำต้องนำสืบว่าผู้เช่าซื้อมีเจตนาทุจริตหรือไม่และไม่จำต้องฟ้องเรียกร้องตามสัญญาจากผู้ค้ำประกันก่อน โจทก์มีสิทธิติดตามฟ้องเรียกจักรรายพิพาทคืนจากผู้รับจำนำได้โดยตรง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้เช่าซื้อ & ความรับผิดของผู้จ้างขับรถที่ไม่มีใบขับขี่
ภริยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายของโจทก์เป็นผู้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์มาโดยโจทก์เป็นผู้ไปติดต่อตกลงกับผู้ขายและเป็นผู้ค้ำประกัน โจทก์ขายนาของโจทก์มาชำระราคารถ และเป็นผู้จัดการนำรถไปเดินรับส่งคนโดยสารหารายได้เลี้ยงครอบครัว ตลอดทั้งเป็นผู้ควบคุมเก็บรักษารถ ภริยาโจทก์รับว่าโจทก์เป็นผู้ซื้อรถ แต่ลงชื่อภริยาไว้เพราะภริยาโจทก์เกรงว่าโจทก์จะไปมีภริยาใหม่ และการที่จำเลยขับรถไปพลิกคว่ำโดยประมาททำให้รถเสียหาย ย่อมเป็นการทำให้เสียหายแก่การเดินรถหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว ทั้งโจทก์และภริยาอาจต้องรับผิดกับผู้ให้เช่าซื้ออีกด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
โจทก์ได้จ้างจำเลยมาขับรถยนต์ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าจำเลยอายุเพียง 18-19 ปี และไม่มีใบขับขี่ ซึ่งโดยปกติย่อมจะถืออยู่ว่าเป็นผู้มีความระมัดระวังและความสามารถในการขับรถน้อยอยู่แล้วจึงนับว่าเป็นความประมาทของโจทก์อันมีส่วนเป็นเหตุทำให้เกิดความเสียหายขึ้น ถือได้ว่าโจทก์เสี่ยงยอมรับผลเช่นนั้นอยู่แล้ว จึงควรมีส่วนรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้เช่าซื้อ, ความประมาทของผู้จ้าง, ผู้เยาว์ขับรถไม่มีใบอนุญาต, ความรับผิดทางละเมิด
ภริยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายของโจทก์เป็นผู้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์มาโดยโจทก์เป็นผู้ไปติดต่อตกลงกับผู้ขายและ เป็นผู้ค้ำประกัน โจทก์ขายนาของโจทก์มาชำระราคารถและเป็นผู้จัดการนำรถไปเดินรับส่งคนโดยสารหารายได้เลี้ยงครอบครัวตลอดทั้งเป็นผู้ควบคุมเก็บรักษารถ ภริยาโจทก์ก็รับว่าโจทก์เป็นผู้ซื้อรถ แต่ลงชื่อภริยาไว้เพราะภริยาโจทก์เกรงว่าโจทก์จะไปมีภริยาใหม่ และการที่จำเลยขับรถไปพลิกคว่ำโดยประมาททำให้รถเสียหาย ย่อมเป็นการทำให้เสียหายแก่การเดินรถหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว ทั้งโจทก์และภริยาอาจต้องรับผิดกับผู้ให้เช่าซื้ออีกด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
โจทก์ได้จ้างจำเลยมาขับรถยนต์ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าจำเลยอายุ เพียง 18-19 ปีและไม่มีใบขับขี่ ซึ่งโดยปกติย่อมจะถืออยู่ว่าเป็น ผู้มีความระมัดระวังและความสามารถในการขับรถน้อยอยู่แล้วจึงนับว่าเป็นความประมาทของโจทก์อันมีส่วนเป็นเหตุทำให้เกิดความเสียหายขึ้น ถือได้ว่าโจทก์เสี่ยงยอมรับผลเช่นนั้นอยู่แล้ว จึงควรมีส่วนรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อ: การส่งมอบรถคืน การวินิจฉัยนอกประเด็น และความรับผิดชอบของผู้เช่าซื้อ
ประเด็นในคดีนี้มีว่า จำเลยได้คืนรถจักรยานยนต์ให้โจทก์รับไปแล้วหรือไม่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยวานน้องชายผู้จัดการโจทก์เอารถไปไว้ที่บ้านจำเลย แต่น้องชายผู้จัดการโจทก์มีธุระจึงเอาไว้ที่ร้านโจทก์ รถได้หายไปในขณะที่อยู่ที่ร้านโจทก์และอู่ในความครอบครองของโจทก์ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ราคารถให้โจทก์ เป็นการวินิจฉัยว่าโจทก์ได้รับคืนรถจากจำเลยแล้ว แต่กลับไปวินิจฉัยว่ารถหายไประหว่างอยู่ในความครอบครองของโจทก์ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งมอบรถเช่าซื้อคืน - ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการนำไปไว้ที่ร้านโจทก์ไม่ใช่การส่งมอบคืน ทำให้จำเลยยังต้องรับผิดชอบ
ประเด็นในคดีมีว่า จำเลยได้คืนรถจักรยานยนต์ให้โจทก์รับไปแล้ว หรือไม่ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยวานน้องชายผู้จัดการโจทก์เอารถไปไว้ที่บ้านจำเลยแต่น้องชายผู้จัดการโจทก์มีธุระจึงเอาไปไว้ที่ร้านโจทก์รถได้ หายไปในขณะที่อยู่ที่ร้านโจทก์และอยู่ในความครอบครองของโจทก์จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ราคารถให้โจทก์เป็นการวินิจฉัยว่าโจทก์ได้รับ รถคืนจากจำเลยแล้วแต่กลับไปวินิจฉัยว่ารถหายไประหว่างอยู่ใน ความครอบครองของโจทก์ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของผู้ให้เช่าซื้อในการเรียกค่าเช่าซื้อค้างชำระ แม้จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแล้ว
เมื่อผู้เช่าซื้อผิดสัญญาเช่าซื้อ และผู้ให้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาแล้ว นอกจากมีสิทธิริบเงินค่าเช่าซื้อที่ชำระไว้แล้ว ผู้ให้เช่าซื้อยังมีสิทธิฟ้องเรียกเงินค่าเช่าซื้อที่ผู้เช่าซื้อยังค้างชำระอยู่ก่อนเลิกสัญญาได้ (อ้างฎีกาที่ 691/2501)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของเจ้าหนี้เช่าซื้อในการเรียกค่าเช่าซื้อค้างชำระ แม้มีสิทธิริบของ
เมื่อผู้เช่าซื้อผิดสัญญาเช่าซื้อ และผู้ให้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาแล้วนอกจากมีสิทธิริบเงินค่าเช่าซื้อที่ชำระไว้แล้ว ผู้ให้เช่าซื้อยังมีสิทธิฟ้องเรียกเงินค่าเช่าซื้อที่ผู้เช่าซื้อยังค้างชำระอยู่ก่อนเลิกสัญญาได้ (อ้างฎีกาที่ 691/2501)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้เช่าซื้อ: ผู้เสียหายคือเจ้าของทรัพย์ ไม่ใช่ตัวแทน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองเครื่องพิมพ์ดีดของบริษัทอีสต์เอเซียติค จำกัด มีอำนาจจัดการจำหน่ายและให้เช่าซื้อ จำเลยได้เช่าซื้อเครื่องพิมพ์ดีดนั้นไปจากโจทก์แล้วผิดสัญญาไม่ส่งคืนเครื่องพิมพ์ดีดกลับยักยอกเสีย ดังนี้ เพื่อได้ความว่าโจทก์เป็นเพียงผู้ช่วยผู้จัดการแผนกขายเครื่องพิมพ์ดีดของบริษัทอีสต์เอเซียติค จำกัด เพื่อประโยชน์ของบริษัทโจทก์ลงชื่อเป็นฝ่ายผู้ให้เช่าซื้อในฐานะตัวแทนบริษัทตามหน้าที่ ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) คือ บริษัท โจทก์เป็นเพียงผู้ปฏิบัติงานของบริษัทคนหนึ่งไม่ปรากฏว่ามีความรับผิดชอบหรือเสียหายอย่างใดนอกเหนือไปกว่านั้น จึงย่อมไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะพึงดำเนินคดีแก่จำเลยในนามของโจทก์เป็นส่วนตัวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1221/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองรถยนต์เช่าซื้อหลังศาลยกฟ้อง และผลกระทบต่อการยึดทรัพย์ชั่วคราว
เดิมรถยนต์อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อ จำเลยที่ 1 ได้เอาประกันวินาศภัยโดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัย โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์จากสัญญาประกันภัย ต่อมารถยนต์ถูกชนเสียหาย บริษัทรับประกันได้รับมอบไปจัดการซ่อม เมื่อโจทก์ร้องขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาโจทก์ได้นำยึดรถยนต์คันอื่นอีก 6 คัน เว้นแต่รถยนต์คันนี้ซึ่งอยู่ในอู่ของบริษัทผู้รับประกันภัยโจทก์มิได้นำยึด ดังนี้เห็นว่ารถยนต์คันนี้อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 มาแต่ต้น การที่โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์จากสัญญาประกันภัยก็เพราะกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนี้ยังเป็นของโจทก์ในฐานะผู้ให้เช่าซื้อเท่านั้น ไม่อาจถือได้ว่ารถยนต์คันนี้กลับมาอยู่ในความครอบครองของโจทก์ ต้องถือว่าในระหว่างรถยนต์คันนี้ได้รับการซ่อมแซมอยู่ในอู่ของบริษัทผู้รับประกันภัย อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 ตลอดมาจนเสร็จคดี เมื่อศาลพิพากษาให้ส่งมอบจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องส่งมอบรถยนต์คันนี้ให้โจทก์
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้มีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาและได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์ 4 คันจากจำเลยที่ 1 แล้วเจ้าพนักงานบังคับคดีมอบรถยนต์ 4 คันนี้ให้โจทก์รักษาไว้ ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชนะคดีเฉพาะรถยนต์ 4 คันนี้ โดยฟังว่าจำเลยที่ 1 ไม่ผิดสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ไม่มีอำนาจบอกเลิกสัญญาได้ ให้ยกฟ้องโจทก์ ในคำพิพากษามิได้กล่าวไว้ซึ่งวิธีการชั่วคราวที่ศาลสั่งไว้ในระหว่างพิจารณา ฉะนั้น จึงต้องถือว่าคำสั่งของศาลที่ให้ยึดรถยนต์ 4 คันนี้ไว้ชั่วคราวเป็นอันยกเลิกไปในตัว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(1) จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิได้รับรถยนต์ 4 คันนี้กลับคืนไปในฐานะผู้เช่าซื้อซึ่งมิได้ผิดสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์ 4 คันนี้ไว้ได้ เพราะโจทก์มิใช่ผู้ครองรถยนต์ 4 คันนี้โดยมีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่โจทก์ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 241 โจทก์เป็นแต่เพียงผู้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานบังคับคดีให้รักษารถยนต์ 4 คันนี้ไว้ในระหว่างถูกยึดไว้ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อการยึดทรัพย์ถูกยกเลิกไป โจทก์ในฐานะผู้รักษาทรัพย์ก็ต้องคืนรถยนต์ที่รับรักษาไว้แก่จำเลยที่ 1 ไปตามคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี
of 75