พบผลลัพธ์ทั้งหมด 754 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271-1272/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ที่เกี่ยวเนื่องกัน หักกลบลบหนี้ได้ และฟ้องแย้งเกี่ยวกับฟ้องเดิมต้องรับไว้พิจารณา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลย จำเลยรับว่าได้กู้จริง แต่ต่อสู้ว่าโจทก์ยังเป็นหนี้จำเลยค่าจ้างว่าความ ค่าเดินทาง และค่าอาหาร ขอหักกลบลบหนี้ และฟ้องแย้งขอให้ชำระเงินค่าจ้างว่าความ ค่าเดินทางและค่าอาหารนั้น ดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับฟ้องเดิม ต้องรับไว้พิจารณา(อ้างฎีกาที่ 460/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271-1272/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักกลบลบหนี้ที่ถึงกำหนดชำระพร้อมกัน และการรับฟ้องแย้งที่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลย จำเลยรับว่าได้กู้จริง แต่ต่อสู้ว่าโจทก์ยังเป็นหนี้จำเลย ค่าจ้างว่าความและค่าอาหาร ขอหักกลบลบหนี้ และฟ้องแย้งขอให้ชำระเงินค่าจ้างว่าความ ค่าเดินทางและค่าอาหารนั้น ดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับฟ้องเดิม ต้องรับไว้พิจารณา (อ้างฎีกา ที่ 460/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 996/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งทำสัญญาเช่า: ศาลพิจารณาแล้วยกฟ้อง หากจำเลยไม่มีทางชนะคดี แม้ข้อเท็จจริงเป็นไปตามฟ้องแย้ง
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 131(2),133,139 นั้น เมื่อจำเลยยื่นคำให้การฟ้องแย้ง ศาลชั้นต้นสั่งว่า ......ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยนั้น ศาลได้พิจารณาแล้ว........จึงพร้อมกันมีคำสั่งให้ยกฟ้องแย้งเสียค่าธรรมเนียมเป็นพับ เช่นนี้ เป็นปริยายว่าศาลชั้นต้นพิจารณาเสร็จแล้วจึงชี้ขาดฟ้องแย้งโดยทำเป็นคำสั่งให้ยกฟ้องแย้ง ไม่ใช่สั่งให้คืนไปหรือไม่รับ ตามมาตรา 18
ฟ้องแย้งว่า โจทก์มีหนังสือขอให้จำเลยไปพบเพื่อรับคำบอกกล่าวขับไล่ หรือทำสัญญาเช่าแล้วแต่กรณี จำเลยได้ทำหนังสือขอทำสัญญาเช่าแต่โจทก์เรียกเงินกินเปล่า 30,000 บาท กับชำระค่าเช่าที่ค้าง จำเลยขอให้ 25,000 บาท จึงไม่ตกลงกัน เช่นนี้ นับว่ามิได้มีสัญญาต่อกันจำเลยไม่มีอำนาจแห่งมูลหนี้ที่จะฟ้องแย้งให้โจทก์ทำสัญญาเช่า ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่าเมื่อศาลเห็นว่า แม้เป็นจริงดังฟ้องแย้ง จำเลยก็ไม่มีทางชนะคดีตามฟ้องแย้ง ศาลยกฟ้องแย้งเสียเลยได้.
(เฉพาะปัญหาที่ 2 เป็นมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2508).
ฟ้องแย้งว่า โจทก์มีหนังสือขอให้จำเลยไปพบเพื่อรับคำบอกกล่าวขับไล่ หรือทำสัญญาเช่าแล้วแต่กรณี จำเลยได้ทำหนังสือขอทำสัญญาเช่าแต่โจทก์เรียกเงินกินเปล่า 30,000 บาท กับชำระค่าเช่าที่ค้าง จำเลยขอให้ 25,000 บาท จึงไม่ตกลงกัน เช่นนี้ นับว่ามิได้มีสัญญาต่อกันจำเลยไม่มีอำนาจแห่งมูลหนี้ที่จะฟ้องแย้งให้โจทก์ทำสัญญาเช่า ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่าเมื่อศาลเห็นว่า แม้เป็นจริงดังฟ้องแย้ง จำเลยก็ไม่มีทางชนะคดีตามฟ้องแย้ง ศาลยกฟ้องแย้งเสียเลยได้.
(เฉพาะปัญหาที่ 2 เป็นมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2508).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 996/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งทำสัญญาเช่า: ศาลพิจารณาแล้วยกฟ้อง หากแม้ข้อเท็จจริงเป็นจริงก็ไม่มีทางชนะคดี
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 131(2),133,139 นั้นเมื่อจำเลยยื่นคำให้การฟ้องแย้ง ศาลชั้นต้นสั่งว่า......ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยนั้นศาลได้พิจารณาแล้ว.......จึงพร้อมกันมีคำสั่งให้ยกฟ้องแย้งเสีย ค่าธรรมเนียมเป็นพับ เช่นนี้ เป็นปริยายว่าศาลชั้นต้นพิจารณาเสร็จแล้ว จึงชี้ขาดฟ้องแย้งโดยทำเป็นคำสั่งให้ยกฟ้องแย้งไม่ใช่สั่งให้คืนไปหรือไม่รับ ตามมาตรา 15
ฟ้องแย้งว่า โจทก์มีหนังสือขอให้จำเลยไปพบเพื่อรับคำบอกกล่าวขับไล่ หรือทำสัญญาเช่าแล้วแต่กรณี จำเลยได้ทำหนังสือขอทำสัญญาเช่าแต่โจทก์เรียกเงินกินเปล่า 30,000 บาท กับชำระค่าเช่าที่ค้าง จำเลยขอให้ 25,000 บาท จึงไม่ตกลงกัน เช่นนี้นับว่ามิได้มีสัญญาต่อกัน จำเลยไม่มีอำนาจแห่งมูลหนี้ที่จะฟ้องแย้งให้โจทก์ทำสัญญาเช่า ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า เมื่อศาลเห็นว่าแม้เป็นจริงดังฟ้องแย้ง จำเลยก็ไม่มีทางชนะคดีตามฟ้องแย้ง ศาลยกฟ้องแย้งเสียเลยได้ (เฉพาะปัญหาที่ 2 เป็นมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2508)
ฟ้องแย้งว่า โจทก์มีหนังสือขอให้จำเลยไปพบเพื่อรับคำบอกกล่าวขับไล่ หรือทำสัญญาเช่าแล้วแต่กรณี จำเลยได้ทำหนังสือขอทำสัญญาเช่าแต่โจทก์เรียกเงินกินเปล่า 30,000 บาท กับชำระค่าเช่าที่ค้าง จำเลยขอให้ 25,000 บาท จึงไม่ตกลงกัน เช่นนี้นับว่ามิได้มีสัญญาต่อกัน จำเลยไม่มีอำนาจแห่งมูลหนี้ที่จะฟ้องแย้งให้โจทก์ทำสัญญาเช่า ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า เมื่อศาลเห็นว่าแม้เป็นจริงดังฟ้องแย้ง จำเลยก็ไม่มีทางชนะคดีตามฟ้องแย้ง ศาลยกฟ้องแย้งเสียเลยได้ (เฉพาะปัญหาที่ 2 เป็นมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานจำเลยเนื่องจากประวิงคดี และการยุติข้อเท็จจริงจากคำวินิจฉัยศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นได้ดำเนินการพิจารณาคดีมาโดยลำดับ โดยได้สืบพยานโจทก์แล้วสืบพยานจำเลยโดยสืบตัวจำเลยซึ่งมาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดที่สอง แล้วจำเลยแถลงว่าไม่มีพยานมาศาลอีก ศาลชั้นต้นจึงได้งดสืบพยานอื่นของจำเลย เพราะจำเลยได้แถลงไว้ในนัดก่อนว่าพยานจำเลยคนใดไม่มาก็ไม่ติดใจสืบ ทั้งพฤติการณ์ที่จำเลยปฏิบัติในคดีแต่ต้นมาส่อไปในทางประวิงคดี ถือว่าเป็นการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลชั้นต้นชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว
เมื่อจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นพิพากษา และมิได้กล่าวอ้างคัดค้านในฎีกา ข้อเท็จจริงจึงยุติตามศาลชั้นต้น และเมื่อการฟังข้อเท็จจริงเป็นเหตุให้ศาลฎีกายกฟ้องแย้งของจำเลยแล้ว ปัญหาที่ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเคลือบคลุมหรือไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัย
เมื่อจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นพิพากษา และมิได้กล่าวอ้างคัดค้านในฎีกา ข้อเท็จจริงจึงยุติตามศาลชั้นต้น และเมื่อการฟังข้อเท็จจริงเป็นเหตุให้ศาลฎีกายกฟ้องแย้งของจำเลยแล้ว ปัญหาที่ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเคลือบคลุมหรือไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานเมื่อจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบ และผลของการไม่โต้แย้งข้อเท็จจริงต่อการวินิจฉัยฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นได้ดำเนินการพิจารณาคดีมาโดยลำดับโดยได้สืบพยานโจทก์แล้วสืบพยานจำเลยโดยสืบตัวจำเลยซึ่งมาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดที่สองแล้วจำเลยแถลงว่าไม่มีพยานมาศาลอีกศาลชั้นต้นจึงได้งดสืบพยานอื่นของจำเลยเพราะจำเลยได้แถลงไว้ในนัดก่อนว่าพยานจำเลยคนใดไม่มาก็ไม่ติดใจสืบทั้งพฤติการณ์ที่จำเลยปฏิบัติในคดีแต่ต้นมาส่อไปในทางประวิงคดีถือว่าการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลชั้นต้นชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว
เมื่อจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นพิพากษาและมิได้กล่าวอ้างคัดค้านในฎีกาข้อเท็จจริงจึงยุติตามศาลชั้นต้น และเมื่อการฟังข้อเท็จจริงเป็นเหตุให้ศาลฎีกายกฟ้องแย้งของจำเลยแล้วปัญหาที่ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเคลือบคลุมหรือไม่จึงไม่จำต้องวินิจฉัย
เมื่อจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นพิพากษาและมิได้กล่าวอ้างคัดค้านในฎีกาข้อเท็จจริงจึงยุติตามศาลชั้นต้น และเมื่อการฟังข้อเท็จจริงเป็นเหตุให้ศาลฎีกายกฟ้องแย้งของจำเลยแล้วปัญหาที่ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเคลือบคลุมหรือไม่จึงไม่จำต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งต้องไม่เกี่ยวพันกับคำฟ้องเดิม ศาลมีอำนาจสั่งให้ฟ้องเป็นคดีต่างหาก
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและตึกแถวซึ่งใช้เป็นที่ประกอบการค้าโดยอ้างว่าบอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว จำเลยให้การว่าสัญญาเช่ายังไม่ครบกำหนดขับไล่จำเลยไม่ได้ พร้อมทั้งฟ้องแย้งว่าเมื่อจำเลยถูกขับไล่แล้ว โจทก์จะต้องชดใช้เงินค่ปลูกสร้างโกดังสินค้าและโรงรถด้วยนั้น เห็นได้ว่าฟ้องแย้งนั้นเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลัง กล่าวคือ ถ้าจำเลยชนะคดีตามคำให้การ ฟ้องแย้งของจำเลยก็ตกไป เพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะชดใช้ จึงเป็นเรื่องที่จะเรียกร้องอีกเรื่องหนึ่งต่างหากในภายหลังเมื่อปรากฏผลในคดีนี้แล้ว จึงพิจารณาฟ้องแย้งของจำเลยไปพร้อมกันกับข้อต่อสู้ในคำให้การไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งต้องไม่เกี่ยวพันกับฟ้องเดิม ศาลสั่งแยกเป็นคดีต่างหากตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและตึกแถวซึ่งใช้เป็นที่ประกอบการค้าโดยอ้างว่าบอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว จำเลยให้การว่าสัญญาเช่ายังไม่ครบกำหนดขับไล่จำเลยไม่ได้พร้อมทั้งฟ้องแย้งว่าเมื่อจำเลยถูกขับไล่แล้ว โจทก์จะต้องชดใช้เงินค่าปลูกสร้างโกดังสินค้าและโรงรถด้วยนั้น เห็นได้ว่าฟ้องแย้งนั้นเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังกล่าวคือถ้าจำเลยชนะคดีตามคำให้การ ฟ้องแย้งของจำเลยก็ตกไปเพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะชดใช้ จึงเป็นเรื่องที่จะเรียกร้องอีกเรื่องหนึ่งต่างหากในภายหลังเมื่อปรากฏผลในคดีนี้แล้ว จึงพิจารณาฟ้องแย้งของจำเลยไปพร้อมกันกับข้อต่อสู้ในคำให้การไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 163/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ร้องสอด - คำร้องเป็นฟ้องแย้ง - การใช้กระดาษแบบพิมพ์ - เจ้าของที่ดิน
(1)บทบัญญัติว่าด้วยการขาดนัดยื่นคำให้การจะนำใช้แก่ผู้ร้องสอดหาได้ไม่
(2)คำร้องของผู้ร้องสอดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57 นั้น ย่อมเป็นทั้งค่ำให้การต่อสู้และฟ้องแย้งคดีได้อยู่ในตัว แล้วแต่กรณี
(3)เมื่อตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57 กำหนดให้ผู้ร้องสอดทำคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความ ก็ย่อมใช้กระดาษแบบคำร้องตลอดถึงฟ้องแย้งในคำร้องสอดนั้นด้วยได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2507)
(2)คำร้องของผู้ร้องสอดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57 นั้น ย่อมเป็นทั้งค่ำให้การต่อสู้และฟ้องแย้งคดีได้อยู่ในตัว แล้วแต่กรณี
(3)เมื่อตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57 กำหนดให้ผู้ร้องสอดทำคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความ ก็ย่อมใช้กระดาษแบบคำร้องตลอดถึงฟ้องแย้งในคำร้องสอดนั้นด้วยได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 163/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ร้องสอด - คำร้องสอดเป็นทั้งคำให้การและฟ้องแย้ง - ไม่อาจใช้บทจำเลยขาดนัด
(1)บทบัญญัติว่าด้วยการขาดนัดยื่นคำให้การจะนำมาใช้แก่ผู้ร้องสอดหาได้ไม่
(2)คำร้องของผู้ร้องสอดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57 นั้น ย่อมเป็นทั้งคำให้การต่อสู้และฟ้องแย้งคดีได้อยู่ในตัวแล้วแต่กรณี
(3)เมื่อตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57 กำหนดให้ผู้ร้องสอดทำคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความก็ย่อมใช้กระดาษแบบคำร้องตลอดถึงฟ้องแย้งในคำร้องสอดนั้นด้วยได้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2507)
(2)คำร้องของผู้ร้องสอดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57 นั้น ย่อมเป็นทั้งคำให้การต่อสู้และฟ้องแย้งคดีได้อยู่ในตัวแล้วแต่กรณี
(3)เมื่อตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57 กำหนดให้ผู้ร้องสอดทำคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความก็ย่อมใช้กระดาษแบบคำร้องตลอดถึงฟ้องแย้งในคำร้องสอดนั้นด้วยได้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2507)