พบผลลัพธ์ทั้งหมด 971 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 72/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้การขัดแย้งกันในคดีแพ่งและการสืบพยานที่ไม่เป็นประโยชน์
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าแชร์เปียหวยจากจำเลย จำเลยให้การว่ามิได้เล่นแชร์กับโจทก์ ถ้าหากปรากฏว่าจำเลยเล่นแชร์กับโจทก์ จำเลยก็ได้จ่ายเงินให้โจทก์ไปหมดแล้วดังนี้ เป็นคำให้การที่ขัดกันไม่ประกอบชอบด้วยเหตุผลที่จำเลยจะนำสืบตามคำให้การของจำเลยๆ มิได้แถลงต่อศาลว่าจะสืบแต่เฉพาะทางใดทางหนึ่งแน่ หากจะสืบทั้งสองทางเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ที่จะให้จำเลยสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 584/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและข้อยกเว้นตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า: จำเลยต้องนำสืบเพื่อหักล้างข้อกล่าวหา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ตามสำเนาหนังสือสัญญาเช่าท้ายฟ้อง จำเลยได้ทำที่ดินที่เช่าไปหาผลประโยชน์โดยปลูกเรือนให้ผู้อื่นเช่า จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้เอาที่ดินที่เช่าไปหาผลประโยชน์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ เพราะจำเลยเช่าปลูกเรือนอาศัยตามสัญญา เช่าข้อ 1 ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ ชั้นพิจารณาโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานโดยขอให้ศาลวินิจฉัยข้อเดียวว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ หรือไม่ ปรากฏตามสำเนาหนังสือสัญญาเช่าท้ายฟ้องข้อ 1 มีข้อความว่าผู้เช่าขอเช่าที่ดินของผู้ให้เช่าเพื่อปลูกบ้านอยู่เป็นการให้เช่าที่ดินเพื่อปลูกเรือนอยู่อาศัย ตามข้อต่อสู้ของจำเลยซึ่งได้รับความ คุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ อยู่แล้ว เมื่อโจทก์จำเลยไม่สืบพยานโจทก์ย่อมแพ้คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณา & เอกสารขีดฆ่าใช้เป็นหลักฐานได้หากปิดแสตมป์ครบ
ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 บัญญัติเพียงว่า ตราสารใดที่ไม่ปิดแสตมป์ครบจำนวนและได้ขีดฆ่าแล้วจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ ไม่ได้บังคับถึงเวลาทีปิดหรือบุคคลผู้ปิดและขีดฆ่า
ศาลกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบ พยานโจทก์จำเลยไม่มาศาล ถือว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาความประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรค 2 และมาตรา 202
ศาลกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบ พยานโจทก์จำเลยไม่มาศาล ถือว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาความประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรค 2 และมาตรา 202
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานเพิ่มเติมในคดีขัดทรัพย์: เอกสารเป็นพยานหลักฐานประเภทหนึ่ง
ในคดีร้องขัดทรัพย์ ศาลกำหนดให้โจทก์นำสืบก่อนเมื่อโจทก์สืบพยานบุคคลแล้ว โจทก์แถลงว่าหมดพยานบุคคลแล้ว คงติดใจอ้างพยานเอกสารซึ่งได้ขอให้ศาลเรียกมาแล้วแต่ยังไม่ได้มาดังนี้ ถือว่าการสืบพยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่เสร็จ เพราะเอกสารก็เป็นพยานหลักฐานอย่างหนึ่งเหมือนกันฉะนั้น ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1973/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตให้สืบพยานพิสูจน์พยานจำเลยในคดีอาญา: การอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ในคดีอาญา เมื่อโจทก์สืบพยานหมดแล้ว อยู่ระหว่างสืบพยานจำเลย โจทก์ยื่นคำร้องขอพิสูจน์พยานจำเลยที่เบิกความไปแล้วโดยอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 120 และ 88 วรรคท้าย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลชั้นต้นสั่งชี้ขาดในปัญหาที่โจทก์จะพิสูจน์พยานจำเลยว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ห่างไกลต่อประเด็นแห่งคดีจึงไม่อนุญาต การที่ศาลชั้นต้นสั่งเช่นนี้ ก็โดยพิจารณาจากข้อเท็จจริงมิใช่เป็นการพิจารณาในข้อกฎหมาย เมื่อเป็นคดีที่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ถึงหากโจทก์จะขอสืบพยานพิสูจน์พยานจำเลยได้ โจทก์ก็อุทธรณ์ฎีกา เพื่อขอสืบพยานพิสูจน์พยานจำเลยไม่ได้อยู่นั่นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1973/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตให้สืบพยานพิสูจน์พยานจำเลยในคดีอาญา: ปัญหาข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกา
ในคดีอาญา เมื่อโจทก์สืบพยานหมดแล้วอยู่ระหว่างสืบพยานจำเลย โจทก์ยื่นคำร้องขอพิสูจน์พยานจำเลยที่เบิกความไปแล้วโดยอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 120 และ 88 วรรคท้าย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลชั้นต้นสั่งชี้ขาดในปัญหาที่โจทก์จะพิสูจน์พยานจำเลยว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ห่างไกลต่อประเด็นแห่งคดีจึงไม่อนุญาต การที่ศาลชั้นต้นสั่งเช่นนี้ ก็โดยพิจารณาจากข้อเท็จจริงมิใช่เป็นการพิจารณาในข้อกฎหมาย เมื่อเป็นคดีที่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ถึงหากโจทก์จะขอสืบพยานพิสูจน์พยานจำเลยได้ โจทก์ก็อุทธรณ์ฎีกาเพื่อขอสืบพยานพิสูจน์พยานจำเลยไม่ได้อยู่นั่นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1199/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลก่อนพิพากษาห้ามอุทธรณ์ เว้นแต่มีการโต้แย้ง และศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งให้สืบพยานใหม่ได้
(1) ตามาตรา 226 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง นั้น หมายความว่าก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีนั้น ถ้ามิใช่คำสั่งมาตรา 227, 228 แล้วห้ามอุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณา แต่ถ้าได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวไว้ก็มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ เมื่อศาลพิพากษาหรือชี้ขาดตัดสินคดีแล้ว ฉะนั้น ถ้าไม่ได้แย้งไว้ ก็อุทธรณ์คำสั่งนั้นในภายหลังไม่ได้
(2) การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เช่น ของฝ่ายผู้ค้าน เป็นต้นนั้น ไม่ใช่คำสั่งตามมาตรา 227, 228 และถือว่าเป็นคำสั่งก่อนพิพากษาหรือมีคำสั่งชี้ขาด ตัดสินคดีห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 226
(3) นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจนถึงวันฟังคำสั่งตัดสินชี้ขชาดคดีซึ่งมีเวลาที่จะคัดค้านคำสั่งได้ถึง 10 วันนั้น ถือว่ามีเวลานานพอที่จะโต้แย้งแล้ว จึงอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งงดสืบพยานไม่ได้
(4) ผู้อุทธรณ์ได้อุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ว่ารับฟังพยานหลักฐานไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะสั่งยกคำสั่งชี้ขาดหรือคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้วให้พิจารณาพิพากษาใหม่ได้ตามมาตรา 243 (2)
(ข้อ 3 ประชุมใหญ่ครั้งที่ 33/2505)
(2) การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เช่น ของฝ่ายผู้ค้าน เป็นต้นนั้น ไม่ใช่คำสั่งตามมาตรา 227, 228 และถือว่าเป็นคำสั่งก่อนพิพากษาหรือมีคำสั่งชี้ขาด ตัดสินคดีห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 226
(3) นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจนถึงวันฟังคำสั่งตัดสินชี้ขชาดคดีซึ่งมีเวลาที่จะคัดค้านคำสั่งได้ถึง 10 วันนั้น ถือว่ามีเวลานานพอที่จะโต้แย้งแล้ว จึงอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งงดสืบพยานไม่ได้
(4) ผู้อุทธรณ์ได้อุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ว่ารับฟังพยานหลักฐานไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะสั่งยกคำสั่งชี้ขาดหรือคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้วให้พิจารณาพิพากษาใหม่ได้ตามมาตรา 243 (2)
(ข้อ 3 ประชุมใหญ่ครั้งที่ 33/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาเมื่อส่งประเด็นไปสืบพยาน แม้แถลงจะตามประเด็นไปแล้ว การไม่ไปถือเป็นการสละสิทธิ์ ไม่ใช่ขาดนัด
วันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานเป็นวันแรกในคดีนั้น คู่ความฝ่ายใดไม่มาศาล ไม่ว่าตนจะมีหน้าที่นำพยานเข้าสืบหรือไม่ก็ตาม ก็เป็นการขาดนัดพิจารณาตามความหมายแพ่งกฎหมายแล้ว
การส่งประเด็นไปสืบพยานนั้นเป็นสิทธิของคู่ความที่จะตามประเด็นไปหรือไม่ไปก็ได้ ฉะนั้น แม้จะได้แถลงต่อศาลว่าจะตามประเด็นไป แต่แล้วต่อมามิได้ไปตามกำหนดนัด ก็หาทำให้เป็นผู้ขาดนัดพิจารณาไม่
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 19/2504
การส่งประเด็นไปสืบพยานนั้นเป็นสิทธิของคู่ความที่จะตามประเด็นไปหรือไม่ไปก็ได้ ฉะนั้น แม้จะได้แถลงต่อศาลว่าจะตามประเด็นไป แต่แล้วต่อมามิได้ไปตามกำหนดนัด ก็หาทำให้เป็นผู้ขาดนัดพิจารณาไม่
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 19/2504
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาและการไม่ติดตามการสืบพยาน
วันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานเป็นวันแรกในคดีนั้น คู่ความฝ่ายใดไม่มาศาล ไม่ว่าตนจะมีหน้าที่นำพยานเข้าสืบหรือไม่ก็ตาม ก็เป็นการขาดนัดพิจารณาตามความหมายแห่งกฎหมายแล้ว
การส่งประเด็นไปสืบพยานนั้น เป็นสิทธิของคู่ความที่จะตามประเด็นไปหรือไม่ก็ได้ ฉะนั้น แม้จะได้แถลงต่อศาลว่าจะตามประเด็นไป แต่แล้วต่อมามิได้ไปตามกำหนดนัดก็หาทำให้เป็นผู้ขาดนัดพิจารณาไม่
การส่งประเด็นไปสืบพยานนั้น เป็นสิทธิของคู่ความที่จะตามประเด็นไปหรือไม่ก็ได้ ฉะนั้น แม้จะได้แถลงต่อศาลว่าจะตามประเด็นไป แต่แล้วต่อมามิได้ไปตามกำหนดนัดก็หาทำให้เป็นผู้ขาดนัดพิจารณาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 612/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความคล้ายคลึงของเครื่องหมายการค้า ศาลสามารถวินิจฉัยได้เองจากรูปลักษณ์โดยไม่ต้องสืบพยานบุคคล
ในเรื่องเครื่องหมายการค้า รูปลักษณะเครื่องหมายการค้าของโจทก์จำเลยคล้ายคลึงกันอันจะแสดงว่าจำเลยเลียนของโจทก์หรือไม่เป็ยข้อที่ศาลพึงพิจารณารู้ได้เองเช่นบุคคลทั่วไปควรจจะรู้กัน ฉะนั้น แม้ศาลจะเพียงตรวจดูรูปลักษณะเครื่องหมายการค้าประกอบพยานเอกสารโดยไม่สืบพยานบุคคล ก็ชอบที่จะทำได้