พบผลลัพธ์ทั้งหมด 719 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1309/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโรงค้าใหม่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขประมวลรัษฎากรมาตรา 19, 20 เท่านั้น
ภาษีโรงค้านั้นเมื่อทางอำเภอได้ประเมินและผู้เสียภาษีได้ชำระไปแล้ว เจ้าพนักงานจะประเมินใหม่ได้ ก็แต่กรณีที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 19 และ 20 กล่าวคือเมื่อเจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ใดแสดงรายการตามแบบที่ยื่นไม่ถูกต้องตามความจริง หรือไม่บริบูรณ์เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจออกหมายเรียกตัวผู้ยื่นรายการนั้นมาไต่สวนและเมื่อได้จัดการเช่นว่านี้ และทราบข้อความแล้ว ก็มีอำนาจที่จะแก้จำนวนเงินที่ประเมินหรือที่ยื่นรายการไว้เดิมโดยอาศัยพยานหลักฐานที่ปรากฏได้เจ้าพนักงานประเมินจะประเมินค่าภาษีโรงค้าใหม่โดยไม่ปฏิบัติตามมาตรา 19,20 ประมวลรัษฎากรย่อมเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยประเมินค่าภาษีโรงค้าจากโจทก์เป็นการสมควรแล้ว จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ฟ้องเรียกเงินค่าภาษีที่ชำระแล้ว คืนบางส่วน โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยประเมินภาษีมากเกินไป แต่ที่จำเลยเสียภาษีตามที่ประเมินไว้ครั้งแรกก็น้อยเกินไปจึงพิพากษาแก้ลดจำนวนเงินลงมาจากที่จำเลยประเมินไว้จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงโดยมีผู้พิพากษาศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกาข้อเท็จจริงได้ดังนี้ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะยกข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัยว่า การที่จำเลยประเมินค่าภาษีใหม่นั้น เป็นการผิดกฎหมายประมวลรัษฎากร จึงไม่มีอำนาจประเมินใหม่
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยประเมินค่าภาษีโรงค้าจากโจทก์เป็นการสมควรแล้ว จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ฟ้องเรียกเงินค่าภาษีที่ชำระแล้ว คืนบางส่วน โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยประเมินภาษีมากเกินไป แต่ที่จำเลยเสียภาษีตามที่ประเมินไว้ครั้งแรกก็น้อยเกินไปจึงพิพากษาแก้ลดจำนวนเงินลงมาจากที่จำเลยประเมินไว้จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงโดยมีผู้พิพากษาศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกาข้อเท็จจริงได้ดังนี้ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะยกข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัยว่า การที่จำเลยประเมินค่าภาษีใหม่นั้น เป็นการผิดกฎหมายประมวลรัษฎากร จึงไม่มีอำนาจประเมินใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 458/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษี: เมื่อมีการชี้ขาดแล้ว จำนวนเงินประเมินเดิมเป็นอันสิ้นสุด ต้องใช้จำนวนเงินที่ชี้ขาดใหม่ในการคำนวณค่าปรับ
ในกรณีที่มีอุทธรณ์การประเมินภาษีโรงเรือนนั้น เมื่อมีการชี้ขาดจำนวนเงินลดลงกว่าที่ประเมินไว้เดิมแล้วก็ต้องถือจำนวนเงินประเมินตามคำชี้ขาดนั้นส่วนจำนวนเงินประเมินเดิมเป็นอันหมดไป ฉะนั้นเมื่อจะมีการเรียกเอาค่าภาษีเพิ่ม เพราะผู้รับประเมินเอาเงินค่าภาษีมาชำระช้ากว่ากำหนดนั้น ก็ต้องคิดเพิ่มเอาจากอัตราที่ชี้ขาดมาใหม่นั้น จะคิดเอาจากอัตราจำนวนเงินประเมินเดิมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 458/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโรงเรือนใหม่มีผลเหนือกว่าเดิม ค่าภาษีเพิ่มคำนวณจากอัตราที่ชี้ขาดใหม่
ในกรณีที่มีอุทธรณ์การประเมินภาษีโรงเรือนนั้นเมื่อมีการชี้ขาดจำนวนเงินลดลงกว่าที่ประเมินไว้เดิมแล้วก็ต้องถือจำนวนเงินประเมินตามคำชี้ขาดนั้น ส่วนจำนวนเงินประเมินเดิมเป็นอันหมดไป ฉะนั้นเมื่อจะมีการเรียกเอาค่าภาษีเพิ่ม เพราะผู้รับประเมินเอาเงินค่าภาษีมาชำระช้ากว่ากำหนดนั้นก็ต้องคิดเพิ่มเอาจากอัตราที่ชี้ขาดมาใหม่นั้นจะคิดเอาจากอัตราจำนวนเงินประเมินเดิมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1925/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโรงเรือนต้องไม่เกินค่าเช่าจริง การประเมินเกินถือไม่เป็นธรรมต่อผู้ให้เช่า
แม้ใน พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดินมาตรา 8 จะได้ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่แก้หรือคำนวณค่ารายปีใหม่ เมื่อมีเหตุอันบ่งให้เห็นว่าค่าเช่านั้นมิใช่จำนวนเงินอันสมควรจะให้เช่าได้ก็ดี ถ้าผู้ให้เช่าได้เรียกเก็บค่าเช่าตามสัญญาที่ให้เช่าและค่าเช่าที่เรียกเก็บก็ไม่น้อยเกินไป หรือมีเหตุที่น่าจะเห็นว่าผู้เช่ากับผู้ให้เช่าสมยอมกันแล้ว ก็ไม่มีเหตุสมควรที่เจ้าพนักงานประเมินจะประเมินค่ารายปีเกินไปกว่าค่าเช่าที่ผู้ให้เช่าได้รับจริง เพราะไม่เป็นธรรมแก่ฝ่ายผู้ให้เช่า ฉะนั้นถ้าประเมินค่ารายปีเกินไปโดยไม่สมควรแล้ว ผู้ให้เช่าย่อมฟ้องเรียกคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1925/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินเกินกว่าค่าเช่าที่ได้รับจริง ผู้ให้เช่ามีสิทธิฟ้องเรียกคืน
แม้ใน พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน มาตรา 8 จะได้ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่แก้หรือคำนวณค่ารายปีใหม่ เมื่อมีเหตุอันบ่งให้เห็นว่าค่าเช่านั้นมิใช่จำนวนเงินอันสมควรจะให้เช่าได้ก็ดี ถ้าผู้ให้เช่าได้เรียกเก็บค่าเช่าตามสัญญาที่ให้เช่าและค่าเช่าที่เรียกเก็บก็ไม่น้อยเกินไปหรือมีเหตุที่น่าจะเห็นว่าผู้เช่ากับผู้ให้เช่าสมยอมกันแล้ว ก็ไม่มีเหตุสมควรที่เจ้าพนักงานประเมินจะประเมินค่ารายปีเกินไปกว่าค่าเช่าที่ผู้ให้เช่าได้รับจริง เพราะไม่เป็นธรรมแก่ฝ่ายผู้ให้เช่า ฉะนั้นถ้าประเมินค่ารายปีเกินไปโดยไม่สมควรแล้ว ผู้ให้เช่าย่อมฟ้องเรียกคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1897/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้าสุราของผู้ขายส่ง: การประเมินภาษีเงินได้ประเภทคนกลางตามประมวลรัษฎากร
พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยภาษีเงินได้พ.ศ.2482 กำหนดอาชีพการค้าขายของคนกลางให้ตกอยู่ในมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร คำว่า"การค้าขายของคนกลาง" นี้หมายความว่าการค้าของคนซึ่งอยู่ในระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภค คือซื้อของที่ตนเองมิได้เป็นผู้ผลิตมาแล้วขายต่อไป
ทำสัญญากับโรงงานสุราเป็นผู้ขายส่งสุราประจำอำเภอหนึ่งแม้ตามสัญญาจะถูกจำกัดในการซื้อในการขายตลอดจนเรื่องราคาที่จะขายก็ดี ก็เป็นเรื่องที่ซื้อมาแล้วขายต่อไปอันเป็นการค้าของคนกลางนั้นเอง
ทำสัญญากับโรงงานสุราเป็นผู้ขายส่งสุราประจำอำเภอหนึ่งแม้ตามสัญญาจะถูกจำกัดในการซื้อในการขายตลอดจนเรื่องราคาที่จะขายก็ดี ก็เป็นเรื่องที่ซื้อมาแล้วขายต่อไปอันเป็นการค้าของคนกลางนั้นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องขอประเมินภาษีใหม่เกินกำหนด 15 วัน ผู้ฟ้องต้องแสดงเหตุ หากไม่สืบพยาน ย่อมเสียเปรียบ
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าภาษี ในคำฟ้องและเอกสารฟังว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ประเมินใหม่ เกินกำหนด 15 วัน เมื่อโจทก์อ้างว่า เพิ่งได้รับใบแจ้งการประเมินยังไม่เกิน 15 วัน จึงเป็นหน้าที่โจทก์ต้องนำสืบแสดงเหตุเมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน โจทก์ก็ต้องแพ้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีภาษีโรงค้าก่อนมีประเมินภาษีเป็นสิทธิที่ไม่ชอบตามกฎหมาย
เมื่อยังไม่มีการประเมินภาษีผู้ที่จะต้องเสียภาษีจะนำคดีเกี่ยวกับภาษีนั้นมาฟ้องร้องต่อศาลทีเดียวไม่ได้ ถือว่า ไม่ใช่กรณีจะฟ้องได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 55.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2106-2108/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีร้านค้าจากค่าเช่า ต้องมีเหตุผลแสดงว่าค่าเช่าที่ประเมินสูงกว่าค่าเช่าจริง
ผู้เสียภาษีฟ้องข้าหลวงประจำจังหวัดในเรื่องประเมินภาษีและเรียกภาษีที่เก็บเกินไปคืน และข้าหลวงประจำจังหวัดคนใหม่ขอเข้าเป็นจำเลยแทน ไม่มีผู้ใดคัดค้าน ศาลย่อมรับพิจารณาคดีที่ฟ้องกันนั้น
การประเมินภาษีร้านค้าจากเงินค่าเช่านั้นเจ้าพนักงานประเมินจะต้องมีเหตุผล เป็นข้อเท็จจริงที่จะแสดงว่า ร้านค้านั้น ๆ สมควรให้เช่าได้ในจำนวนเงินสูงกว่าค่าเช่าจริง จะเอาค่าเช่าของร้านค้ารายหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ฉะเพาะรายมาเป็นมาตรฐานว่าค่าเช่ารายอื่นต่ำเกินสมควรนั้นไม่ได้.
การประเมินภาษีร้านค้าจากเงินค่าเช่านั้นเจ้าพนักงานประเมินจะต้องมีเหตุผล เป็นข้อเท็จจริงที่จะแสดงว่า ร้านค้านั้น ๆ สมควรให้เช่าได้ในจำนวนเงินสูงกว่าค่าเช่าจริง จะเอาค่าเช่าของร้านค้ารายหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ฉะเพาะรายมาเป็นมาตรฐานว่าค่าเช่ารายอื่นต่ำเกินสมควรนั้นไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2106-2108/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีจากค่าเช่าต้องมีเหตุผลรองรับ การอ้างอิงค่าเช่ารายอื่นเป็นมาตรฐานไม่ได้
ผู้เสียภาษีฟ้องข้าหลวงประจำจังหวัดในเรื่องประเมินภาษีและเรียกภาษีที่เก็บเกินไปคืน และข้าหลวงประจำจังหวัดคนใหม่ขอเข้าเป็นจำเลยแทน ไม่มีผู้ใดคัดค้านศาลย่อมรับพิจารณาคดีที่ฟ้องกันนั้น
การประเมินภาษีร้านค้าจากเงินค่าเช่านั้นเจ้าพนักงานประเมินจะต้องมีเหตุผล เป็นข้อเท็จจริงที่จะแสดงว่า ร้านค้านั้นๆสมควรให้เช่าได้ในจำนวนเงินสูงกว่าค่าเช่าจริงจะเอาค่าเช่าของร้านค้ารายหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์เฉพาะรายมาเป็นมาตรฐานว่าค่าเช่ารายอื่นต่ำเกินสมควรนั้นไม่ได้
การประเมินภาษีร้านค้าจากเงินค่าเช่านั้นเจ้าพนักงานประเมินจะต้องมีเหตุผล เป็นข้อเท็จจริงที่จะแสดงว่า ร้านค้านั้นๆสมควรให้เช่าได้ในจำนวนเงินสูงกว่าค่าเช่าจริงจะเอาค่าเช่าของร้านค้ารายหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์เฉพาะรายมาเป็นมาตรฐานว่าค่าเช่ารายอื่นต่ำเกินสมควรนั้นไม่ได้