คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฉ้อโกง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 938 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1187/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำที่เข้าข่ายฉ้อโกงต้องมีการหลอกลวงเป็นสาระสำคัญ การรับว่าจะทำสิ่งใดแล้วไม่ทำไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกง
โจทก์กล่าวฟ้องว่า จำเลยใช้อุบายหลอกลวงเอาความเท็จมากล่าวแก่ผู้เสียหายว่าจำเลยร้อนเงิน ขอยืมเข็มขัดนาคไปจำนำก่อนเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ วันรุ่งขึ้นจะจัดการไถ่คืนให้ ซึ่งความจริงจำเลยไม่ได้มีเจตนาจะนำเข็มขัดนาคไปจำนำและจัดการไถ่คืนให้ผู้เสียหายดังกล่าว แต่จำเลยมีเจตนาจะเอาเข็มขัดนาคนั้นเสียเลย ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงมอบเข็มขัดนาคของผู้เสียหายให้จำเลยไป แล้วจำเลยเอาเข็มขัดนาคสายนี้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย
การบรรยายฟ้องเช่นนี้ ไม่เป็นฟ้องฐานฉ้อโกง ในฟ้องแสดงเพียงว่าจำเลยรับจะทำอะไรแล้วไม่ทำตามรับเท่านั้น การไม่ทำตามรับเช่นนี้ไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกง แม้ในฟ้องมีคำว่าจำเลยใช้อุบายหลอกลวง แต่เมื่ออ่านฟ้องโดยตลอดจะพบว่า ไม่มีการหลอกลวงอันเป็นความผิดอาญา.
(ประชุมครั้งใหญ่ 11/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1187/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกง: การรับว่าจะทำแต่ไม่ทำตาม ไม่ถือเป็นความผิดฐานฉ้อโกง หากไม่มีเจตนาหลอกลวงตั้งแต่แรก
โจทก์กล่าวฟ้องว่า จำเลยใช้อุบายหลอกลวงเอาความเท็จมากล่าวแก่ผู้เสียหายว่าจำเลยร้อนเงิน ขอยืมเข็มขัดนาคไปจำนำก่อนเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ วันรุ่งขึ้นจะจัดการไถ่คืนให้ ซึ่งความจริงจำเลยไม่ได้มีเจตนาจะนำเข็มขัดนาคไปจำนำและจัดการไถ่คืนให้ผู้เสียหายดังกล่าวแต่จำเลยมีเจตนาจะเอาเข็มขัดนาคนั้นเสียเลยผู้เสียหายหลงเชื่อจึงมอบเข็มขัดนาคของผู้เสียหายให้จำเลยไปแล้วจำเลยเอาเข็มขัดนาคสายนี้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียการบรรยายฟ้องเช่นนี้ ไม่เป็นฟ้องฐานฉ้อโกงในฟ้องแสดงเพียงว่าจำเลยรับจะทำอะไรแล้วไม่ทำตามรับเท่านั้นการไม่ทำตามรับเช่นนี้ไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกงแม้ในฟ้องมีคำว่าจำเลยใช้อุบายหลอกลวง แต่เมื่ออ่านฟ้องโดยตลอดจะพบว่า ไม่มีการหลอกลวงอันเป็นความผิดอาญา
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องทุกข์ในคดีฉ้อโกง: ผู้ว่าฯ คนใหม่มีอำนาจร้องทุกข์แทนผู้เสียหายเดิม
ผู้ว่าราชการจังหวัดถูกฉ้อโกงหลงเชื่อสั่งจ่ายเงินซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ไป เมื่อย้ายผู้ว่าราชการคนเก่าไปแล้วผู้ว่าราชการจังหวัดคนใหม่โดยตำแหน่งย่อมเป็นผู้เสียหายมีสิทธิร้องทุกข์ให้เอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้
การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีนั้นถือได้ว่าเป็นการร้องทุกข์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมแปลงเอกสารและฉ้อโกง: การพิสูจน์การร้องทุกข์ของผู้เสียหายเป็นสาระสำคัญในการลงโทษ
อัยการโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดหลายบทหลายกระทงคือปลอมหนังสือและฉ้อโกงนายเจียมพลฯ บรรจง ผู้เสียหาย ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ให้พนักงานดำเนินคดีแล้ว
แม้ศาลล่างทั้งสองฟังว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องและพิพากษาลงโทษจำเลยตาม มาตรา 224,227,304 ฯลฯ กับให้คืนเงินจำเลย
ในชั้นฎีกาเมื่อคดีนี้ฟังได้ว่าไม่มีการร้องทุกข์ก็ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 304 ไม่ได้ จึงชอบที่จะพิพากษาแก้เฉพาะที่เกี่ยวกับมาตรา 304 และเรื่องการใช้เงิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฉ้อโกงต้องมีองค์ประกอบการหลงเชื่อจำเลยโดยตรง หากผู้เสียหายหลงเชื่อผู้อื่น การกระทำของจำเลยไม่ถือเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย
เมื่อข้อเท็จจริงในห้องสำนวนปรากฏว่า ผู้เสียหายมอบเงินให้แก่ผู้แทนผู้เสียหายไปรับจำนองแทนผู้เสียหายเพราะเชื่อตามที่ผู้แทนบอกเช่นนี้และศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าผู้เสียหายหลงเชื่อจำเลยดังนี้เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงไม่ตรงกับความจริง ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยเสียใหม่ให้ตรงความจริงได้
เมื่อผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ร้องทุกข์ มิได้เสียหายเนื่องจากหลงเชื่อการกระทำของจำเลยแล้วก็ย่อมขาดองค์สำคัญแห่งความผิดฐานฉ้อโกง จะลงโทษจำเลยหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฉ้อโกงต้องเกิดจากการหลงเชื่อจำเลยโดยตรง หากผู้เสียหายหลงเชื่อผู้อื่นและส่งทรัพย์ให้ผู้นั้น ไม่ถือว่าเสียหายจากการฉ้อโกงของจำเลย
เมื่อข้อเท็จจริงในท้องสำนวนปรากฏว่า ผู้เสียหายมอบเงินให้แก่ผู้แทนผู้เสียหายไปรับจำนองแทนผู้เสียหาย เพราะเชื่อตามที่ผู้แทนบอกเช่นนี้ และศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าผู้เสียหายหลงเชื่อจำเลย ดังนี้เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงไม่ตรงกับความจริง ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยเสียใหม่ให้ตรงความจริงได้
เมื่อผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ร้องทุกข์ มิได้เสียหายเนื่องจากหลงเชื่อการกระทำของจำเลยแล้ว ก็ย่อมขาดองค์สำคัญแห่งความผิดฐานฉ้อโกง จะลงโทษจำเลยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1060/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ลายมือชื่อผู้อื่นสร้างเอกสารเท็จเพื่อใช้ในคดีแพ่ง มีความผิดทั้งฐานฉ้อโกงและเป็นเจ้าพนักงานจงใจทำด้วยประการใดให้การเท็จ
การที่ได้รับมอบลายมือชื่อของเขาไปเพื่อขอรถตู้ แต่กลับเอาไปเขียนข้อความว่าได้แบ่งปันผลกำไรการค้ากันแล้วนำเอาเอกสารพยานเท็จนั้นมาอ้างในคดีเช่นนี้นอกจากเป็นความผิดตาม ม.315 แล้วยังต้องมีความผิดตาม ม.157 อีกด้วย
พฤติการณ์ที่จำเลยเป็นหุ้นส่วนกับโจทก์ ๆ ยอมปรองดองไม่ติดใจเอาความแก่จำเลย ๆ ไม่เคยต้องโทษมาก่อนดังนี้ควรรอการลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำที่เจ้าของมอบครองทรัพย์ให้ผู้อื่น แล้วผู้นั้นยินยอมให้จำเลยเอาไป โดยจำเลยอ้างว่าได้รับอนุญาตจากเจ้าของ ถือเป็นฉ้อโกง ไม่ใช่ลักทรัพย์
หัวผักกาดที่เจ้าทรัพย์มอบให้บุคคลอื่นครอบครอง บุคคลอื่นยินยอมให้จำเลยเอาไปได้โดยดี เพราะหลงเชื่อในถ้อยคำของจำเลยที่อ้างว่าเจ้าของให้มาเอาไปขายและหลงเชื่อในอาการที่จำเลยเป็นคนมาติดต่อขอซื้อและจำเลยเป็นคนพูดจาฝากหัวผักกาดเหล่านั้นไว้ โดยผู้ครอบครองมิได้รู้ถึงความจริงว่าหัวผักกาดเหล่านั้นเป็นของผู้ใดกันแน่กรณีเช่นนี้จะเป็นความผิดอาญาก็เป็นเรื่องฉ้อโกงหาใช่ฐานลักทรัพย์ไม่
ฟ้องว่าลักทรัพย์พิจารณาได้ความว่ากระทำผิดฐานฉ้อโกงต้องยกฟ้องตาม ป.วิ.อาญา ม.192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งมอบทรัพย์โดยความเข้าใจผิด ไม่ถือเป็นลักทรัพย์ แต่เป็นฉ้อโกง
หัวผักกาดที่เจ้าทรัพย์มอบให้บุคคลอื่นครอบครอง บุคคลอื่นยินยอมให้จำเลยเอาไปได้โดยดี เพราะหลงเชื่อในถ้อยคำของจำเลยที่อ้างว่าเจ้าของให้มาเอาไปขาย และหลงเชื่อในอาการที่จำเลยเป็นคนมาติดต่อขอซื้อและจำเลยเป็นคนพูดจาฝากหัวผักกาดเหล่านั้นไว้ โดยผู้ครอบครองมิได้รู้ถึงความจริงว่าหัวผักกาดเหล่านั้นเป็นของผู้ใดกันแน่ กรณีเช่นนี้จะเป็นความผิดอาญาก็เป็นเรื่องฉ้อโกงหาใช่ฐานลักทรัพย์ไม่
ฟ้องว่าลักทรัพย์พิจารณาได้ความว่ากระทำผิดฐานฉ้อโกงต้องยกฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1728/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานทางอ้อมพิสูจน์ความผิดฐานลักทรัพย์ และการขาดการร้องทุกข์ในความผิดฐานฉ้อโกง
ที่จะมีความผิดฐานลักทรัพย์นั้นแม้ไม่มีประจักษ์พยานเห็นว่าจำเลยเป็นคนร้ายเข้าไปลักกระบือแต่ได้ความว่ากระบือหายเวลาค่อนแจ้ง กำนันจับจำเลยได้ขณะขี่กระบือในวันรุ่งขึ้นเวลาบ่าย จำเลยก็รับว่าไม่รู้จักเจ้าทรัพย์แม้บ้านก็ไม่รู้จัก ครั้นจำเลยได้ประกันตัวไปจากอำเภอเพื่อนำหลักฐานมาแสดง จำเลยก็ตรงไปหาเจ้าทรัพย์ถูก ซ้ำยังหลอกลวงว่าจะไปไถ่กระบือคืนให้ ๆ เจ้าทรัพย์มอบตั๋วพิมพ์รูปพรรณไปพฤติการณ์ดังนี้เป็นเหตุแวดล้อมให้เห็นว่าจำเลยนั่นเองเป็นผู้เข้าไปลักกระบือรายนี้
อันความผิดฐานฉ้อโกงนั้นแม้ในฟ้องจะกล่าวว่า เจ้าทุกข์ได้ร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานสอบสวนจัดการดำเนินคดีแก่จำเลยก็ดีแต่เวลาโจทก์นำสืบไม่ปรากฎว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงาน ขอให้ดำเนินคดีในความผิดฐานี้เลย ทั้งหลักฐานการร้องทุกข์ก็ไม่ปรากฎฉนั้นจะฟังว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานขอให้ดำเนินคดีแก่จำเลยหาได้ไม่ โจทก์จึงฟ้องจำเลยฐานฉ้อโกงยังไม่ได้
of 94