พบผลลัพธ์ทั้งหมด 923 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1062/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างอันไม่เป็นธรรมหลังข้อตกลงสหภาพฯ และการใช้ดุลพินิจกำหนดค่าเสียหาย
เมื่อสหภาพแรงงานยื่นข้อเรียกร้องต่อนายจ้างและตกลงกันได้ ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากข้อตกลงคือสมาชิกสหภาพแรงงานซึ่งยื่นข้อเรียกร้องนั้น จึงถือได้ว่าสมาชิกสหภาพแรงงานเป็นผู้ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องที่สหภาพแรงงานยื่นต่อนายจ้าง ย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 123 การที่นายจ้างเลิกจ้างในระหว่างที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับจึงเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 41(4) มิได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการสั่งเรื่องค่าเสียหายในกรณีเลิกจ้างอันเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมได้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์จึงย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจที่จะกำหนดค่าเสียหายให้ลูกจ้างตามที่เห็นสมควรได้
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 41(4) มิได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการสั่งเรื่องค่าเสียหายในกรณีเลิกจ้างอันเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมได้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์จึงย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจที่จะกำหนดค่าเสียหายให้ลูกจ้างตามที่เห็นสมควรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3920/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจพนักงานอัยการรับแก้ต่างให้เจ้าพนักงานที่ถูกฟ้อง ย่อมเป็นไปตามดุลพินิจที่กฎหมายให้อำนาจ แม้โจทก์มิได้ระบุฐานะเจ้าพนักงานในฟ้อง
แม้โจทก์จะมิได้กล่าวไว้ในคำฟ้องว่าได้ฟ้องจำเลยในฐานะเป็นเจ้าพนักงาน แต่เมื่อเจ้าพนักงานอัยการพิจารณาเห็นว่าจำเลยถูกฟ้องเนื่องจากเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติตามหน้าที่และเห็นสมควรรับแก้ต่างให้แล้ว พนักงานอัยการก็มีอำนาจรับเป็นทนายความแก้ต่างให้จำเลยและดำเนินกระบวนพิจารณาใด เพราะมาตรา 11(3) แห่งพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ พ.ศ. 2494 ให้อำนาจแก่พนักงานอัยการที่จะใช้ดุลพินิจตามที่เห็นสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3522/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในการมีทนาย และดุลพินิจศาลในการพิจารณาพยานหลักฐานนอกสถานที่
ก่อนเริ่มการพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น จำเลยแถลงว่าจะหาทนายความเอง และในระหว่างการพิจารณาไม่ปรากฏว่าจำเลยร้องขอให้ศาลตั้งทนายความให้ศาลจึงไม่จำต้องตั้งทนายความให้จำเลย
โจทก์ขอส่งประเด็นไปสืบพยานที่ศาลอื่น ศาลชั้นต้นสอบจำเลยแล้วจำเลยไม่ค้านและยังแถลงว่าไม่ตามประเด็นไปด้วย ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องผ่านเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครขอให้ส่งตัวจำเลยตามประเด็น ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วไม่เห็นสมควรและไม่อนุญาต ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งได้ และเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้ว
จำเลยฎีกาอ้างข้อเท็จจริงนอกสำนวน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
โจทก์ขอส่งประเด็นไปสืบพยานที่ศาลอื่น ศาลชั้นต้นสอบจำเลยแล้วจำเลยไม่ค้านและยังแถลงว่าไม่ตามประเด็นไปด้วย ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องผ่านเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครขอให้ส่งตัวจำเลยตามประเด็น ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วไม่เห็นสมควรและไม่อนุญาต ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นมีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งได้ และเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้ว
จำเลยฎีกาอ้างข้อเท็จจริงนอกสำนวน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3514/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการงดสืบพยาน: ดุลพินิจศาลในการวินิจฉัยความเพียงพอของพยานหลักฐาน
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 104 ศาลมีอำนาจงดสืบพยานจำเลยได้ในเมื่อเห็นว่าข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะให้ฟังเป็นยุติได้แล้ว
อำนาจในการที่จะวินิจฉัยว่าพยานที่นำมาสืบแล้ว เป็นอันเพียงพอยุติได้หรือไม่เป็นอำนาจของศาล เมื่อศาลใช้ดุลพินิจว่าเพียงพอยุติได้แล้วจำเลยฎีกาโต้เถียงว่ายังไม่ควรยุติ ย่อมเป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยไม่มีสิทธิฎีกา
อำนาจในการที่จะวินิจฉัยว่าพยานที่นำมาสืบแล้ว เป็นอันเพียงพอยุติได้หรือไม่เป็นอำนาจของศาล เมื่อศาลใช้ดุลพินิจว่าเพียงพอยุติได้แล้วจำเลยฎีกาโต้เถียงว่ายังไม่ควรยุติ ย่อมเป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยไม่มีสิทธิฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3514/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการงดสืบพยานและดุลพินิจในการยุติข้อเท็จจริง
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 104ศาลมีอำนาจงดสืบพยานจำเลยได้ในเมื่อเห็นว่าข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะให้ฟังเป็นยุติได้แล้ว
อำนาจในการที่จะวินิจฉัยว่าพยานที่นำมาสืบแล้ว เป็นอันเพียงพอยุติได้หรือไม่เป็นอำนาจของศาล เมื่อศาลใช้ดุลพินิจว่าเพียงพอยุติได้แล้วจำเลยฎีกาโต้เถียงว่ายังไม่ควรยุติ ย่อมเป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยไม่มีสิทธิฎีกา
อำนาจในการที่จะวินิจฉัยว่าพยานที่นำมาสืบแล้ว เป็นอันเพียงพอยุติได้หรือไม่เป็นอำนาจของศาล เมื่อศาลใช้ดุลพินิจว่าเพียงพอยุติได้แล้วจำเลยฎีกาโต้เถียงว่ายังไม่ควรยุติ ย่อมเป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยไม่มีสิทธิฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3020/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: โต้เถียงดุลพินิจพยานหลักฐานการกระทำความผิดทางอาญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276,90 จำคุกห้าปี จำเลยที่2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278,83 จำคุกสองปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง ลงโทษจำคุกเท่ากับศาลชั้นต้น ดังนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยทั้งสองฎีกาว่าโจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเบิกความสนับสนุนคำฟ้องจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดนั้นเป็นการโต้เถียงดุลพินิจเกี่ยวกับการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของศาล เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยทั้งสองฎีกาว่าโจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเบิกความสนับสนุนคำฟ้องจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดนั้นเป็นการโต้เถียงดุลพินิจเกี่ยวกับการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของศาล เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2707/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการอนุญาตถอนฟ้อง และการใช้สิทธิถอนฟ้องไม่ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่สุจริต
การที่ศาลจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องเป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจ และการที่โจทก์ขอถอนคำฟ้องเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ถือไม่ได้ว่าโจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่สุจริตเพื่อเอาเปรียบในเชิงคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 211/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีซ้ำโดยไม่แจ้งล่วงหน้าถือเป็นการประวิงคดี ศาลมีสิทธิดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้
ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายยื่นคำร้องขอเลื่อน อ้างว่าติดงานศพญาติ ศาลอนุญาตและมีคำสั่งกำชับด้วยว่านัดหน้าศาลจะไม่ให้จำเลยเลื่อนคดีเพราะเหตุเกี่ยวกับตัวทนายอีก ดังนี้ หากทนายจำเลยมีเหตุจำเป็นเพราะได้นัดว่าความที่ศาลอื่นไว้ก่อนจริงก็ชอบที่จะกำชับเสมียนทนายมิให้นัดวันสืบพยานตรงกันหากเสมียนทนายหลงลืมก็ยังมีเวลานานถึงเดือนเศษที่จะถึงกำหนดตามที่ได้นัดไว้ ทนายจำเลยชอบที่จะรีบยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาไปเสียก่อนถึงวันนัด การที่ทนายจำเลยเพิ่งมอบฉันทะให้เสมียนทนายยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาในวันนัดสืบพยานโจทก์ส่อแสดงว่ามิได้สนใจวันนัดพิจารณาคดีของศาลมีเจตนาประวิงคดีให้ล่าช้า ศาลไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1566/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่ารักษาทรัพย์ยึด: ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจกำหนดค่าธรรมเนียมได้ แม้ต่ำกว่าสัญญาก็ตาม
ค่ารักษาทรัพย์ (ที่ยึดไว้ในคดี) เป็นค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งศาลอาจจะพิจารณาสั่งให้ได้ตามที่เห็นสมควร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161 ศาลใช้ดุลพินิจกำหนดค่ารักษาทรัพย์ให้ผู้ร้องต่ำกว่าจำนวนที่ระบุในหนังสือสัญญารักษาทรัพย์จึงเป็นอำนาจที่จะกระทำได้ หาเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่เมื่อค่ารักษาทรัพย์เป็นค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ศาลอาจสั่งให้ได้ การที่ผู้ร้องไม่พอใจคำสั่งกำหนดค่ารักษาทรัพย์ของศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ต่อมาก็เป็นการฟ้องคดีต่อศาลอุทธรณ์ ให้กำหนดค่ารักษาทรัพย์เช่นเดียวกันหาใช่เรื่องเรียกร้องค่ารักษาทรัพย์ไม่ จึงเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 685/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจอนุญาตฎีกา: อำนาจเด็ดขาดของผู้พิพากษา vs. การพิจารณาของศาลฎีกา
ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ที่ว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด นั้นกฎหมายมอบให้เป็นดุลพินิจอันเด็ดขาดของผู้พิพากษาผู้มีคำสั่งอนุญาตให้ฎีกา(วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2523)