คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 886 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1018/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องร้องเรียกเงินกู้และดอกเบี้ย: การแสดงสภาพแห่งข้อหาในคำฟ้อง และการพิสูจน์ข้อตกลง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2507 จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินโจทก์ไป 3,000 บาท อัตราชั่งละ 1 บาทต่อเดือน โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยทั้งสองทำหนังสือสัญญาให้โจทก์ไว้ตามสำเนาท้ายฟ้องจำเลยผิดนัดค้างส่งดอกเบี้ยตลอดมา โจทก์ทวงถามก็ไม่ชำระ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินต้นและดอกเบี้ย 4,440 บาทพร้อมกับดอกเบี้ยชั่งละ 1 บาทต่อเดือนคิดจากเงินต้น 3,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเงินเสร็จหากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระให้จำเลยที่ 2 ใช้แทน และยังปรากฏตามสัญญาข้อ 4 และข้อ 6 ด้วยว่า "ข้าพเจ้ายอมให้ดอกเบี้ยชั่งละบาทต่อเดือนแก่ท่านทุกเดือนไปจนกว่าจะนำเงินต้นส่งให้แก่ท่านจนครบจำนวน แม้ข้าพเจ้าประพฤติผิดสัญญานี้แต่ข้อหนึ่งข้อใดก็ดีข้าพเจ้ายอมให้ท่านฟ้องเรียกเงินต้นและดอกเบี้ยแก่ข้าพเจ้าตามกฎหมาย" ดังนี้ ฟังได้ว่าฟ้องโจทก์แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาว่า จำเลยผิดนัดตามสัญญากู้ที่โจทก์อ้างเป็นหลักแห่งข้อหานั้นแล้ว ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องฟุ่มเฟือยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ศาลไม่รับฟ้องได้
โจทก์ยื่นฟ้องที่มีคำบรรยายที่เขียนฟุ่มเฟือย ศาลสั่งให้ไปทำมาใหม่ใน 7 วัน โจทก์ไม่ปฏิบัติตาม ศาลย่อมสั่งไม่รับคำฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องฟุ่มเฟือยไม่แก้ไขตามคำสั่งศาล ศาลไม่รับฟ้อง ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ยื่นฟ้องที่มีคำบรรยายที่เขียนฟุ่มเฟือย ศาลสั่งให้ไปทำมาใหม่ใน 7 วัน โจทก์ไม่ปฏิบัติตาม ศาลย่อมสั่งไม่รับคำฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1613/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งต้องเกี่ยวข้องกับประเด็นในคำฟ้องเดิม ศาลไม่รับฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่า ขอให้ขับไล่ จำเลยให้การต่อสู้ว่าล. โอนขายตึกแถวที่เช่าให้โจทก์โดยตกลงกันว่าโจทก์จะจ่ายค่าขนย้ายให้แก่จำเลยผู้เช่า ต่อมาโจทก์ไม่ยอมจ่ายค่าขนย้าย จำเลยจึงยังคงมีสิทธิอยู่ในตึกแถวพิพาทต่อไป และฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ชำระเงินค่าขนย้ายให้แก่จำเลย ดังนี้ ประเด็นคงมีเพียงว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าหรือไม่ การที่จำเลยอ้างในฟ้องแย้งว่าจำเลยมีสิทธิได้รับค่าขนย้ายจากโจทก์ตามข้อตกลงดังกล่าว จึงเป็นคนละประเด็นต่างออกไปจากคำฟ้อง ฉะนั้น ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1583/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้เสียหายโจทก์ร่วมย่อมเป็นไปตามคำฟ้องของผู้ว่าคดี หากคำฟ้องของผู้ว่าคดีต้องยกฟ้อง อำนาจฟ้องของผู้เสียหายโจทก์ร่วมก็ย่อมสิ้นสุดไปด้วย
การที่ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดีโจทก์ ตามอำนาจที่ให้ไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 30 นั้น คำร้องของผู้เสียหายไม่ใช่คำฟ้องที่ถือได้ว่าเป็นคำฟ้องคดีหนึ่งอีกต่างหากจากฟ้องของผู้ว่าคดีโจทก์เมื่ออำนาจฟ้องของผู้ว่าคดีโจทก์สำหรับคดีนั้นไม่มีต้องยกฟ้องของผู้ว่าคดีโจทก์แล้ว ย่อมเป็นผลตามกฎหมายที่ต้องยกฟ้องของผู้เสียหายโจทก์ร่วมไปด้วยเพราะไม่มีคำฟ้องเหลืออยู่ที่จะให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้(อ้างฎีกาที่ 1274/2481)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทนายความไม่ต้องรับผิดชอบความเท็จในคำฟ้อง หากได้รับข้อมูลจากลูกความ
จำเลยที่ 2 เรียงคำฟ้องและรับว่าความในหน้าที่ของทนายความ ข้อความที่ปรากฏในคำฟ้องเป็นข้อความที่ได้จากคำบอกเล่าของจำเลยที่ 1 (ซึ่งเป็นลูกความ) และจะเป็นความเท็จหรือความจริง จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นทนายความย่อมไม่มีโอกาสจะทราบได้นอกจากจะปรากฏตามหลักฐานที่นำสืบ หากในเวลาภายหน้าความปรากฏขึ้นว่า คำฟ้องมีข้อความอันเป็นเท็จ ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบก็คือจำเลยที่ 1 หาใช่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นแต่ผู้เรียงคำฟ้องตามคำบอกเล่าในหน้าที่ของทนายความไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทนายความไม่ต้องรับผิดชอบความเท็จในคำฟ้อง หากเป็นข้อมูลที่จำเลย (ลูกความ) บอกเล่า
จำเลยที่ 2 เรียงคำฟ้องและรับว่าความในหน้าที่ของทนายความข้อความที่ปรากฏในคำฟ้องเป็นข้อความที่ได้จากคำบอกเล่าของจำเลยที่ 1(ซึ่งเป็นลูกความ) และจะเป็นความเท็จหรือความจริง จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นทนายความย่อมไม่มีโอกาสจะทราบได้นอกจากจะปรากฏตามหลักฐานที่นำสืบ หากในเวลาภายหน้าความปรากฏขึ้นว่า คำฟ้องมีข้อความอันเป็นเท็จผู้ที่จะต้องรับผิดชอบก็คือจำเลยที่ 1 หาใช่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นแต่ผู้เรียงคำฟ้องตามคำบอกเล่าในหน้าที่ของทนายความไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทนายความไม่ต้องรับผิดชอบต่อข้อความเท็จในคำฟ้อง หากได้จากการบอกเล่าของลูกความ
จำเลยที่ 2 เรียงคำฟ้องและรับว่าความในหน้าที่ของทนายความ.ข้อความที่ปรากฏในคำฟ้องเป็นข้อความที่ได้จากคำบอกเล่าของจำเลยที่ 1(ซึ่งเป็นลูกความ) และจะเป็นความเท็จหรือความจริง จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นทนายความย่อมไม่มีโอกาสจะทราบได้นอกจากจะปรากฏตามหลักฐานที่นำสืบ. หากในเวลาภายหน้าความปรากฏขึ้นว่า คำฟ้องมีข้อความอันเป็นเท็จ. ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบก็คือจำเลยที่ 1 หาใช่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นแต่ผู้เรียงคำฟ้องตามคำบอกเล่าในหน้าที่ของทนายความไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วันเวลาในคำฟ้องไม่ใช่สาระสำคัญ หากจำเลยให้การรับสารภาพและพฤติกรรมตามฟ้องเป็นความผิด
ฟ้องว่าเหตุเกิดวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2510 แต่ทางพิจารณาได้ความว่าเหตุเกิดวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2510 ข้อเท็จจริงจึงต่างกับฟ้อง แต่วันเวลาในคำฟ้องไม่เป็นสารสำคัญของคำฟ้อง เป็นแต่เพียงรายละเอียดเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาเท่านั้น และทั้งจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ เพราะจำเลยให้การรับสารภาพ หากทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามสารสำคัญของคำฟ้องแล้ว ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยได้ (อ้างฎีกาที่ 926/2510).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วันเวลาในคำฟ้องไม่เป็นสาระสำคัญ หากพิสูจน์ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามสาระสำคัญของคำฟ้อง ศาลลงโทษได้
ฟ้องว่าเหตุเกิดวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2510 แต่ทางพิจารณาได้ความว่าเหตุเกิดวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2510ข้อเท็จจริงจึงต่างกับฟ้องแต่วันเวลาในคำฟ้องไม่เป็นสารสำคัญของคำฟ้องเป็นแต่เพียงรายละเอียดเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาเท่านั้นและทั้งจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้เพราะจำเลยให้การรับสารภาพหากทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามสารสำคัญของคำฟ้องแล้วศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยได้(อ้างฎีกาที่ 926/2510)
of 89