คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กำหนดเวลา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 990 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธหนี้ในคดีล้มละลาย: กำหนดเวลาและเหตุสุดวิสัย
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 153 การขยายระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 119 แห่งกฎหมายล้มละลาย จะพึงกระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและผู้ร้องมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลา 14 วัน เว้นแต่ในกรณีมีเหตุสุดวิสัย เมื่อผู้ร้องมิได้ปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทลูกหนี้ (จำเลย) ต้องถือว่าผู้ร้องเป็นหนี้กองทุนของบริษัทลูกหนี้ (จำเลย) ตามจำนวนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทลูกหนี้ (จำเลย) แจ้งไปเป็นการเด็ดขาดตามมาตรา 119 การที่ผู้ร้องมายื่นคำร้องขอปฏิเสธหนี้เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาโดยอ้างว่าทนายความผู้ได้รับมอบหมายจากผู้ร้องแล้วไม่ดำเนินการให้ผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด มิใช่กรณีเหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 ที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลาให้ผู้ร้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธหนี้ในคดีล้มละลาย: กำหนดเวลาและเหตุสุดวิสัย
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 153 การขยายระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 119 แห่งกฎหมายล้มละลาย จะพึงกระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและผู้ร้องมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลา 14 วันเว้นแต่ในกรณีมีเหตุสุดวิสัย เมื่อผู้ร้องมิได้ปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทลูกหนี้ (จำเลย) ต้องถือว่าผู้ร้องเป็นหนี้กองทุนของบริษัทลูกหนี้ (จำเลย) ตามจำนวนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทลูกหนี้ (จำเลย) แจ้งไปเป็นการเด็ดขาดตามมาตรา 119 การที่ผู้ร้องมายื่นคำร้องขอปฏิเสธหนี้เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาโดยอ้างว่าทนายความผู้ได้รับมอบหมายจากผู้ร้องแล้วไม่ดำเนินการให้ผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด มิใช่กรณีเหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 ที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลาให้ผู้ร้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1840/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผัดฟ้องและอำนาจฟ้อง: การอนุมัติจากอธิบดีกรมอัยการทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องได้ แม้จะพ้นกำหนดผัดฟ้อง
โจทก์ได้รับอนุญาตจากศาลให้ผัดฟ้องจำเลยได้ เมื่อไม่ฟ้องในระยะเวลาที่ขอผัดฟ้อง แต่ต่อมาได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการให้ฟ้องได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1634/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือให้คำมั่นซื้อคืนที่ดิน: กำหนดเวลาเป็นสาระสำคัญ แม้มีคำสั่งห้ามโอนชั่วคราวก็ไม่สะดุด
หนังสือให้คำมั่นของโจทก์ที่ให้ไว้แก่จำเลยระบุไว้โดยชัดแจ้งแล้วว่า จำเลยต้องยื่นคำเสนอว่าจะซื้อที่พิพาทคืนภายในกำหนดเวลา 2 ปีนับแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2515 การที่จำเลยเพิ่งเสนอว่าจะซื้อที่พิพาทคืนเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2522. จึงล่วงเลยกำหนดระยะเวลาตามคำมั่นเสียแล้ว คำเสนอขอซื้อของจำเลยจึงไร้ผล
การที่ศาลชั้นต้นในคดีอื่นมีคำสั่งห้ามโอนที่พิพาทเป็นการชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุดนั้น มิได้เป็นข้อห้ามหรือขัดข้องแก่การที่จำเลยจะยื่นคำเสนอขอซื้อที่พิพาทคืน เพราะการเสนอขอซื้อเป็นคนละขั้นตอนกับการจำหน่ายจ่ายโอน คำสั่งห้ามชั่วคราวดังกล่าวจึงไม่มีผลให้ระยะเวลาตามคำมั่นต้องสะดุดหยุดลง
ข้อฎีกาที่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 869/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดสุราของกลางและการตกเป็นของแผ่นดินเมื่อไม่มาร้องขอคืนภายในกำหนด
สุราของกลางถูกเจ้าพนักงานศุลกากรยึดไว้ในฐานะเป็นของไม่เสียภาษีศุลกากรตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2517 โจทก์เข้ามอบตัวต่อตำรวจเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2517 จนกระทั่งศาลพิพากษาเรื่องโจทก์ปิดอากรแสตมป์สุราไม่ครบถ้วนตาม พระราชบัญญัติสุราฯแล้วโจทก์จึงมาขอสุราของกลางคืนซึ่งก็เป็นเวลาเกิน 30 วันนับแต่วันยึดแล้ว สุราของกลางจึงตกเป็นของแผ่นดินตาม พระราชบัญญัติศุลกากรฯ มาตรา 24 วรรค 2 ไปแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกคืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้แทนลูกหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความต้องเป็นไปตามกำหนดเวลาที่ตกลงกัน
ผู้ร้องซื้อที่ดินจากจำเลยซึ่งเอาไปจำนองโจทก์แต่ยังชำระราคาไม่ครบถ้วน เป็นผู้มีส่วนได้เสียในอันที่จะชำระหนี้แทนจำเลยได้ แต่หนี้ที่จำเลยจะชำระแก่โจทก์เป็นหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งจำเลยจะต้องชำระแก่โจทก์ภายใน 15 วันผู้ร้องก็ต้องชำระหนี้ภายใน กำหนดดังกล่าว จะขอผัดเวลาชำระหนี้ไปโดยโจทก์จำเลยมิได้ยินยอมไม่ได้ เมื่อผู้ร้องมิได้ชำระหนี้ ภายในกำหนดนั้นโจทก์ย่อมมีสิทธิบังคับคดียึดทรัพย์มาขายทอดตลาดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3913/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่เป็นไปตามรูปแบบ – ไม่ระบุประเด็นข้อโต้แย้งและขาดการยื่นภายในกำหนด
ฎีกาของจำเลยมีใจความเพียงว่า ขอคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ซึ่งยังวินิจฉัยคลาดเคลื่อนต่อเหตุผลและความเป็นจริงอยู่หลายประเด็น จำเลยยังไม่สามารถนำเอกสารคำให้การพยานโจทก์ มาเสนอศาลได้ ขอทำฎีกาย่อเพื่อขอขยายเวลาอีก 60 วัน ไม่ได้ระบุ ข้อเท็จจริงโดยย่อว่าประเด็นใดที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ชอบหรือขัดต่อกฎหมายอย่างไร จึงไม่เป็นฎีกาที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรค 2 ประกอบด้วยมาตรา 225 และมาตรา 216

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2811/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ภาษีเพิ่มเติมเกินกำหนด ทำให้จำเลยหมดสิทธิโต้แย้งการประเมิน และโจทก์มีอำนาจฟ้องได้
จำเลยได้รับแบบแจ้งการประเมินภาษีเพิ่มเติมตามฟ้องแล้วยื่นอุทธรณ์การประเมินอากรขาเข้าต่ออธิบดีกรมศุลกากรเกินกำหนด 30 วันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมินตามพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 มาตรา 112 ทวิ วรรคท้าย และไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์การประเมินภาษีการค้าต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ตามประมวลรัษฎากร หรือหากจะถือว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ยื่นต่ออธิบดีกรมศุลกากรเป็นอุทธรณ์การประเมินภาษีการค้าด้วยในฐานะที่กรมศุลกากรเป็นเจ้าหน้าที่เรียกเก็บภาษีการค้าเพื่อกรมสรรพากร การยื่นอุทธรณ์ภาษีการค้าของจำเลยก็เกินกำหนด 30 วันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 เช่นกัน อุทธรณ์การประเมินของจำเลยจึงเป็นอุทธรณ์ที่จะรับไว้วินิจฉัยไม่ได้จึงไม่มีข้อวินิจฉัยหรือผลการพิจารณาอุทธรณ์ที่จะแจ้งให้จำเลยทราบ และเมื่อจำเลยไม่ชำระค่าอากรขาเข้าและภาษีการค้าตามที่เจ้าพนักงานประเมินของโจทก์เรียกเก็บโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
จำเลยมิได้ยื่นอุทธรณ์การประเมินภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย จำเลยย่อมหมดสิทธิที่จะโต้แย้งคัดค้านว่าการประเมินภาษีเพิ่มเติมของโจทก์ไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2811/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ภาษีเพิ่มเติมเกินกำหนด: สิทธิโต้แย้งสิ้นสุด, ฟ้องเรียกเก็บได้
จำเลยได้รับแบบแจ้งการประเมินภาษีเพิ่มเติมตามฟ้องแล้วยื่นอุทธรณ์การประเมินอากรขาเข้าต่ออธิบดีกรมศุลกากรเกินกำหนด 30 วันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมินตามพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 มาตรา 112 ทวิ วรรคท้ายและไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์การประเมินภาษีการค้าต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร หรือหากจะถือว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ยื่นต่ออธิบดีกรมศุลกากรเป็นอุทธรณ์การประเมินภาษีการค้าด้วยในฐานะที่กรมศุลกากรเป็นเจ้าหน้าที่เรียกเก็บภาษีการค้าเพื่อกรมสรรพากร การยื่นอุทธรณ์ภาษีการค้าของจำเลยก็เกินกำหนด 30 วันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 เช่นกัน อุทธรณ์การประเมินของจำเลยจึงเป็นอุทธรณ์ที่จะรับไว้วินิจฉัยไม่ได้จึงไม่มีข้อวินิจฉัยหรือผลการพิจารณาอุทธรณ์ที่จะแจ้งให้จำเลยทราบ และเมื่อจำเลยไม่ชำระค่าอากรขาเข้าและภาษีการค้าตามที่เจ้าพนักงานประเมินของโจทก์เรียกเก็บโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
จำเลยมิได้ยื่นอุทธรณ์การประเมินภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย จำเลยย่อมหมดสิทธิที่จะโต้แย้งคัดค้านว่าการประเมินภาษีเพิ่มเติมของโจทก์ไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1522/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอขยายเวลาอุทธรณ์หลังพ้นกำหนด – เหตุสุดวิสัยที่ไม่เพียงพอ
หลังจากเลยกำหนดเวลายื่นอุทธรณ์แล้ว จำเลยได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาเพื่อให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยยื่นอุทธรณ์ โดยอ้างว่าทนายจำเลยมิได้แจ้งผลคดีให้จำเลยทราบว่าศาลชั้นต้นพิพากษาคดีเมื่อใด เพิ่งได้ทราบหลังจากพ้นกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์แล้ว จึงไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาได้ เหตุดังกล่าวหาใช่เหตุสุดวิสัยตามความหมายในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ไม่ ศาลชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยเสีย
of 99