พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,178 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งข้อเรียกร้องและเลือกตั้งผู้แทนลูกจ้างต้องครอบคลุมลูกจ้างทั้งหมด มิเช่นนั้นข้อตกลงทำกับผู้แทนที่ไม่ชอบจะไม่มีผลผูกพัน
การที่นายจ้างแจ้งข้อเรียกร้องต่อลูกจ้างนั้น เพียงแต่นายจ้างปิดประกาศข้อเรียกร้อง และส่งสำเนาประกาศแก่หัวหน้าแผนกทราบเพื่อชี้แจงแก่ลูกจ้างในแผนกก็เป็นการเพียงพอแล้ว
การเลือกตั้งผู้แทนลูกจ้างโดยลูกจ้างจัดการเอง ต้องมีการประชุมลูกจ้างซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง ในกรณีที่ข้อเรียกร้องของนายจ้างเกี่ยวกับเงื่อนไขในการจ่ายค่าจ้างข้อเรียกร้องนี้จึงเกี่ยวข้องกับลูกจ้างทั้งหมด การประชุมเลือกตั้งผู้แทนลูกจ้างจึงต้องเป็นการประชุมลูกจ้างทั้งหมดเพื่อพิจารณาว่าสมควรตั้งผู้ใดเป็นผู้แทนในการเจรจากับฝ่ายนายจ้างไม่ใช่เลือกตั้งกันเป็นแผนก ๆ เพราะลูกจ้างที่แผนกอื่นเลือกตั้งมาอาจไม่ใช่ผู้ที่ลูกจ้างในอีกแผนกหนึ่งประสงค์จะเลือกเป็นผู้แทนก็ได้
ถ้าผู้แทนที่เลือกตั้งมาไม่ใช่ผู้แทนของลูกจ้างทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง การเลือกตั้งผู้แทนลูกจ้างนั้นไม่ชอบ เมื่อผู้ซึ่งไม่ได้เป็นผู้แทนลูกจ้างที่แท้จริงไปทำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างกับนายจ้าง ข้อตกลงนั้นทั้งฉบับไม่มีผลบังคับ
การเลือกตั้งผู้แทนลูกจ้างโดยลูกจ้างจัดการเอง ต้องมีการประชุมลูกจ้างซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง ในกรณีที่ข้อเรียกร้องของนายจ้างเกี่ยวกับเงื่อนไขในการจ่ายค่าจ้างข้อเรียกร้องนี้จึงเกี่ยวข้องกับลูกจ้างทั้งหมด การประชุมเลือกตั้งผู้แทนลูกจ้างจึงต้องเป็นการประชุมลูกจ้างทั้งหมดเพื่อพิจารณาว่าสมควรตั้งผู้ใดเป็นผู้แทนในการเจรจากับฝ่ายนายจ้างไม่ใช่เลือกตั้งกันเป็นแผนก ๆ เพราะลูกจ้างที่แผนกอื่นเลือกตั้งมาอาจไม่ใช่ผู้ที่ลูกจ้างในอีกแผนกหนึ่งประสงค์จะเลือกเป็นผู้แทนก็ได้
ถ้าผู้แทนที่เลือกตั้งมาไม่ใช่ผู้แทนของลูกจ้างทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง การเลือกตั้งผู้แทนลูกจ้างนั้นไม่ชอบ เมื่อผู้ซึ่งไม่ได้เป็นผู้แทนลูกจ้างที่แท้จริงไปทำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างกับนายจ้าง ข้อตกลงนั้นทั้งฉบับไม่มีผลบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1397/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงยอมรับความรับผิดค่าเสียหายยุติประเด็นความประมาท
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถโจทก์เสียหายปรากฏว่า กรณีเดียวกันนี้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ถูกอัยการฟ้องต่อศาลทหารว่า ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์กับพวกได้รับอันตรายแก่กายและอันตรายสาหัส ศาลทหารพิพากษาลงโทษจำเลยคดีถึงที่สุด แล้วโจทก์จำเลยแถลงศาลและศาลจดรายงานไว้ว่าฝ่ายโจทก์มีส่วนประมาทอยู่ด้วย ตกลงกันให้ฝ่ายโจทก์จำเลยนำหลักฐานมา แสดงจำนวนค่าเสียหายเมื่อหักจำนวนค่าเสียหายของจำเลยจากค่าเสียหายของโจทก์แล้ว เหลือเท่าใด จำเลยยอมใช้เป็นจำนวนค่าเสียหายซึ่งจะต้องรับผิดต่อโจทก์ ดังนี้ ตามที่ศาลจดรายงานดังกล่าว ถือได้ว่าโจทก์จำเลยตกลงสละประเด็นข้อพิพาทข้ออื่น ๆ โดยเฉพาะข้อที่ว่าเหตุเกิดเพราะความประมาทของฝ่ายใดเสียแล้ว ข้อเท็จจริงที่ว่าฝ่ายใดประมาทจึงยุติคงมีประเด็นเรื่องค่าเสียหายตามข้อตกลงของคู่ความเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1379/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรังวัดที่ดินตามข้อตกลง: ศาลพิพากษาตามผลการรังวัด แม้เนื้อที่ไม่ตรงกับโฉนด
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท ชั้นพิจารณาโจทก์จำเลยท้ากันว่าหากเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดแล้วปักหลักเขตในที่พิพาทตรงจุดใด คู่ความยอมรับว่าจุดนั้นเป็นเขตที่ดินและยอมให้ศาลพิพากษาไปตามที่เจ้าพนักงานรังวัดมานั้น ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดและปักเขตตรงเส้นที่โจทก์นำชี้ไว้พอดี ต้องถือว่าตรงนั้นเป็น เขตที่ดิน ที่พิพาททั้งหมดจึงเป็นของโจทก์ จำเลยต้องแพ้คดีไปตามคำท้า
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ย่อมหมายถึงให้รื้อถอนออกไปจากที่พิพาทอันเป็นของโจทก์นั่นเอง ไม่เป็นการเกินคำฟ้องหรือคำขอท้ายฟ้องของโจทก์แต่อย่างใด จำเลยจึงต้องปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาดังกล่าว จะยกเรื่องเนื้อที่และแนวเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ขึ้นโต้เถียงเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษานั้นหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ย่อมหมายถึงให้รื้อถอนออกไปจากที่พิพาทอันเป็นของโจทก์นั่นเอง ไม่เป็นการเกินคำฟ้องหรือคำขอท้ายฟ้องของโจทก์แต่อย่างใด จำเลยจึงต้องปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาดังกล่าว จะยกเรื่องเนื้อที่และแนวเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ขึ้นโต้เถียงเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษานั้นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1379/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงรังวัดที่ดินเพื่อตัดสินข้อพิพาท ศาลยึดตามผลรังวัดที่ตกลงกันไว้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท ชั้นพิจารณาโจทก์จำเลยท้ากันว่าหากเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดแล้วปักหลักเขตในที่พิพาทตรงจุดใด คู่ความยอมรับว่าจุดนั้นเป็นเขตที่ดินและยอมให้ศาลพิพากษาไปตามที่เจ้าพนักงานรังวัดมานั้น ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดและปักเขตตรงเส้นที่โจทก์นำชี้ไว้พอดี ต้องถือว่าตรงนั้นเป็น เขตที่ดิน ที่พิพาททั้งหมดจึงเป็นของโจทก์ จำเลยต้องแพ้คดีไปตามคำท้า
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ย่อมหมายถึงให้รื้อถอนออกไปจากที่พิพาทอันเป็นของโจทก์นั่นเอง ไม่เป็นการเกินคำฟ้องหรือคำขอท้ายฟ้องของโจทก์แต่อย่างใด จำเลยจึงต้องปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาดังกล่าว จะยกเรื่องเนื้อที่และแนวเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ขึ้นโต้เถียงเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษานั้นหาได้ไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ย่อมหมายถึงให้รื้อถอนออกไปจากที่พิพาทอันเป็นของโจทก์นั่นเอง ไม่เป็นการเกินคำฟ้องหรือคำขอท้ายฟ้องของโจทก์แต่อย่างใด จำเลยจึงต้องปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาดังกล่าว จะยกเรื่องเนื้อที่และแนวเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ขึ้นโต้เถียงเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษานั้นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเพิ่มค่าจ้างขัดมติคณะรัฐมนตรี ไม่มีผลบังคับ แม้จดทะเบียนตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์
โจทก์จำเลยทำข้อตกลงกันเป็นหนังสือมีความหมายว่า จำเลยตกลงเพิ่มค่าจ้างเงินเดือนให้พนักงานคนละ 2 ขั้น ผู้แทนของจำเลยจะนำข้อตกลงเสนอต่อคณะกรรมการของจำเลยต่อไป ดังนี้ การที่จำเลยนำสืบว่า ข้อตกลงมีเงื่อนไขว่าจำเลยจะปฏิบัติตามเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว จึงมิใช่การแปลความหมายของข้อความในหนังสือข้อตกลง แต่เป็นการอ้างว่ายังมีข้อความอื่นเพิ่มเติมข้อความในหนังสือนั้นอยู่อีก ต้องห้ามมิให้นำสืบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
จำเลยเป็นรัฐวิสาหกิจและโจทก์เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ต้องอยู่ภายใต้บังคับของมติคณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีได้มีมติห้ามไม่ให้รัฐวิสาหกิจใดปรับปรุงอัตราค่าจ้าง เงินเดือนเว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีพิเศษ การที่โจทก์จำเลยตกลงกันปรับปรุงอัตราค่าจ้างและเงินเดือน โดยไม่ได้กำหนดให้ต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อน จึงเป็นการฝ่าฝืนมติของคณะรัฐมนตรี ไม่มีผลบังคับ และแม้ความตกลงดังกล่าวได้ดำเนินการตามขั้นตอนมาโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯก็ไม่เป็นเหตุให้กลับกลายเป็นข้อตกลงที่ใช้บังคับกันได้
จำเลยเป็นรัฐวิสาหกิจและโจทก์เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ต้องอยู่ภายใต้บังคับของมติคณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีได้มีมติห้ามไม่ให้รัฐวิสาหกิจใดปรับปรุงอัตราค่าจ้าง เงินเดือนเว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีพิเศษ การที่โจทก์จำเลยตกลงกันปรับปรุงอัตราค่าจ้างและเงินเดือน โดยไม่ได้กำหนดให้ต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อน จึงเป็นการฝ่าฝืนมติของคณะรัฐมนตรี ไม่มีผลบังคับ และแม้ความตกลงดังกล่าวได้ดำเนินการตามขั้นตอนมาโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯก็ไม่เป็นเหตุให้กลับกลายเป็นข้อตกลงที่ใช้บังคับกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเพิ่มค่าจ้างขัดมติคณะรัฐมนตรี: สัญญาไม่ผูกพัน, เหตุผลความชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์จำเลยทำข้อตกลงกันเป็นหนังสือมีความหมายว่า จำเลยตกลงเพิ่มค่าจ้างเงินเดือนให้พนักงานคนละ 2 ขั้นผู้แทนของจำเลยจะนำข้อตกลงเสนอต่อคณะกรรมการของจำเลยต่อไป ดังนี้ การที่จำเลยนำสืบว่า ข้อตกลงมีเงื่อนไขว่าจำเลยจะปฏิบัติตามเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว จึงมิใช่การแปลความหมายของข้อความในหนังสือข้อตกลง แต่เป็นการอ้างว่ายังมีข้อความอื่นเพิ่มเติมข้อความในหนังสือนั้นอยู่อีก ต้องห้ามมิให้นำสืบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94
จำเลยเป็นรัฐวิสาหกิจและโจทก์เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ต้องอยู่ภายใต้บังคับของมติคณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีได้มีมติห้ามไม่ให้รัฐวิสาหกิจใดปรับปรุงอัตราค่าจ้าง เงินเดือนเว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีพิเศษ การที่โจทก์จำเลยตกลงกันปรับปรุงอัตราค่าจ้างและเงินเดือน โดยไม่ได้กำหนดให้ต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อน จึงเป็นการฝ่าฝืนมติของคณะรัฐมนตรี ไม่มีผลบังคับ และแม้ความตกลงดังกล่าวได้ดำเนินการตามขั้นตอนมาโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ ก็ไม่เป็นเหตุให้กลับกลายเป็นข้อตกลงที่ใช้บังคับกันได้
จำเลยเป็นรัฐวิสาหกิจและโจทก์เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ต้องอยู่ภายใต้บังคับของมติคณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีได้มีมติห้ามไม่ให้รัฐวิสาหกิจใดปรับปรุงอัตราค่าจ้าง เงินเดือนเว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีพิเศษ การที่โจทก์จำเลยตกลงกันปรับปรุงอัตราค่าจ้างและเงินเดือน โดยไม่ได้กำหนดให้ต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อน จึงเป็นการฝ่าฝืนมติของคณะรัฐมนตรี ไม่มีผลบังคับ และแม้ความตกลงดังกล่าวได้ดำเนินการตามขั้นตอนมาโดยชอบด้วยพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ ก็ไม่เป็นเหตุให้กลับกลายเป็นข้อตกลงที่ใช้บังคับกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1110/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงค่าจ้างรวมค่าล่วงเวลา ไม่ขัดกฎหมาย หากลูกจ้างไม่สละสิทธิ
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำและประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน มิได้กำหนดห้ามนายจ้างและลูกจ้างตกลงจ้างกันโดยคิดค่าจ้างและค่าล่วงเวลารวมกันไปในตัว นายจ้างและลูกจ้างจึงย่อมตกลงกันได้และมิใช่เป็นกรณีตกลงทำนองให้ลูกจ้างสละสิทธิในค่าล่วงเวลา จึงไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1110/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงค่าจ้างรวมค่าล่วงเวลา ไม่ขัดต่อกฎหมาย ตราบเท่าที่ไม่เป็นการสละสิทธิ
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำและประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน มิได้กำหนดห้ามนายจ้างและลูกจ้างตกลงจ้างกันโดยคิดค่าจ้างและค่าล่วงเวลารวมกันไปในตัว นายจ้างและลูกจ้างจึงย่อมตกลงกันได้และมิใช่เป็นกรณีตกลงทำนองให้ลูกจ้างสละสิทธิในค่าล่วงเวลา จึงไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญารับขน: การยกเว้นความรับผิดจากเหตุสุดวิสัยและข้อตกลงชัดแจ้ง
การชำระหนี้อันเกิดจากสัญญารับขนของนั้น กฎหมายไม่ได้ห้ามมิให้ทำความตกลงล่วงหน้า ยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดในการชำระหนี้ของลูกหนี้ เมื่อตัวแทนของโจทก์ลงลายมือชื่อแสดงความตกลงด้วยโดยชัดแจ้งว่า ถ้าเรือไม่สามารถรับขนสินค้าของโจทก์เนื่องด้วยเหตุสุดวิสัยหรือไม่มาถึงท่าเรือกรุงเทพอย่างปลอดภัย ผู้รับขนไม่ต้องรับผิด ดังนั้นการที่เครื่องยนต์เรือเกิดชำรุดเสียหาย ไม่อาจมาถึงท่าเรือในเวลาที่กำหนดอย่างปลอดภัยผู้รับขนจึงไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1062/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างอันไม่เป็นธรรมหลังข้อตกลงสหภาพฯ และการใช้ดุลพินิจกำหนดค่าเสียหาย
เมื่อสหภาพแรงงานยื่นข้อเรียกร้องต่อนายจ้างและตกลงกันได้ ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากข้อตกลงคือสมาชิกสหภาพแรงงานซึ่งยื่นข้อเรียกร้องนั้น จึงถือได้ว่าสมาชิกสหภาพแรงงานเป็นผู้ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องที่สหภาพแรงงานยื่นต่อนายจ้าง ย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 123 การที่นายจ้างเลิกจ้างในระหว่างที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับจึงเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 41(4) มิได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการสั่งเรื่องค่าเสียหายในกรณีเลิกจ้างอันเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมได้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์จึงย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจที่จะกำหนดค่าเสียหายให้ลูกจ้างตามที่เห็นสมควรได้
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 41(4) มิได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการสั่งเรื่องค่าเสียหายในกรณีเลิกจ้างอันเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมได้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์จึงย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจที่จะกำหนดค่าเสียหายให้ลูกจ้างตามที่เห็นสมควรได้