คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำสั่งศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1393-1395/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าเพื่อค้า vs. ที่อยู่อาศัย, การงดสืบพยาน, และคำสั่งศาลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
กำหนด 15 วันตามที่บัญญัติไว้ในข้อ 1 ของมาตรา 174 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น หมายความเฉพาะในชั้นยื่นฟ้องและขอหมายเรียกให้จำเลยแก้คดีเท่านั้นจะนำมาใช้ในชั้นฎีกาไม่ได้
ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 บัญญัติว่า'เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ฯลฯ' นั้น ย่อมหมายความรวมถึงการที่จะยกขึ้นกล่าวอ้างต่อสู้ให้บังคับคดีไปตามข้อกล่าวอ้างนั้นด้วย เพราะการบังคับคดีย่อมทำได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
คำว่า 'เคหะ' ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 หมายถึงสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ฯลฯ แต่ห้องพิพาทจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้าจึงมิใช่เคหะตามความหมายของบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวและไม่ได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 มาตรา 17 โจทก์บอกเลิกการเช่าได้
ถ้าศาลเห็นว่าพยานประเด็นที่จำเลยขอให้ส่งประเด็นไปสืบนั้นเป็นพยานหลักฐานฟุ่มเฟือยเกินสมควร ศาลก็มีอำนาจงดการสืบพยานหลักฐานเหล่านั้นเสียได้ ตามนัยมาตรา 86 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนการพิจารณานั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ถ้าจำเลยจะโต้แย้งคำสั่งนั้นอย่างใดก็ชอบที่จะแถลงข้อโต้แย้งให้ศาลชั้นต้นจดลงไว้ในรายงานหรือยื่นคำแถลงโต้แย้งไว้จึงจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลายื่นคำให้การ: คำสั่งศาลที่ไม่ใช่คำสั่งชี้ขาด ไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ
คำสั่งศาลที่ให้ยกคำร้องของโจทก์ที่ขอให้ศาลขยายเวลายื่นคำให้การไม่ใช่คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 โจทก์ย่อมยื่นคำร้องขอให้ศาลรับคำให้การ โดยอ้างว่ามิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การได้อีก ไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลที่ไม่รับคำร้องเรียกบุคคลภายนอกเป็นจำเลยร่วม ถือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่สามารถอุทธรณ์ได้
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้อง ไม่เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามคำร้องขอของโจทก์ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในระหว่างพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลที่ไม่รับเรียกบุคคลภายนอกเป็นจำเลยร่วม เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ห้ามอุทธรณ์ทันที
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้อง ไม่เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามคำร้องขอของโจทก์เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในระหว่างพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเห็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ vs. คำสั่งศาล: สิทธิอุทธรณ์ของผู้ขอรับชำระหนี้
การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำความเห็นส่งสำนวนต่อศาลในกรณีที่มีผู้ขอรับชำระหนี้ แม้จะเห็นควรให้ยกคำขอนั้นเสีย ลำพังความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีผลบังคับอย่างใด ศาลอาจวินิจฉัยเป็นอย่างอื่นก็ได้ ฉะนั้น จึงยังไม่มีการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อย่างใดที่ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 146 ผู้ขอรับชำระหนี้จะมายื่นคำร้องต่อศาลให้สั่งกลับคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หาได้ไม่ แต่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไปอย่างใดแล้ว ผู้ขอรับชำระหนี้มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ได้ภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่ผู้ร้องได้ทราบคำสั่งศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเห็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีผลผูกพันศาลไม่ได้ ผู้ขอรับชำระหนี้ต้องอุทธรณ์คำสั่งศาลภายในกำหนด
การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำความเห็นส่งสำนวนต่อศาลในกรณีที่มีผู้ขอรับชำระหนี้ แม้จะเห็นควรให้ยกคำขอนั้นเสีย ลำพังความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีผลบังคับอย่างใด ศาลอาจวินิจฉัยเป็นอย่างอื่นก็ได้ ฉะนั้นจึงยังไม่มีการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อย่างใดที่ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 146 ผู้ขอรับชำระหนี้จะมายื่นคำร้องต่อศาลให้สั่งกลับคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หาได้ไม่ แต่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไปอย่างใดแล้ว ผู้ขอรับชำระหนี้มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ได้ภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่ผู้ร้องได้ทราบคำสั่งศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้ซื้อจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล แม้ภายหลังพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินไม่ถูกต้องตามนั้น
จำเลยซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล และชำระเงินต่อศาลครบถ้วนแล้ว ศาลได้แจ้งให้อำเภอจัดการทำนิติกรรมโอนที่พิพาทให้จำเลย โจทก์ไปคัดค้านและมาฟ้องคดีนี้ อ้างว่าที่ดินเป็นของโจทก์ โจทก์ไม่ได้รู้เห็นยินยอมในการที่จำเลยซื้อ แต่มิได้กล่าวอ้างว่าจำเลยซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลไม่สุจริตหรือเป็นไปไม่ชอบอย่างไร และมิได้ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดรายนี้ จำเลยสู้ว่าได้ซื้อที่พิพาทไว้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยชอบ คดีโจทก์จึงไม่มีประเด็นที่จะสืบว่าจำเลยซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดดังกล่าวโดยสุจริตหรือไม่ ข้อต่อสู้ของจำเลยต้องด้วยบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 สิทธิของจำเลยในฐานะผู้ซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลจึงยังคงมีอยู่ แม้โจทก์จะสืบพยานในประเด็นตามที่โจทก์ฟ้อง และฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ก็ไม่ทำให้โจทก์ชนะคดีได้ (อ้างฎีกาที่ 63-64/2506) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ใช้บังคับถึงการขายทอดตลาดทรัพย์สินทั่วไป และรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินคดีโดยคนอนาถาและผลของการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเกี่ยวกับการวางเงินค่าธรรมเนียม
การที่ศาลไม่อนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ และโจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์สั่งยืน และว่าถ้าจะอุทธรณ์ให้วางเงินค่าธรรมเนียมภายใน 7 วัน แต่โจทก์ไม่วางเงินค่าธรรมเนียม กลับฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับเพราะคำสั่งศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 โจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาสั่งว่าคำสั่งศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 โจทก์จึงกลับมาร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้รับฟ้องอุทธรณ์อีก ศาลชั้นต้นให้ยกคำร้อง โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลายื่นฎีกาและการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำร้อง
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโจทก์ซึ่งขอขยายเวลายื่นฎีกา ไม่ใช่คำสั่งไม่รับฎีกา โจทก์จะยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อศาลฎีกา ตลอดจนยื่นฎีกาต่อศาลฎีกาหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 776/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลชี้ขาดประเด็นบริวารจำเลยแล้ว ห้ามขอแก้ไขซ้ำตามมาตรา 144
การที่ศาลพิพากษาตามยอมให้จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์ ย่อมใช้บังคับได้ตลอดถึงบริวารจำเลยด้วย
โจทก์ร้องว่า ผู้ร้องกับพวกเป็นบริวารจำเลยผู้ร้องกับพวกสู้ว่าไม่ได้เป็นบริวารจำเลย เพราะเป็นผู้เช่าที่ดินจากจำเลย ศาลสั่งว่าให้ผู้ร้องกับพวกอยู่ในที่ดินโจทก์ต่อไปอีก 3 เดือน คำสั่งศาลที่ว่านี้เป็นคำสั่ง ศาลชี้ขาดในประเด็นระหว่างผู้ร้องกับโจทก์
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 144 ห้ามมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วนั้น เมื่อศาลมีคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดในข้อโต้เถียงแล้วมิได้มีฝ่ายใดอุทธรณ์คัดค้าน คำสั่งนั้นย่อมเด็ดขาดถึงที่สุดตามกฎหมายและบังคับคดีต่อไปตามคำสั่งนั้นได้(ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271)
ศาลสั่งให้ผู้ร้องกับพวกอยู่ในที่ดินโจทก์ได้เพียง 3 เดือน เพราะการเช่าจากจำเลยเป็นการอยู่โดยอาศัยอำนาจจำเลย ชื่อว่าเป็นบริวารจำเลย ผู้ร้องขอให้แก้เป็นให้ผู้ร้องอยู่ต่อไป เพราะผู้ร้องมิใช่บริวารจำเลยย่อมไม่เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 144(1) เพราะมิใช่การขอให้แก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยตามมาตรา 143
of 79